20 ก.ย. 2021 เวลา 01:58 • นิยาย เรื่องสั้น
6.19. ปาฏิหาริย์หยกมังกร
ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนอง - กำเหลง ขุนพลโจรสลัด - ตราหยกมังกรจักรวาล
ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดมัวกลับกลายเป็นยามบ่ายที่เกิดพายุฝนหลงฤดูโปรยปรายเป็นเส้นสายสีขาว วุยอ๋องโจโฉ อาศัยสถานะเจ้าบ้าน สั่งการให้จูกัดเอี๋ยนดูแลจัดการกับผู้คนด้านนอกให้รอคอยฟังการไต่สวนพวกที่อาจจะเกี่ยวข้องกับขบถแผ่นดินกลุ่มนี้เสียก่อน จนแขกบุคคลสำคัญต้องไปยืนเบียดเสียดกันอยู่ตามชายคาปีกกำแพงด้านข้างเป็นการชั่วคราว สุดท้าย โจโฉจำยอมให้เปิดพระตำหนักใกล้เคียงให้เข้าไปพักผ่อนหลบฝนไปก่อน สร้างความลำบากใจต่อผู้มาร่วมงานยิ่งนัก
สภาพภายในท้องพระโรง แสงเทียนถูกจุดขึ้นสว่างไสวไปทั่วบริเวณ ซากศพผู้ตายยังคงกลาดเกลื่อน และโลหิตไหลนองขัดตา ตัวแทนผู้นำสามฝ่ายและสามเทวะยังยืนอยู่ในจุดเดิม มีเพียงพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่ยังคงถือกระบี่สังหารอยู่ในมือ โดยกุยห้วย หัวหน้าองครักษ์ยืนกำกับอยู่ด้านหลัง ตลอดเวลาหลายสิบปี พระองค์ไม่เคยลงมือรุนแรงเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะการฆ่าคนตายด้วยน้ำมือของตนเอง หากแต่ครั้งนี้ กลับรู้สึกสาสมใจยิ่งนัก เพราะผู้ตายเป็นจอมมารเลื่องชื่อ แสดงว่า พระองค์อาจจะกลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้ในชั่วข้ามวันแล้ว กระแสฟื้นฟูฮั่นย่อมรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซากศพของขบถแห่งแผ่นดิน เมธีพิณสังหารถูกนำตัวลงจากพระราชบัลลังก์ ลงมานอนทอดกายอยู่กลางท้องพระโรงแล้ว ส่วนกวนลอในคราบนักดนตรีที่แสร้งตายเมื่อครู่อาศัยช่วงชุลมุนก่อนหน้านั้น ปะปนออกไปพร้อมกับกลุ่มนักแสดงที่หลงเหลือ รวมทั้งโจฮองเฮาทั้งสาม ภายใต้การอำนวยการของขันทีเตียวโถ และหัวหน้านางรำกุยฮวย
ผู้ตายคือเมธีพิณสังหาร คนทั้งแผ่นดินล้วนรับรู้ว่า เกี่ยวพันกับฝ่ายกังตั๋งแน่นอน เพียงแต่คนสกุลซุนจะว่ากล่าวเช่นไรเท่านั้นเอง
“คนผู้นี้ใช้นามเดิมว่า โจวจู๋ เป็นคนดังในดินแดนภาคใต้ แต่อดีตความเป็นมาเช่นไรไม่กระจ่าง เพียงได้ยินว่า ทำตัวเป็นที่พึ่งพาของทหารผู้พิการ ชาวนา และคนยากไร้มานาน จนผู้คนนับถือกราบไหว้ดุจดั่งเซียนผู้วิเศษ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น จึงมิได้เกี่ยวเนื่องกับคนสกุลซุนดอก” ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนองชิงสร้างเรื่องราวปะติดปะต่อกันให้เกิดความสับสน “การลงมือในครั้งนี้ อาจจะมีความแค้นเคืองต่อผู้ใดในที่แห่งนี้โดยเฉพาะเจาะจง หรือเป็นเพียงการลงมือกับทุกฝ่ายก็เป็นได้”
โจโฉได้ยินคำว่า โจวจู๋ ย่อมนึกถึงศัตรูคู่อาฆาตที่ทำให้หญิงคนรัก ซัวบุ้นกี ตายอยู่ในหุบเขาละทิ้งอดีต หากพิจารณาตามบุคลิกท่าทางระหว่างโจวจู๋กับคนผู้นี้ ก็พอมีความคล้ายคลึงกันอยู่ แต่มันเห็นกับตาว่า โจวจู๋ถูกยิงสังหารไปแล้ว จึงยังไม่ปักใจเชื่อถือคำพูดที่ลกซุนพยายามกลบเกลื่อน พลางจับจ้องสังเกตท่าทีของซุนกวนไม่วางตา
เห็นซุนกวนเดินเข้าไปมองดูใบหน้าของผู้ตายใกล้ๆ เหมือนพิจารณาอย่างจริงจัง แต่ไม่แสดงความเศร้าโศกเสียใจใดๆ จึงยากจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนสองคนนี้ แต่แล้ว มันกลับนึกถึงกรณีของม้าเท้งที่เคยแสร้งตายแล้วกลับมาป่วนแผ่นดินเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ภาพของสหายคนหนึ่งที่ลาโลกไปนานหลายสิบปี ลอยขึ้นมาตรงหน้า เป็นซุนเกี๋ยน บิดาของซุนเซ็ก และซุนกวน ผู้โด่งดัง อีกหนึ่งอดีตมิตรสหายของมันเอง
“พวกเราลองดูให้ชัดตา คนผู้นี้ใช่คล้ายคลึงกันกับขุนพลซุนเกี๋ยนในอดีตหรือไม่” โจโฉตะโกนเสียงดัง พลางสังเกตท่าทีของซุนกวนไม่วางตา เห็นไหล่ของทายาทคนดังกระตุกเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้คาดเดาได้แล้ว “เป็นมันจริงๆด้วย ที่แท้ พวกกังตั๋งต้องการก่อขบถ รีบจับตัวซุนกวนกับพวกเอาไว้โดยเร็ว”
ยังไม่ทันที่พวกโจโฉจะชักอาวุธลงมือ ซุนกวน ลกซุน กำเหลง กลับชิงลงมือก่อน เห็นกลุ่มหมอกควันสีขาวพวยพุ่งไปรอบทิศทาง ทุกคนไม่กล้าขยับเคลื่อนที่ แต่ล้วนพยายามป้องกันตัวเอง และเจ้านายของตนเป็นสำคัญ จนเกิดเสียงปะทะต่อสู้กันวุ่นวาย
ฝ่ายซุนกวนต้องการเป็นฝ่ายรุกเพื่อพลิกสถานการณ์ ลกซุนพุ่งเป้าเข้าหาโจโฉ ศัตรูคู่อาฆาต แต่ถูกเตียวคับ โจหยินขัดขวางไว้ กำเหลงขยับเข้าอีกด้าน แต่เห็นแฮหัวตุ้น โจหองกีดขวางทางอยู่ จึงพลิกตัวเข้าหาเป้าหมายที่อ่อนแอกว่าอีกด้านหนึ่ง ส่วนฝ่ายเล่าปี่ ที่จริงแล้ว สามารถนิ่งเฉยดูท่าทีไปเรื่อยๆ แต่เสียวเอียนจื่อกลับชิงความได้เปรียบไปอีกขั้น สวนทางเข้าหาซุนกวนที่ยืนโดดเดี่ยวตามลำพัง
จนกระทั่งเมื่อหมอกควันคลี่คลายไปแล้ว จึงเห็นบุคคลสองคนที่ตกอยู่ในภาวะอันตราย คนแรกคือซุนกวนที่ถูกเสียวเอียนจื่อสยบไว้ ส่วนอีกคนหนึ่ง กลับเป็นกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่ถูกกำเหลงใช้กระบี่ที่เดิมอยู่ในมือของพระองค์เองนั้น มาจ่อคอเอาไว้แทน สร้างความอับอายแก่กุยห้วย ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์หน้าใหม่ที่ฝีมือยังห่างชั้น ถูกกำเหลงฟันใส่หนักหน่วงหลายแผล แต่เป็นบาดแผลภายนอก จึงยังประคองตัวได้อยู่
ลกซุน กุนซือฝ่ายกังตั๋งจึงกลายเป็นผู้ดำเนินการเจรจาก่อน “ท่านเล่าปี่ พวกท่านสมควรดูออกแล้วว่า งานเลี้ยงนี้เป็นเพียงกับดัก เพื่อกำจัดพวกเราทั้งสองฝ่าย โจโฉไม่ได้มีความจริงใจในการลดทอนอำนาจตัวเอง แต่สร้างเรื่องกุข่าว ก่อกวนให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ จงไตร่ตรองให้รอบคอบ และมาร่วมมือกันจัดการกับโจโฉจะดีกว่า”
เสียวเอียนจื่อมองเห็นแววตาของโจโฉคล้ายพบเห็นเรื่องราวที่สาสมใจ พลันตระหนักถึงแผนการร้าย กำลังจะเอ่ยปากทักท้วง แต่เล่าปี่กลับมารับมีดสั้นมาจ่อคอของซุนกวนเอาไว้แทน พลางกล่าว “พวกเจ้าล่วงเกินต่อฮ่องเต้ ไม่มีทางที่ข้าจะเป็นฝ่ายเดียวกันกับเจ้าหรอก ปล่อยพระองค์เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะเริ่มกรีดทำร้ายนายเจ้าทีละส่วน อย่างไรเสีย มันก็คือต้นเหตุที่ทำให้น้องร่วมสาบานของข้าตายไปถึงสองคน” เล่าปี่ไม่พูดพล่ามทำเพลง ถึงกับใช้มีดสั้นตวัดไปยังใบหูด้านขวาของซุนกวนจนขาดสะบั้น เลือดกระจายเต็มร่างกาย ภาพอันน่าสยดสยองและเสียงร้องโหยหวนอย่างกระทันหันจากปากซุนกวน สร้างความตระหนกตกใจแก่ทุกคนในท้องพระโรง
ลกซุนใบหน้าเขียวคล้ำ กำเหลงตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ ได้แต่มองหน้ากัน เพราะรู้ดีว่า ขืนปล่อยตัวกษัตริย์เหี้ยนเต้ ทั้งสามก็ต้องตายอยู่ที่นี่เช่นกัน กลับกลายเป็นโจโฉคนกลางที่ต้องออกโรงประนีประนอมให้แทน “ท่านเล่าปี่ ใจเย็นๆก่อนเถิด ค่อยๆเจรจาต่อกัน อย่าเพิ่งลงมืออีกเลย”
เวลานั้น เล่าปี่คล้ายควบคุมสติตัวเองไม่ได่ ถึงกับตวัดมีดสั้นไปอีกข้างหนึ่ง เรียกเลือดของซุนกวนจากใบหูข้างซ้ายไปอีกเช่นกัน จนเสียวเอียนจื่อทนไม่ไหว ยังต้องส่งเสียงเรียกสติกลับคืนมา “นายท่าน โปรดสงบจิตใจไว้ก่อน”
แต่สายไปเสียแล้ว ความดุดันอำมหิตของเล่าปี่ ถึงกับกระตุ้นความบ้าคลั่งของกำเหลง อดีตมังกรพิโรธขึ้นมาเช่นกัน ได้ยินเสียงกำเหลงร้องระบายความแค้น พร้อมกับกระตุกกระบี่ที่พาดขวางลำคอฮ่องเต้ออกไปด้านข้างอย่างรุนแรง ตัดเส้นเลือดหลอดลมจนโลหิตพุ่งกระจาย เสียงสะอึกสำลักเลือดดังถี่ๆจากผู้บาดเจ็บ คาดไม่ถึงกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่เพิ่งสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่จะถูกทำร้ายบาดเจ็บปางตายไปเช่นนี้
กำเหลงเองใบหน้าซีดขาวด้วยความพลุ่งพล่านตกใจ ลมปราณภายในพลอยแตกซ่าน ปล่อยร่างของกษัตริย์เหี้ยนเต้ทรุดลงกับพื้น กุยห้วยรีบตรงเข้ายื้อยุดชีวิตฮ่องเต้ด้วยการห้ามเลือดกดปิดบาดแผล อาศัยจังหวะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงต่อเหตุการณ์ตรงหน้า ลกซุนรีบรุกเข้าหาเล่าปี่ หวังช่วยเหลือซุนกวนจากการจับกุมก่อน
แต่เสียวเอียนจื่อกับจูล่งที่อยู่เคียงข้างเล่าปี่ ย่อมไม่ยินยอมให้เจ้านายถูกทำร้ายต่อหน้า เห็นเสียวเอียนจื่อใช้ไม้เท้าประคองตัว แทงสวนเข้าใส่ที่กลางหน้าอกทันที ในขณะที่จูล่งก็ขยับตัวใช้กระบี่ไม้แทงเข้าใส่ลกซุนมาอีกทางหนึ่ง
จังหวะที่ลกซุนถูกสองยอดฝีมือรุมตอบโต้อย่างกระชั้นชิด ลกซุนเลือกที่จะไม่ป้องกันตนเอง ยังคงช่วยเหลือเจ้านายด้วยการตะกุยกรงเล็บเข้าใส่ใบหน้าของเล่าปี่จนตาบอดไปทั้งสองข้าง แต่ก็แลกมาด้วยหนึ่งกระบี่และหนึ่งไม้เท้าเช่นกัน กระบี่ไม้ของจูล่งปักใส่ตำแหน่งหัวใจของลกซุนพอดี จนลกซุนสะดุ้งสุดตัว ประจักษ์ถึงวาระสุดท้ายของตนเอง ส่วนไม้เท้าของนางแอ่นกลับเหมือนกระทบถูกส่ิงของใดในอกเสื้อของลกซุนอย่างแรง
เสียงเปรี๊ยะดังสดใส ไม้เท้าพลันแตกกระจาย เผยให้เห็นไม้พลองสีหยก อาวุธที่สร้างชื่อให้กับกุนซือวิหคสวรรค์ ถูกดึงดูดให้หลอมรวมเข้ากับวัตถุลึกลับในอกเสื้อ แล้วแปรสภาพเป็นกลุ่มควันสีเขียวเข้ม คล้ายรูปทรงของมังกรสองตัวเกี่ยวรัดกัน ฟุ้งกระจายอาบร่างของกลุ่มคนบริเวณนั้นไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆเลือนหายไปอย่างลึกลับ
ที่แท้ ภายในอกเสื้อของลกซุน ก็คือตราหยกจักรพรรดิที่ได้มาจากนักวานิชการเมือง โลซกเมื่อครั้งก่อน ลกซุนเห็นว่า การเข้าพบฮ่องเต้ในวังหลวงอาจมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย จึงพกพาตราหยกมาด้วย เผื่อต้องการใช้แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ไม่ได้คาดคิดว่า จะกลายมาเป็นสิ่งที่พลิกผันชีวิตกลุ่มคนตรงหน้าเหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น ความลับอีกประการหนึ่ง ก็คือ ทั้งตราหยกจักรพรรดิ และไม้พลองสีหยก คือวัตถุชิ้นเดียวกันที่ถูกนำข้ามผ่านกาลเวลา ในโลกคู่ขนานที่หัวขวาน ยอดนักประดิษฐ์ เป็นสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์ที่เหลือรอดเพียงคนเดียว ค้นพบตราหยกโดยบังเอิญ และจงใจฝืนธรรมชาติด้วยการพกสิ่งของสำคัญติดตัวเมื่อตอนใช้เครื่องย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต เพราะถอดรหัสความลับที่ซุกซ่อนในตราหยกได้คร่าวๆ
สิ่งที่หัวขวานคาดเดาก็คือ ตราหยกจักรพรรดิ สมควรทำมาจากวัตถุธาตุนอกโลกที่แผ่กัมมันตรังสีเจือจางตลอดเวลา ซึ่งรังสีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทางบวกให้กับคนที่พกพาติดตัว หากใช้คำจำกัดความแบบโบราณก็คงเรียกธาตุหยกขาวและกัมมันตรังสีว่า หยกมังกรจักรวาลและพลังมังกรจักรวาล
หัวขวานคนนั้นผ่านประสบการณ์เลวร้ายมากมาย จึงมีความคิดผิดเพี้ยนไปไม่น้อย จึงนำตราหยกมาหลอมเป็นไม้พลองสีหยก ซึ่งเป็นอาวุธถนัดมือของนางแอ่น แล้วค่อยซุกซ่อนเอาไว้ในทวนทมิฬที่มันสร้างขึ้นเองอีกทอดหนึ่ง ทางหนึ่ง เป็นการเสริมสร้างขุนพลเตียวหยิมให้แข็งแกร่ง อีกทางหนึ่ง เป็นการซุกซ่อนวัตถุสำคัญ หากทวนทมิฬต้องปะทะกันกับดาบอสูรที่ซ่อนอยู่ในขุมทรัพย์ฟ้าเหลือง อาวุธพิสดารที่ทรงอานุภาพจึงจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่หัวขวานไม่ได้คาดคิดก็คือ ตราหยกกับไม้พลอง ซึ่งเป็นหยกมังกรจักรวาลในคนละมิติเวลา จะย้อนกลับมากระแทกเข้าใส่กันเองด้วย
ซึ่งคุณสมบัติของหยกมังกรจักรวาลเป็นไปดั่งที่หัวขวานคาดเดา แต่เดิม ชาวนาสามัญนามเล่าปังสังหารงูใหญ่ ค้นพบก้อนหยกพิสดารเป็นครั้งแรก จึงนำมาพกติดตัว ซึมซับพลังมังกรจักรวาล จนบุคลิกนิสัยเปลี่ยนแปลง สามารถก่อร่างสร้างฐานะขึ้น กลายเป็นพระเจ้าฮั่นโกโจว ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ภายหลัง เกรงกลัวความลับรั่วไหล จึงนำมาหลอมเป็นตราหยกจักรพรรดิ เพื่อสืบทอดของวิเศษนี้ไว้ให้กับทายาทของตนเอง
ตั้งแต่ที่ตราหยกจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาในยุคสมัยนี้ ได้ผ่านน้ำมือบุคคลต่างๆมาไปแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็นซุนเกี๋ยน ซุนเซ็ก อ้วนสุด ไปจนถึง เล่าปี่ โลซก และลกซุน แต่ไม่เคยมีใครนำมาพกไว้ใกล้ตัว เพราะนึกว่า เป็นเพียงสัญลักษณ์สืบทอดตำแหน่ง กลับเป็นเตียวหยิม ม้าเฉียว และนางแอ่นที่เคยนำหยกมังกรชิ้นที่ย้อนกลับคืนสู่อดีตในสภาพอาวุธมาถือติดตัว และได้ซึมซับรับพลังมังกรจักรวาลมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่เป็นจอมยุทธ์มีการฝึกปรือต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การกระแทกกันเองอย่างรุนแรงของหยกมังกรจักรวาลสองชิ้น จึงเป็นการกระจายพลังมังกรจักรวาลออกมาอย่างเข้มข้นเป็นสองเท่า และกลุ่มคนที่ได้รับปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ คือ ผู้ที่ถูกควันสีเขียวเข้มครอบคลุมใส่ทั้งแปดคนนั่นเอง
กลุ่มที่ได้รับควันสีเขียวเข้มเต็มแรงย่อมเป็นลกซุนกับนางแอ่น ถัดมาคือ เล่าปี่กับจูล่งกษัตริย์เหี้ยนเต้กับกุยห้วย และซุนกวนกับกำเหลง ส่วนพวกโจโฉยืนห่างออกไปจากจุดนั้น ไม่ได้ร่วมวงต่อสู้ และยังใช้สิ่งของบดบังร่างกายตนเองด้วย จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากพลังจักรวาลนี้แม้แต่น้อย ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องโชควาสนาของแต่ละบุคคลแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงเริ่มจากซุนกวนที่ได้รับบาดเจ็บที่ถูกตัดใบหูไปทั้งสองข้าง กลับมีใบหูสีเขียวที่เรียวแหลมคล้ายหูวัวงอกเงยออกมา สามารถได้ยินเสียงต่างๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าปกติหลายสิบเท่า ยามกระทันหันที่ปรับตัวตั้งสติไม่ทัน เปิดรับทั้งเสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำใส่หลังคา และเสียงผู้คนมากมายที่พูดคุยกันอื้ออึงอยู่ด้านนอก กระแทกเข้าใส่เต็มสองหู จนต้องก้มลงครวญครางด้วยความเจ็บปวด รีบใช้สองมือปิดหูไว้ด้วยความทรมาน ผู้อื่นจึงไม่ทันเห็นความผิดปกติที่ใบหูได้ชัดเจนนัก
กำเหลงที่เพิ่งผ่านพ้นความตกใจสุดขีดถึงขั้นลมปราณแตกซ่าน กลับได้รับผลกระทบที่ดีกว่า เพราะพลังมังกรจักรวาลช่วยปรับสภาพพลังลมปราณให้มีประสิทธิภาพขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว เส้นโลหิตสีเขียวปูดโปนเห็นเด่นชัด สร้างความคึกคักแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้ง รีบตรงเข้าประคองดูแลซุนกวน เจ้านายของตนที่กำลังร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด
ผู้ที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง น่าจะเป็นกษัตริย์เหี้ยนเต้ที่เหมือนได้รับการชุบชีวิตขึ้นใหม่ บาดแผลที่ลำคอกลับเลิือนหายไป พร้อมทั้งลมหายใจเข้าออกที่ทรงพลัง แต่มีควันจางสีเขียวปะปนออกมาด้วย ร่างกายที่เดิมทีเคยอ่อนแอแบบคนสายบุ๋นทั่วไป กลับกลายเป็นคนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ ดูมีเรี่ยวแรงแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมหาศาล
ส่วนกุยห้วยที่เมื่อครู่ได้รับบาดเจ็บลึกตามผิวกายหลายตำแหน่ง ก็ได้รับผลกระทบด้านดี บาดแผลผิวกายประสานตัวได้ดังเดิม ซ้ำยังส่องประกายสีเขียวคล้ายเกล็ดมังกรแวววับ เคลือบทั้งร่างอย่างจางๆอยู่เช่นนั้น สร้างความลึกลับน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
ทางด้านเล่าปี่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาบอดไปหยกๆ กลับไม่ปรากฏบาดแผลใดๆบนใบหน้าแล้วเช่นกัน ดวงตาที่สมควรปิดสนิทไปนั้น กลับเปลี่ยนเป็นดวงตาสุกใส สีเขียวเรืองแวววาว ราวกับมีมนต์สะกดลึกลับ ยากจะคาดเดาพลังอำนาจที่ซ่อนเร้นอยู่
 
สำหรับจูล่ง ซึ่งดูภายนอกร่างกายเป็นปกติ แต่ที่จริง เคยถูกฝังเข็มทำลายความทรงจำในอดีตไปหมดสิ้น เพื่อรักษาอาการสมองที่เสียหายอย่างหนัก จนตกอยู่ในการควบคุมของนางแอ่นในช่วงเวลาที่ผ่านมา พลังมังกรจักรวาลจึงเข้าไปซ่อมแซมส่วนสมอง และความทรงจำ ทำให้จดจำเรื่องราวต่างๆในอดีตได้อีกครั้ง สติปัญญาที่เพิ่มพูนขึ้นพร้อมความรู้ตามพื้นฐานเดิมที่ล้ำสมัยกว่ายุคฮั่น ทำให้ตระหนักได้ว่า ตนเองคือคนจากอนาคตที่ย้อนเวลากลับมาในอดีตกาล จึงตะลึงงันไปกับสิ่งที่ล่วงรู้อยู่ตรงนั้น แต่ภายนอกที่คนอื่นมองเห็นเป็นเพียงผมเผ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มแปลกตาเท่านั้น
ลกซุน ก็เป็นอีกคนที่นับว่า ประสพโชคในเคราะห์ ได้รับพลังจักรวาลอย่างเข้มข้นที่สุด เมื่อครู่ จูล่งเพิ่งแทงทะลุตัดขั้วหัวใจ จนเพิ่งเผชิญหน้ากับความตายไปหมาดๆ พลังมังกรจักรวาลช่วยให้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงสั้นๆดูไม่ออกว่ามีส่ิงไรผิดปกติไปบ้าง แต่เกิดรอยประหลาดคล้ายมังกรท่องนภาที่กลางหน้าอกอย่างมีเลศนัย
สุดท้าย ยังคงเป็นเสียวเอียนจื่อ เพศหญิงคนเดียวที่อยู่ร่วมในประสบการณ์พิสดาร พลังมัังกรจักรวาลซึมซับเข้าสู่ร่างกายในระดับที่ใกล้เคียงกันกับลกซุน แต่กลับไม่ปรากฏให้เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ นอกจากรอยประหลาดรูปหน้ามังกรที่ปรากฏขึ้นกลางแผ่นหลัง คล้ายเป็นดวงวิญญาณมังกรมาสิงสถิตย์ โดยที่เจ้าตัวไม่ล่วงรู้พลังพิสดารเช่นกัน
ช่วงเวลาที่พลังจักรวาลออกฤทธิ์เปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนทั้งแปดได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดกลับรับรู้ตรงกันประการหนึ่ง สายใยแห่งมังกรที่ผูกพันเชื่อมโยงกันนั้นได้บังเกิดขึ้นแล้วในแปดคนนี้
กษัตริย์เหี้ยนเต้ยันตัวลุกขึ้นด้วยการช่วยเหลือของกุยห้วย ลูบคลำร่างกายตรวจดูอาการบาดแผล เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ นอกจากเรี่ยวแรงมหาศาลที่เพิ่มพูนขึ้น จึงหันไปทดลองยกโต๊ะตั่งด้านข้างขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว พร้อมเหวี่ยงโยนไปทางที่ว่างด้านข้าง เป็นการทดสอบพลัง เห็นโต๊ะลอยคว้างกระทบพื้นอย่างรุนแรงจนแตกกระจาย ปลุกให้คนทั้งหลายตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดที่สับสนงุนงงที่เห็นหมอกควันพิสดารครอบคลุมคนทั้งแปด และบางคนมีสีเขียวแซมปะปนขึ้นมาตามร่างกายเช่นนั้น
กุนซือลกซุนหายใจลึก ตรวจสอบสภาพร่างกายตนเองเสร็จสิ้น แทนที่จะรีบล่าถอย กลับพุ่งเข้าหาโจโฉ หมายจะลงมือปลิดชีวิต ล้างแค้นส่วนตัวให้ตระกูลอีกครั้ง ความรวดเร็วราวกับลูกเกาทัณฑ์พุ่งออกจากแหล่ง แต่กุยห้วย หัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวง ย่อมไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ต้องก้าวออกมาขวางทางทันที
เสียงฝ่ามือทั้งสองคู่ปะทะกันถี่ยิบอย่างรุนแรง แต่ไม่อาจแพ้ชนะในเวลาอันสั้น ลกซุนไม่หยุดยั้งความพยายาม ถึงกับกดปุ่มกลไกในแขนเสื้ออีกครั้ง เห็นลูกดอกพุ่งใส่กลางหน้าอกของกุยห้วย แล้วสะท้อนกลับออกมาเอง สีเขียวเรืองรองที่เคลือบร่างของกุยห้วยเปล่งแสงขึ้นให้เห็นชัด ราวกับเป็นชุดเกราะที่ไร้สภาพขวางกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำให้ทุกคนเพิ่งเห็นประจักษ์ต่อสายตาถึงพลังของกลุ่มควันสีเขียวเข้มเมื่อครู่ กุยห้วยกลายเป็นคนที่มีร่างกายคงกระพัน อาวุธแหลมคมไม่อาจกล้ำกรายไปแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่กระทบจิตใจของคนทั้งแปดที่ถูกเชื่อมโยงกันด้วยสายใยแห่งมังกร นั่นคือ แรงกระตุกวูบหนึ่งในจุดที่กุยห้วยโดนลูกดอกโจมตีใส่ ความคิดรอบรู้ของจูล่งก้าวหน้าไปไกลกว่าผู้อื่น จึงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ “แย่แล้ว พวกเราล้วนได้รับ..”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค นางแอ่นรีบยกมือปิดปากห้ามปราม ความลับเรื่องนี้ไม่อาจปล่อยให้คนนอกล่วงรู้ จูล่งหัวไวจึงพยักหน้ารับรู้ รีบถอยกลับไปประจำที่ด้านหลังอีกครั้ง แต่ภายในสมอง เริ่มครุ่นคิดทบทวนความทรงจำในอดีตที่กลับคืนมาใหม่อีกครั้ง โดยไม่แสดงออกให้คนอื่นล่วงรู้ เป็นความทรงจำทั้งหมดตั้งแต่เกิดมาจนถึงบัดนี้
ลกซุนย่อมจะเข้าใจได้ในทันทีเช่นกัน แสดงว่า วันนี้ การลงมือปะทะกับกุยห้วยโดยตรง คงไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว จึงเปลี่ยนใจส่งสัญญาณให้ซุนกวน กำเหลง ล่าถอยกลับไปยังหน้าต่างด้านข้าง พร้อมเหวี่ยงส่งสัญญาณไฟรูปพยัคฆ์หยก ฝ่าสายฝนออกไปแล้ว
โจโฉรีบโบกมือสั่งการให้เหล่าทหารองครักษ์ที่รอคอยอยู่ด้านนอก กรูเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า แต่ยามนี้ ลกซุน กำเหลง คล้ายพญามัจจุราชจำแลง เพียงกวาดมือวาดเท้าก็มีหนึ่งชีวิตที่ลาลับ พริบตาเดียวก็มีคนตายกลาดเกลื่อนตรงหน้า โดยเฉพาะกำเหลง ย่ิงมายิ่งคึกคักห้าวหาญ จนทหารเริ่มเข็ดขยาด ได้แต่รุมล้อมห่างๆ และผลักไสกันไปมา
เส้นเชือกถูกปล่อยลงมานอกหน้าต่างของท้องพระโรงหลายเส้น แสดงว่ามีพวกกังตั๋งรอคอยรับคำสั่งอยู่ก่อน ลกซุนคว้าจับเชือกดึงร่างของตนเองกับซุนกวนขึ้นไปก่อน ในขณะที่หน่วยกล้าตายจากกองทัพโลกันต์สิบกว่าคนสวนทางลงมาตั้งยันทหารองครักษ์ เพื่อเปิดทางให้กำเหลงหลบหนีได้อีกคนหนึ่ง เสียงเล่งทอง หัวหน้าขบวนประกาศดังขึ้น พร้อมโหนเชือกลงมาดูเหตุการณ์ “ล่าถอยก่อนเถิด ท่านกำเหลง”
กำเหลงพยายามล่าถอยมาทางหน้าต่างบ้าง แต่กลับต้องทรุดตัวลงด้วยแรงกระแทกที่ข้อเท้า หากมิใช่มีพลังมังกรจักรวาลเพิ่มพูนขึ้นมา การโจมตีครั้งนี้ น่าจะทำลายข้อเท้าของมันได้แล้ว พลันนึกถึงเมื่อครู่ ตอนที่กระบี่ถูกกระชากเชือดคอฮ่องเต้นั้น ก็เหมือนเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ที่ข้อศอก หรือว่า มีผู้ใดลอบใช้อาวุธลับโจมตีจากมุมมืด
กำเหลงรีบมองบนพื้น เห็นเม็ดหมากล้อมสีขาวกลิ้งหล่นอยู่ไม่ไกลตัว จึงรีบกวาดตามองไปด้านบนตามสัญชาตญาณ เห็นการเคลื่อนไหวของร่างเงาวูบหนึ่งที่ขื่อคา จึงซัดมีดสั้นขึ้นไปยังเป้าหมายทันที จนลืมป้องกันตนเองจากการจู่โจมทางด้านล่าง
เตียวคับกับกุยห้วย สองยอดฝีมือฝ่ายรัฐบาลใช้กระบี่ลงมือต่อขุนพลโจรสลัด กำเหลงที่รีบบิดกายหลบเลี่ยง สองกระบี่แทงสวบเฉียดผ่านชายโครง เรียกเลือดกระจาย จนกำเหลงเซถลาไปในทิศทางที่เล่าปี่ เสียวเอียนจื่อ จูล่ง ยืนนิ่งอยู่ แต่ทั้งสามล้วนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ได้กำเหลงได้รับผ่านสายใยแห่งมังกรที่มองไม่เห็นนั้น
จูล่งอยู่ในฐานะผู้คุ้มกันจึงไม่อาจอยู่เฉย แต่ไม่ต้องการเอาชีวิตกำเหลง เพราะไม่แนใจในผลกระทบการตายของผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน จึงจงใจฟันกระบี่ใส่กำเหลงจนแขนซ้ายขาดเสมอข้อ แต่ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงกับคนทั้งแปดที่ตำแหน่งเดียวกันในทันที พอดี เล่งทองเหวี่ยงตัวมาคว้ากำเหลงออกไปนอกหน้าต่างได้ทัน ปล่อยให้ทหารหน่วยกล้าตายพลีชีพให้คนสำคัญได้หลบหนีฝ่าสายฝนออกไป
เล่าปี่เชื่อว่า หากเมื่อครู่ เสียวเอียนจื่อช่วยลงมืออีกแรง ทั้งกำเหลงและเล่งทองไม่ควรจะหลุดรอดไปได้ ฝ่ายกังตั๋งจะสูญเสียมากกว่านี้ จึงเหลือบมองด้วยความสงสัย แต่เห็นเสียวเอียนจื่อกำลังเหม่อมองไปด้านบน จึงมองตามขึ้นไปบ้าง เห็นเงาร่างหนึ่งผอมสูง หนึ่งท้วมใหญ่ซ้อนทับกันอยู่ด้่านบน แต่เหมือนพยายามเคลื่อนตัวไปทางช่องระบายลม
พอเล่าปี่ เสียวเอียนจื่อเหม่อมองด้านบนเป็นที่ผิดสังเกต ทำให้พวกโจโฉพลอยเงยหน้า มองขึ้นเช่นกัน ฉับพลัน ด้านบนเกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างผอมสูงสามารถสลัดหลุดจากร่างท้วมใหญ่ได้ บิดหักคอดังกร๊อบ และเหวี่ยงร่างให้ร่วงหล่นมาจากขื่อคาจนเสียชีวิตในทันที ส่วนผู้ลงมือก็พริ้วกายหายลับไปทางช่องหลังคา
คาดไม่ถึง ผู้ตายคือ เคาทู องครักษ์หมีทมิฬที่หายหน้าไปนานหลายปี แสดงว่า มือสังหารมีฝีมือสูงส่งยิ่งนัก เพียงลงมือชั่วครู่ ถึงกับฆ่ายอดฝีมือระดับเคาทูได้แล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา