16 ก.ย. 2021 เวลา 12:36 • ปรัชญา
" ... เมื่อเรารู้ว่ารักษาเพื่อระงับกิเลส
ไม่ได้รักษาเพื่ออย่างอื่นแล้ว
แม้จะรักษาแต่เล็กแต่น้อยโดยเอกเทศ
ไม่ครบตามจำนวนในพระปาติโมกข์
ในจำนวนแห่งธุดงควัตร
ก็ได้ชื่อว่าเป็นอันรักษาครบทุกอย่าง
เพราะจับต้นจับเค้ารากเหง้าแห่งกิเลสได้แล้ว ... "
เราตถาคตตั้งศาสนาไว้
ไม่ได้หวังเพื่อให้บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งบำเพ็ญหาประโยชน์อย่างอื่น
ตั้งไว้เพื่อประสงค์จะให้บุคคลบำเพ็ญภาวนา
เพื่อให้ระงับดับกิเลสตัณหาเท่านั้น
การบำเพ็ญภาวนา
เมื่อไม่คิดว่าจะให้ระงับดับกิเลสตัณหาแห่งตน
ก็ได้ชื่อว่า เป็นคนหลงโลกหลงทาง
ส่วนกุศลที่เกิดจากการบำเพ็ญภาวนานั้น
จะว่าไม่ได้ไม่มีเช่นนั้นก็ไม่ปฏิเสธ
อันที่จริง ก็หากเป็นบุญเป็นกุศลโดยแท้
แต่ว่าเป็นทางหลงจากพระนิพพานเท่านั้น
การกระทำความเพียรบำเพ็ญภาวนา
ทำบุญทำกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งมากน้อยเท่าใดก็ตาม
ก็ให้รู้ว่าบำเพ็ญบุญกุศลและเจริญภาวนา
เพื่อระงับดับกิเลสตัณหาของตนให้น้อยลง
ให้พ้นจากกองกิเลสนั้น
เช่นนี้ชื่อว่าเดินถูกทางพระนิพพานแท้
ดูกรอานนท์ จงพากันประพฤติตามคำสอนที่เราแสดงไว้นี้
ถ้าผู้ใดมิได้ประพฤติตาม
ก็พึงเข้าใจว่า ผู้นั้นเป็นคนนอกพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่ข้า ฯ อานนท์ดังนี้แล้ว
จึงทรงแสดงต่อไปอีกว่า
ดูกรอานนท์
เราตถาคตบัญญัติศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐
ศีลพระปาติโมกข์ไว้หลายประเภทนั้น
ก็เพราะอยากให้สัตว์ยกตนออกจากกองกิเลส
ถ้าบุคคลจำพวกใดตั้งอยู่ในศีล ๕
บุคคลจำพวกนั้นก็บางจากกิเลส 1 ชั้น
ตั้งอยู่ในศีล ๘ ก็บางจากกิเลส 2 ชั้น
ตั้งอยู่ในศีล ๑๐ ก็บางจากกิเลส 3 ชั้น
ตั้งอยู่ในศีลพระปาติโมกข์ ก็บางจากกิเลส 4 ชั้น
ดูกรอานนท์
บุคคลผู้บำเพ็ญศีลน้อยศีลมากประเภทใดประเภทหนึ่ง
ก็เพื่อให้รู้ซึ่งการละกิเลส
แลยกตนให้พ้นจากกิเลส
เมื่อไม่รู้เช่นนั้น ได้ชื่อว่าเป็นคนหลง
ส่วนผลอานิสงส์ที่ได้บำเพ็ญศีลนั้น
เราตถาคตได้กล่าวอยู่ว่ามีผลอานิสงส์จริง
แต่ว่ามีอานิสงส์น้อยและผิดจากทางพระนิพพาน
ถ้าเข้าใจว่าการรักษาศีล
เพื่อจะยกตนให้พ้นจากกิเลส
รักษาศีล ๕ ได้แล้ว
จงเพียรพยายามรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐
ศีลพระปาติโมกข์เป็นลำดับไป
เพื่อจะยกตนให้พ้นจากกองกิเลสทีละเล็กทีละน้อยตามลำดับ
เมื่อเราตั้งอยู่ในศีลประเภทใด
ก็ตั้งใจรักษาโดยเต็มความสามารถ
รู้ดังนี้ จึงมีผลอานิสงส์มาก
ไม่เป็นคนหลง และตรงต่อทางพระนิพพานโดยแท้
ดูกรอานนท์ กุลบุตรผู้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา
เป็นศิษย์แห่งเราตถาคตนี้
ก็หวังเพื่อความระงับดับกิเลส
ไม่อยากเกิดในโลกสืบต่อไป
เพราะกิเลสนั้นเป็นเชื้อสายสืบโลก
บันดลบันดาลใจให้ยินดีไปในทางโลก
ครั้นเกิดมาแล้ว ก็ให้เจ็บไข้ แก่ ตาย
และให้พลัดพรากจากกัน
ให้รัก ให้ชัง ให้อด ให้ตี ให้ด่า
ให้อยาก ให้ทุกข์ ให้ยากเข็ญใจ
อาการกิริยาแห่งกิเลสเป็นเช่นนี้
เราตถาคตจึงทรงอนุญาตให้บวช
เพื่อความระงับดับกิเลส
ไม่ให้เกิดมีเป็นเชื้อสายสืบโลกต่อไป
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
ตั้งใจรักษาศีลเพื่อให้ดับกิเลส
และตรึกตรองหาอุบาย
เพื่อทำลายกิเลสอันเป็นต้นเค้าให้ขาดสูญ
2
การรักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี
การรักษาข้อวัตรในธุดงค์ ๑๓ นั้นก็ดี
ก็เป็นอันประมวลลงในศีลนั้นทุกอย่าง
มิใช่ว่าจะรักษามากมายหลายสิ่งหลายอย่าง
จนสิ้นจนหมด หามิได้
รักษาศีลพระปาติโมกข์ก็ดี
รักษาธุดงควัตร ๑๓ ก็ดี
ก็ไม่มีเพื่อประโยชน์อย่างอื่น
เพื่อความระงับดับกิเลสอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อรู้ว่ากิเลสเป็นเค้าเงื่อนแห่งกองทุกข์
กองโทษ กองบาป กองกรรม เช่นนี้แล้ว
ข้อวัตรอันใดที่เป็นไป
เพื่อจะยกตนออกจากกิเลสได้
ก็จงกระทำข้อวัตรนั้นให้บริบูรณ์เถิด
การรักษาศีลพระปาติโมกข์
แลรักษาธุดงควัตรทุกอย่าง
เมื่อมิได้เข้าใจว่า
เพื่อความระงับดับกิเลส
ก็ชื่อว่าเป็นการรักษาเปล่า ๆ
เมื่อเรารู้ว่ารักษาเพื่อระงับกิเลส
ไม่ได้รักษาเพื่ออย่างอื่นแล้ว
แม้จะรักษาแต่เล็กแต่น้อยโดยเอกเทศ
ไม่ครบตามจำนวนในพระปาติโมกข์
ในจำนวนแห่งธุดงควัตร
ก็ได้ชื่อว่าเป็นอันรักษาครบทุกอย่าง
เพราะจับต้นจับรากเหง้าแห่งกิเลสได้แล้ว
เปรียบดังบุรุษตัดต้นไม้
ถ้าตัดเหง้าตัดรากแก้วขาดแล้ว
กิ่งก้านสาขา แม้ไม่ต้องตัดก็ตายเอง
ถ้าไปตัดรอนแต่กิ่งก้านสาขา รากเหง้าไม่ได้ตัด
ต้นไม้นั้น ก็อาจงอกงามขึ้นได้อีก
ดูกรอานนท์ บุคคลที่บวชในพระศาสนานี้
ก็เปรียบเหมือนบุคคลผู้ตัดต้นไม้ ฉะนั้น
การบวชมิใช่ว่ามุ่งประโยชน์อย่างอื่น
บวชเพื่อระงับดับกิเลส เท่านั้น
ถ้าไม่หวังเพื่อความดับกิเลสแล้ว
ไม่ต้องบวชดีกว่า
การที่บวชโดยที่ไม่ได้มุ่งเพื่อการดับกิเลส
แม้จะมีความรู้วิเศษสักปานใด
ก็ได้ชื่อว่ารู้เปล่า ๆ
แต่ว่าการที่เป็นผู้มีความรู้ความฉลาดนั้น
เรามิได้ติว่าเป็นไม่รู้ไม่ดี ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นกุศล
ก็คงเป็นอันรู้กันดี เป็นบุญเป็นกุศลอยู่นั่นเอง
แต่ว่าเป็นความรู้ที่ผิดจากทางพระนิพพาน
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา