Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
22 ก.ย. 2021 เวลา 22:50 • นิยาย เรื่องสั้น
6.22. จับตายจอมอหังการ์
จูกัดจิ๋น ผู้นำสหพันธ์มังกรซ่อน - เล่าฮอง หัวขบถดอกไม้ไฟ - ตันฮก กุนซือกิเลนพิสดาร
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในพระราชวังส่วนในที่ห่างไกลผู้คน คนสำคัญของขบวนการฟ้าดินตั้งแต่ จูกัดกุ๋ย ผู้นำขบวนการ เตียวโถ หัวหน้าขันที กวนลอ-เขาเฉียว ซินแสโลกทิพย์ กาเซี่ยง กุนซือใหญ่ กุยเฮง ขุนนางผู้ใหญ่สายต่างแดน กุยฮวย นางรำอันดับหนึ่ง จูกัดเอี๋ยน องครักษ์ประจำตัวของโจโฉ และกุยห้วย หัวหน้าองครักษ์วังหลวง ล้วนมานั่งอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อรอรับคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ที่แท้ เจ้าของเงาร่างผอมสูงบนหลังคา ก็คือ จูกัดกุ๋ย หัวหน้าขบวนการฟ้าดินที่ลอบเข้ามากำกับเหตุการณ์งานเลี้ยงตัดสินชะตาชีวิตนั่นเอง พอซุนเกี๋ยนแสดงอิทธิฤทธิ์พิณสังหารได้จริง จูกัดกุ๋ยที่แอบซ่อนอยู่ด้านบน จึงพลอยโดนทำร้ายด้วยเสียงพิณไปด้วย จนกระทั่งเหี้ยนเต้พลิกสังหารซุนเกี๋ยนได้ และตกอยู่ในเงื้อมมือของกำเหลง
มันจึงเร่ิมลงมือตามแผนการเดิม ใช้เม็ดหมากล้อมซัดใส่จุดข้อศอกของกำเหลง หวังป้ายสีให้พวกสกุลซุนกลายเป็นผู้ลงมือปลงพระชนม์ฮ่องเต้ แต่กลับเกิดปาฏิหาริย์หยกมังกรขึ้นจนปั่นป่วนขึ้นอีกรอบหนึ่ง สุดท้าย จึงก่อกวนกำเหลงซ้ำที่จุดข้อเท้า เพื่อหยั่งเชิงหาจุดอ่อนของคนที่ได้รับพลังพิเศษเหล่านั้น
แต่แล้ว จู่ๆ มันกลับถูกเคาทูลอบจู่โจมมาจากด้านหลัง จึงรีบอ้อมมือไปกดลำคอมิให้ฝ่ายตรงข้ามส่งเสียงดัง และพยายามลากตัวออกไปให้ห่างไกลผู้คน จนพวกเล่าปี่พบเห็นเข้าในที่สุด จูกัดกุ๋ยจึงไม่เกรงใจ พาลเร่งลงมือให้หนักหน่วง พร้อมกับถีบเท้าหลบหนีออกไปทางช่องหลังคาไปก่อน
หลังจากนั้น จูกัดกุ๋ยย้อนรอยกลับมายังจุุดเดิมอีกรอบ ชักนำเรื่องราวกลับสู่แผนการลอบสังหารฮ่องเต้จนสำเร็จ จึงค่อยหลบหนีไปตามเส้นทางเดิมอีกครั้งอย่างลอยนวล แต่กลับมีสายตาลึกลับอีกคู่หนึ่งจับจ้องมองดูเหตุการณ์อยู่ในมุมมืดด้านบนในระยะไกลออกไป เป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครทันสังเกตพบ ทำให้ล่วงรู้ และเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด
“ดูเหมือนกาเซี่ยงจะเป็นคนที่ทุกฝ่ายไว้เนื้อเชื่อใจ จนไม่มีผู้ใดระแวงสงสัยในคำแนะนำของมันเลย หรือว่า มันก็มีส่วนวางแผนสั่งการเรื่องราวทั้งหมดนี้ ผลักดันจนเกิดการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินฮั่นให้จงได้” เจ้าของเงาร่างลึกลับคิดคำนึงขึ้น พร้อมจ้องมองกุนซือเงาปีศาจด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
…
จูกัดกุ๋ยสั่งการแข่งกับเวลาทันที “แผนการหลักของเราสำเร็จ แต่ไม่สมบูรณ์เสียทีเดียว เหตุการณ์พิสดารของหมอกควันรูปมังกร ทำให้เราไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผยตามที่นัดแนะเอาไว้ ได้แต่ต้องยอมชะลอแผนการออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อความไม่ประมาท และได้ทดสอบดูแล้วว่า พวกมันมีจุดอ่อนให้โจมตีได้ มิใช่เก่งกาจเกินกว่าปุถุชนทั่วไป
ถึงแม้ว่า เหี้ยนเต้ โจโฉ ซุนเกี๋ยน รวมทั้งแฮหัวตุ้น เคาทู จะตายไปแล้ว แต่คนของสกุลโจก็ยังมีเขี้ยวเล็บอยู่อีกไม่น้อย และเล่าปี่ ซุนกวนก็กำลังหลบหนีอยู่ ตอนนี้ พวกเล่าปี่หนีลงใต้ ย่อมต้องเผชิญหน้ากับเล่าฮอง ตันฮกตามแผนสำรองของพวกเรา อีกสักครู่ เรากับจูกัดเอี๋ยน กุยห้วยจะตามไปสมทบอีกแรง สมควรจบสิ้นอยู่ตรงนั้น ส่วนพวกซุนกวนดันล่องเรือตามแม่น้ำฮวงโหออกสู่ทะเลไปแล้ว คงต้องอาศัยคนของสกุลโจตามไปจัดการก่อน แต่ถ้าทำการไม่สำเร็จ ก็ต้องยอมให้มันหลุดรอดไปชั่วคราว”
“ต่อจากนี้ ให้พี่รอง น้องสี่ กุยเฮง กุยฮวย และกาเซี่ยง ช่วยกันผลักดันให้โจผีกลายเป็นคนบาปแห่งแผ่นดิน ประกาศยึดอำนาจก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ พวกขุนนางนายทหาร และประชาชนทั่วไปจะได้รู้สึกเคียดแค้นชิงชังที่มีการขบถเกิดขึ้นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ในขณะที่ฝ่ายเสฉวนที่กำลังจะปั่นป่วน เพราะสูญเสียเล่าปี่ ข้าจะให้ขงเบ้งยึดอำนาจไว้เสียเลย แล้วรวบรวมไพร่พลโจมตีต่อพวกกังตั๋งให้จบสิ้นก่อน จากนั้น ค่อยวกกลับมาหาทางจัดการกับพวกสกุลโจที่ยังไม่ทันตั้งตัวได้มั่นคงอีกรอบหนึ่ง”
แผนการสกุลจูกัดยังคงกระชับชัดเจน เมื่อรับฟังเสร็จสิ้น ทั้งหมดก็แยกย้ายจากกันไปตามภาระหน้าที่ที่สมควรกระทำ ปล่อยให้บุคคลลึกลับในมุมมืดทางด้านบนครุ่นคิดขึ้นในใจ “หากปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้ คงยุ่งเหยิงวุ่นวายไปทั้งแผ่นดินเป็นแน่ เห็นทีเราจะต้องร่วมมือกับพวกพี่เก้า ลงมือกำจัดหัวโจกของขบวนการเสียก่อนแล้ว”
เป็นเงาร่างเดียวกันกับคนที่ซ่อนกายอยู่ในพระราชวังเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา และเป็นมือสังหารของหน่วยปักษาสวรรค์ นาม เหยี่ยวดำ นั่นเอง ที่จริง มันกำลังจะถอนตัวหลบหนีออกจากพระราชวังแล้ว แต่กลับสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของกาเซี่ยง อดีตคนของหน่วยปักษาจึงลอบติดตามมา จนได้รับฟังแผนการสำคัญเข้าโดยบังเอิญ
จากการแอบสะกดรอยมาเนิ่นนาน จวบจนถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ มันยังไม่อาจแน่ใจว่า กาเซี่ยงหรือกระตั้ว เป็นฝ่ายใดกันแน่ กาเซี่ยงที่กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์ ทำงานกินเงินเดือนรัฐบาลฮั่นเป็นที่ไว้วางใจของกษัตริย์เหี้ยนเต้ ทุ่มเทความคิดให้กับพวกสกุลโจทั้งพ่อลูก ให้ความสนิทสนมต่อขุนพลขบถแฮหัวตุ้น เชื่อมโยงเครือข่ายของซุนเกี๋ยนกับพวกสำนักหุบเขาปีศาจ และลอบรับฟังคำสั่งจากจูกัดกุ๋ยแห่งขบวนการฟ้าดิน ดูเหมือนเป็นนักการเมืองมากประสบการณ์ที่เข้านอกออกในได้กับทุกขั้วอำนาจการเมืองจริงๆ
…
เล่าปี่ เสียวเอียนจื่อ จูล่ง อุยเอี๋ยน และกองทัพพายุคลั่งหลายสิบนาย ควบม้าหลบหนีฝ่าพายุฝนออกมาตามทางหลวง แม้ว่ากุนซือวิหคสวรรค์จะสั่งการให้ระเบิดประตูเมืองตัดเส้นทางไล่ล่าได้สำเร็จ แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจ จึงเร่งรีบเดินทางต่อ จนได้รับรายงานน้ำท่วมดินถล่มตัดขาดเส้นทางเบื้องหน้า และค้นพบกองทัพกังแฮ นำโดยเล่าฮอง ตันฮก กำลังหาวิธีสวนทางเข้ามาในเส้นทางเดียวกัน
พวกเล่าปี่ย่อมตระหนักดีว่า เล่าฮอง ตันฮก เป็นคนไว้วางใจไม่ได้ ตั้งแต่แตกหักจากกันไปพร้อมกับพวกเบ้งตัด อุยก๋วนแล้ว บัดเดี๋ยวก็ขึ้นกับกังตั๋ง บัดเดี๋ยวก็เข้ากับรัฐบาล จึงไม่ทราบเจตนาที่แท้จริงในการบุกเมืองหลวงในครั้งนี้ เพราะข่าวล่าสุดที่ตามมาก็คือ พวกกังแฮเพิ่งลงมือทำลายกองทัพรักษาการณ์ทั้งสามฝ่ายจนยับเยินไปหมดสิ้นในคราวเดียวกัน และกองทัพระดับสองหมื่นนายย่อมบดขยี้พวกมันที่มีไม่ถึงร้อยคนได้ไม่ยากนัก
พวกเล่าปี่หลบหนีออกจากพระราชวัง ก่อนที่แฮหัวตุ้นจะลงมือต่อโจโฉจนเกิดเหตุบานปลายกลายเป็นเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไปในที่สุด จึงยังไม่ทันรับรู้ความเลวร้ายในภาพรวม นึกเพียงแต่ต้องการหลบหนีกลับไปตั้งหลักที่เสฉวน จึงรั้งรอประเมินท่าทีอยู่ ในขณะที่เล่าฮอง ตันฮก ได้รับข่าวสถานการณ์เมืองหลวง กลับมองเห็นโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งดีงามกว่าการติดสอยห้อยตามพวกสกุลจูกัดที่พวกตนเพิ่งเข้าสังกัดด้วย
ตามสาแหรกการสืบทอดราชวงศ์ฮั่นที่ตันฮก กุนซือกิเลนพิสดารยอมทุ่มเทซื้อข่าวมาจากวงในของราชสำนัก ถึงกับเป็นเล่าปี่ ฮันต๋งอ๋อง พระเจ้าอา อยู่เป็นอันดับหนึ่ง และ เล่าฮอง ทายาทของเล่าฉวนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งอ๋องแทนบิดา มาเป็นอันดับที่สองแล้ว ขอเพียงเล่าปี่ตายไปอีกคน ตำแหน่งฮ่องเต้ก็จะตกเป็นของเล่าฮองไปโดยปริยาย เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เล่าฮอง ตันฮกจึงตกลงใจ “จับตายเล่าปี่” เสียก่อน ค่อยอ้างสิทธิ์ทายาทเล่าฉวนสืบทอดราชวงศ์ ทะยานขึ้นเป็นฮ่องเต้คนใหม่แห่งราชวงศ์ฮั่นแทน
เพียงแต่การลอบสังหารไม่อาจกระทำอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้ากองทัพจำนวนมากให้เป็นที่โจษจัน ดังนั้น เล่าฮอง ตันฮก จึงฝากให้เตียวหยี เตียวเอ๊ก ขุนพลรองดูแลกองทัพใหญ่แทน แล้วคัดเลือกเฉพาะทหารคนสนิทที่ไว้วางใจได้เพียงห้าร้อยคนใส่ชุดพรางกาย มุ่งหน้าสู่เส้นทางน้อย เพื่อแอบจัดการกับพวกเล่าปี่ไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
…
ท่ามกลางพายุฝนที่กลับมาโหมกระหน่ำอีกรอบ กองทัพย่อยของเล่าฮอง ตันฮกตรงเข้าโจมตีกองทหารเสฉวนอย่างกระทันหัน กว่าจูล่ง อุยเอี๋ยนจะควบคุมสถานการณ์ได้ ก็หลงเหลือทหารเพียงหกเจ็ดสิบคน สร้างความกังวลใจให้กับเล่าปี่ เสียวเอียนจื่อยิ่งนัก
ข่าวร้ายไม่หยุดหย่อน เป็นจูกัดจิ๋น ผู้นำสหพันธ์มังกรซ่อน และม้าเฉียว ขุนพลเงาหิมะในชุดรัดกุมสีดำคลุมหน้าที่ได้รับคำสั่งจากขงเบ้งให้มาช่วยเหลือเล่าฮอง ตันฮก กำจัดฝ่ายตรงข้าม โดยที่ไม่ทันล่วงรู้ว่า เล่าฮองเริ่มมีวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนไปแล้ว ระดับฝีมือและชื่อเสียงของผู้มาสมทบ ถือว่าพอทัดเทียมกันกับสองขุนพลสวรรค์ได้ เพียงแต่การอำพรางกายทำให้ผู้คนไม่ทันรับรู้สถานะที่แท้จริง
ม้าเฉียว ใช้ทวนอ่อนตรงเข้ารับมือกับจูล่งที่ถือดาบสยบมังกรอันเลื่องชื่อ นับว่าเป็นคู่มือที่สูสีกันมาก เพียงเริ่มลงมือต่อสู้กัน จูล่งก็คาดเดาได้ว่า คู่ต่อสู้คือใคร จึงลงมือห้ำหั่นกันแบบไม่มีการออมมือ หากแต่ฝ่ายจูกัดจิ๋นที่กำลังใช้กระบี่คู่ต่อสู้อยู่กับอุยเอี๋ยนที่ใช้ง้าวคู่ด้ามสั้น กลับลำบากอยู่บ้าง เพราะอุยเอี๋ยนถือว่ามีความก้าวหน้าในเชิงยุทธ์อยู่เสมอมา ทำให้จูกัดจิ๋นพลันพบว่า ตนเองยังอ่อนด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
“พวกเรามาช่วยเจ้าแล้ว” เสียงตวาดดังขึ้น พร้อมกระบี่ยาวของเงาร่างชุดนายทหารที่แทรกเข้าใส่คู่ของอุยเอี๋ยน จูกัดจิ๋น ชิงความได้เปรียบไปทางด้านฝ่ายโจมตีแทน เป็นจูกัดเอี๋ยน ขุนพลกระหายเลือด ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของจูกัดจิ๋นนั่นเอง
อีกด้านหนึ่ง จูกัดกุ๋ย กุยห้วยมองหาเล่าปี่ เสียวเอียนจื่อจนพบ จึงตรงเข้าจู่โจมรัชทายาทพลัดถิ่นที่ถือกระบี่คู่และกุนซือหญิงที่ถือกระบี่ยาวในทันที อาวุธของจูกัดกุ๋ยเป็นพัดจีบเหล็ก และอาวุธของกุยห้วยเป็นกระบี่ยาวเช่นกัน อาวุธยาวถึงก่อน เสียวเอียนจื่อชิงรับมือ เพราะหวังลดจำนวนคู่ต่อสู้ ปล่อยให้เล่าปี่ยากลำบากเพียงช่วงสั้นๆ เสียงเหล็กกระทบกันดังถี่ยิบ แสดงถึงความดุเดือดของการต่อสู้เสี่ยงชีวิตในครั้งนี้
องครักษ์หนุ่มกุยห้วยแม้ว่าจะได้รับพลังมังกรจักรวาลซ้ำซ้อน แต่ช่วงเวลาสั้นๆ ยังไม่อาจทัดเทียมกับปรมาจารย์การต่อสู้อย่างนางแอ่นได้เลย จึงถูกฟาดใส่ร่างกายต่อเนื่องร่วมสิบฝ่ามือจนบอบช้ำภายใน กระอักโลหิตเป็นทางยาว ลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบวา ไม่น่าจะยืนหยัดขึ้นมาได้อีกแล้ว แต่ด้วยสายใยแห่งมังกรที่เชื่อมโยงต่อกัน ตัวของนางแอ่นเองก็สั่นสะท้านอยู่ภายในไปตั้งหลายรอบ จนเลือดลมพลุ่งพล่านเช่นกัน
กลุ่มคนที่สัมพันธ์กันด้วยสายใยแห่งมังกรนั้นอยู่ในบริเวณนี้ถึงสี่คน กุยห้วยไม่ต้องพูดถึง เพราะล้มลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว ส่วนจูล่ง เสียวเอียนจื่อมีพลังฝีมือสูงเยี่ยม จึงพอเก็บอาการผิดปกติไว้ได้ แต่มีเล่าปี่ที่พลังยุทธ์ต่ำต้อยที่สุด ที่รับรู้แรงกระแทกอย่างเต็มกลืน อีกทั้งต้องปะทะกับพลังพัดจีบเหล็กของจูกัดกุ๋ยที่ฝีมือสูงส่ง จึงเสียจังหวะ โดนจูกัดกุ๋ยปาดพัดเหล็กผ่านหน้าอกเป็นทางยาว เรียกเลือดแดงฉานท่วมเสื้อผ้าไปแล้ว
นางแอ่นจึงรีบหันมารับมือกับผู้เฒ่ายอดยุทธ์ที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับขงเบ้งแทน จดจำได้ว่า คนผู้นี้สามารถหักคอสังหารเคาทูในเวลาอันสั้น ซึ่งแม้แต่เภาเจ๋ง หลวงจีนไร้เทียมทานยังไม่อาจกระทำได้ นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเหนือกว่ามันหลายชั้นนัก
ฝ่ายจูกัดกุ๋ยรีบกวาดตาประเมินสถานการณ์ พบเห็นว่ากองทหารของฝ่ายตรงข้ามหลงเหลือไม่ถึงสามสิบคนแล้ว แต่กองทหารกังแฮก็ลดน้อยไปกว่าครึ่งเช่นกัน ส่วนสองคู่ขุนพลนั้น คู่ม้าเฉียวกับจูล่งยังไม่อาจปรากฏผลแพ้ชนะได้ในเวลาอันสั้น ส่วนสองพี่น้องจูกัดกับอุยเอี๋ยนกลับมีความได้เปรียบกว่าให้เห็นบ้างแล้ว ร่องรอยบาดแผลเริ่มปรากฏบนร่างกายของขุนพลสวมหน้ากากปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ
จูกัดกุ๋ยพลันคิดขึ้นได้ว่า เล่าฮอง ตันฮกยังไม่ปรากฏโฉม แสดงว่า ทั้งสองอาจรอฉกฉวยโอกาสอยู่ด้านนอก ทำให้จูกัดกุ๋ยเริ่มมีความกังวลใจ หวังยุติการต่อสู้ให้ได้โดยเร็ว แต่คู่ต่อสู้ของมันกลับไม่อ่อนด้อย จูกัดกุ๋ยจึงเบี่ยงกายถอยออกห่างคล้ายเสียหลักเปลี่ยนทิศทาง พร้อมดีดเม็ดหมากล้อมออกมาในระยะกระชั้นชิดแทน
เสียวเอียนจื่อไม่รู้เท่าทัน ถูกอาวุธลับซัดใส่เต็มแรงที่ข้อเท้า จนล้มคะมำลงกับพื้น จูกัดกุ๋ยเพิ่งดีใจที่โค่นล้มคู่ต่อสู้ได้ ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังของมันพลันแตกกระจาย รังสีกระบี่อำมหิตพุ่งวาบปักเข้าใส่กลางหลังในทันที แต่จูกัดกุ๋ยนับว่ายอดเยี่ยม ถึงกับสะกิดเท้าลอยไปเบื้องหน้า ผ่อนแรงกระบี่ลงเหลือเพียงแผลลึกนิ้วเศษที่เรียกเลือดออกมาเช่นกัน
มีแต่นางแอ่นที่รู้ว่า คนผู้นี้คือเหยี่ยวดำ นักฆ่าอันดับหนึ่งของอดีตหน่วยปักษาสวรรค์ที่บัดนี้ สมควรเป็นจอมยุทธ์อันดับต้นๆแห่งยุคโบราณไปแล้ว จึงตะโกนให้ได้ยิน “มันผู้นี้คือคนที่ใช้เม็ดหมากล้อมก่อกวนสังหารหวดเจ้งที่เมืองฮันต๋ง”
เหยี่ยวดำรับฟังชัดเจน แต่ไม่หยุดนิ่งรับคำ กระบี่สั้นสัตตดาราในมือยังคงระดมฟันเข้าใส่จูกัดกุ๋ยไม่ให้ได้พักหายใจ ก่อนจะเริ่มใช้ออกในกระบวนท่ามังกรฟ้าที่ผสมผสานทั้งฝ่ามือ กระบี่ ดรรชนี และท่่าเท้าเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกในยุทธภพ แต่เป้าหมายไม่ใช่จูกัดกุ๋ย กลับเป็นจูกัดจิ๋นที่กำลังตั้งใจต่อสู้กับอุยเอี๋ยน ร่วมกับจูกัดเอี๋ยนอยู่ด้านข้าง
ยอดวิชาที่พัฒนามาจากฝ่ามือสยบมังกรอันแกร่งกร้าวของกวนอู ขุนพลจันทร์พิฆาตย่อมไม่อ่อนด้อยเลย จูกัดจิ๋นที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยที่สุดของฝ่ายตรงข้าม ถูกลอบทำร้ายมาจากด้านข้างกระทันหัน ถึงกับโดนฟาดเข้าที่ศีรษะเต็มแรง เสียหลักล้มลงเข้าทางอาวุธของอุยเอี๋ยนพอดี เสียงฉับดังขึ้น พร้อมหัวคนที่หลุดลอยไปอย่างไร้ทิศทาง
จูกัดกุ๋ย จูกัดเอี๋ยนร่ำร้องคำรามลั่น คาดไม่ถึงว่า มือสังหารลึกลับจะไม่คำนึงถึงวิธีการต่อสู้เช่นนี้ จึงหวังล้างแค้นคืนกลับมาบ้าง แต่จูกัดเอี๋ยนคนเดียวย่อมไม่อาจต้านทานอุยเอี๋ยนที่มากประสบการณ์ ถูกกลไกด้ามง้าวกระทุ้งใส่ที่ท้องน้อย จนล้มลงกองกับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นได้เช่นกัน ยังดีที่อุยเอี๋ยนไม่ได้มุ่งหวังเอาชีวิตมัน
ยามนั้น จูกัดกุ๋ยรู้ตัวว่าวิทยายุทธ์สูงส่งกว่าคนอื่นหลายขั้น จึงยอมใช้ร่างกายรับกระบี่สั้นของนักฆ่า สะกดความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม พร้อมซัดเม็ดหมากล้อมเข้าใส่สามเม็ด ทะลุผ่านกลางลำตัวของนักฆ่าไปอย่างรวดเร็ว สร้างความบอบช้ำต่อศัตรูอย่างหนัก และกางกรงเล็บ หวังปลิดชีวิตคนที่เพิ่งทำให้ลูกชายตายไปต่อหน้าตนเมื่อครู่นี้
เสียงตวาดดังขึ้น เป็นอุยเอี๋ยนที่ยอมละทิ้งความได้เปรียบเหนือจูกัดเอี๋ยน และเสียวเอียนจื่อที่กระโดดเข้าขวางไว้ เมื่อครู่ เสียวเอียนจื่อถูกเม็ดหมากล้อมกระแทกใส่ข้อเท้า ที่จริงไม่สมควรยืนหยัดได้แล้ว แต่ด้วยพลังมังกรจักรวาล ทำให้ร่างกายกลับเปล่งรัศมีสีเขียว ส่งผลให้บาดแผลเลือนหาย ไม่หลงเหลือความเจ็บปวดอยู่เลย ทำให้นางตระหนักว่า พลังพิเศษของนางนั้น ก็คือ พลังการฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว
พอเป็นเสียวเอียนจื่อกับอุยเอี๋ยนลงมือพร้อมกัน จูกัดกุ๋ยที่สูงวัยแล้ว และมีอาการบาดเจ็บอยู่บ้าง ก็เริ่มหวั่นไหวใจไม่น้อย แต่พอได้จังหวะ จึงกดปุ่มกลไกดีดซี่พัดจีบที่ทำด้วยเหล็ก ปักเข้าหน้าอกของอุยเอี๋ยนเต็มแรง จนกระเด็นกลับไปแน่นิ่งบนพื้นดินอีกคนหนึ่ง
นางแอ่นไม่รอจังหวะพักหายใจ อาศัยความได้เปรียบที่ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียอาวุธคู่มือ รีบสะอึกเข้าใส่ด้วยวิชาฝ่ามือสยบมังกรที่รุนแรงเกรี้ยวกราดแทน ส่วนเหยี่ยวดำก็ฝืนตัวขึ้นมาใช้ออกด้วยกระบวนท่าเดียวกันมาจากอีกทิศทางหนึ่ง นับเป็นครั้งแรกในยุทธภพที่ยอดวิชาประยุกต์ของกวนอูได้ถูกใช้ออกพร้อมกันอย่างสวยงามและลงตัวที่สุด
เสียงฝ่ามือปะทะกันอย่างรุนแรง จูกัดกุ๋ยถือตนว่าได้เปรียบเรื่องพลังฝีมือ ถึงกับยอมยืนหยัดรับพลังฝ่ามือจากคนทั้งสองตรงๆ จนร่างกายสั่นสะท้าน เท้าปักจมลึกลงกับพื้นดินร่วมนิ้ว ส่งผลให้สองจอมยุทธ์จากอนาคตบอบช้ำภายใน กระอักเลือดมาถึงลำคอ แต่แล้ว ทั้งสองรีบเปลี่ยนกระบวนท่าใหม่ คนหนึ่งโดดลอยตัวใช้วิชาวิหคสวรรค์รุกทำร้ายมาจากด้านบน คนหนึ่งก้มตัวใช้กระบวนท่ามังกรฟ้าโจมตีใส่จากด้านล่าง กลายเป็นพลังวิชาหยินหยางที่สอดประสานกันแทนการใช้พลังฝ่ามือปะทะโดยตรง
จูกัดกุ๋ยแบ่งแยกสมาธิ รับมือด้านบนด้วยฝ่ามือทั้งสอง ด้านล่างด้วยท่าเท้าที่พิสดาร พลันพลิกตัวจากหัวสู่พื้นดิน สะบัดหยาดน้ำฝนและดินโคลนกระจาย รบกวนสมาธิผู้คน กลับฝ่าเท้าถีบใส่นางแอ่นที่กำลังตกลงสู่พื้นดิน กรงเล็บกวาดใส่หัวไหล่ของเหยี่ยวดำแทน ทำให้ทั้งสองบาดเจ็บสาหัสยิ่งขึ้น สภาพภายในร่างกายปั่นป่วนไปหมดแล้ว
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีพลังพิสดารคุ้มครองตน แต่ก็ไม่อาจทนทานต่อการโจมตีด้วยพลังภายในได้หรอก วันนี้ในปีหน้า สมควรเป็นวันครบรอบการตายของเจ้าแล้ว” จูกัดกุ๋ยยังคงลำพองใจ เชื่อมั่นว่าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ตระเตรียมสังหารศัตรูตรงหน้า
เสียงตวาดดังซ้ำ นางแอ่น เหยี่ยวดำ ยังไม่ยินยอมพ่ายแพ้ ต่างก็ใช้ออกด้วยวิชาฝ่ามือสยบมังกรอีกครั้ง แล้วค่อยเปลี่ยนพลิกใช้วิชาที่ตัวเองประยุกต์อีกรอบ ถึงกับลงมือคลับคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ที่น่าแปลกคือ ทั้งสองกลับลงมือด้วยกระบวนท่าเดิมอีกครั้ง
จูกัดกุ๋ยไม่ทันครุ่นคิดอื่นใด จึงพาลใช้ออกด้วยท่วงท่าการป้องกันแบบเดิมอีกรอบ เห็นจูกัดกุ๋ยพลิกตัว ปักหัวลงสู่พื้น ถีบเท้าใส่กลางหน้าอกของนางแอ่น และกวาดกรงเล็บใส่แผ่นหลังของเหยี่ยวดำได้อีกเช่นเดิม แต่เพิ่มพลังให้รุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น
เสียงสวบแหวกสายฝนดังขึ้น ลูกเกาทัณฑ์สั้นสองดอกพุ่งตรงเข้าใส่จูกัดกุ๋ยในระยะประชิด ลูกแรกยังฝืนเบี่ยงคอหลบพ้นได้ แต่ลูกที่สองยังคงปักเข้าที่ซอกคออย่างแม่นยำ จนจอมยุทธ์เฒ่าไม่อาจพลิกร่างคืนเหมือนเมื่อครู่ ปล่อยให้หัวปักกระแทกพื้นดินไปแทน เสียงสวบซ้ำอีกสองรอบ ลูกเกาทัณฑ์สั้นอีกสี่ดอกพุ่งปักเข้ากลางอกของจูกัดกุ๋ยทะลุร่างจนไม่อาจเคลื่อนที่ได้แล้ว ได้แต่ทำตาเหลือกลาน ส่งเสียงพูดจาก็ไม่ได้เช่นกัน เจ้าของเกาทัณฑ์พลันยันร่างขึ้นยืน เป็นเล่าปี่ รัชทายาทพลัดถิ่นที่ไม่มีใครนับเป็นคู่ต่อสู้นั่นเอง
“แม้ขุนพลยิงตะวัน ฮองตงผู้สูงวัย จะลาลับไปจากโลกนี้แล้ว แต่ท่านก็เคยมอบเกาทัณฑ์ลับให้ข้าได้ใช้รับมือต่อศัตรูได้ในยามคับขัน เจ้าเป็นจอมยุทธ์ที่เก่งกาจ แต่ดูแคลนผู้คนจนเกินไป จึงต้องรับโทษทัณฑ์ของความผิดพลาดในครั้งนี้” เล่าปี่ตอกย้ำด้วยวาจาที่เชือดเฉือนไปถึงวิญญาณของคนร้ายที่กำลังหลุดลอยออกจากร่าง “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ข้าขอสาบานต่อฟ้าดิน จักมิให้พวกเจ้าทั้งสกุลได้ใช้ชีวิตสุขสงบอีกต่อไป”
จูกัดกุ๋ยเปล่งเสียงคำรามเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นใจตายแบบไม่ยินยอม พวกเล่าปี่ค่อยกวาดตามอง ไม่พบร่่างของจูกัดเอี๋ยนกับกุยห้วยที่เมื่อครู่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ส่วนม้าเฉียวพบว่า พวกพ้องถูกสังหาร เหลือเพียงตัวเองอยู่โดดเดี่ยว จึงได้แต่สะบัดอาวุธ แสดงเจตนาล่าถอย จูล่งรับรู้ว่ายากจะเอาชนะโดยง่าย จึงเปิดทางให้มันหลบหนีไป
ถึงแม้การคุกคามจากการลอบสังหารจะหมดสิ้นไปพร้อมซากร่างของจูกัดกุ๋ย จูกัดจิ๋นที่เบื้องหน้า แต่กองทัพพายุคลั่งก็ถูกถล่มจนหมดสิ้นเช่นกัน จึงหลงเหลือเพียงเล่าปี่ เสียวเอียนจื่อ จูล่ง อุยเอี๋ยน และเหยี่ยวดำที่ยังตกอยู่ในวงล้อมของทหารเลว ยังไม่ทันที่จะลงมือเคลื่อนไหว ตันฮกก็ตะโกนสั่งการ “กองทหารกังแฮตั้งกระบวนทัพใหม่ ละทิ้งอาวุธในมือ ใช้เกาทัณฑ์พกพา เล็งไปที่ศัตรูกลุ่มสุดท้ายนี้ไว้ รอรับคำสั่งจับตายเท่านั้น”
หากห่าฝนเกาทัณฑ์หลุดออกมาในเวลานี้ คนทั้งห้าย่อมต้องเกิดการสูญเสียไม่มากก็น้อย กุนซือวิหคสวรรค์จึงได้แต่ต้องใช้มันสมอง ตะโกนห้ามปราม “ช้าก่อน เจ้านครเล่าปี่อยู่ตรงนี้ คนกังแฮคิดทรยศอกตัญญูต่อเจ้านายผู้มีบุญคุณหรือไร”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เล่าปี่นับเป็นตัวบัดซบอย่างแท้จริง ตัวข้าเล่าฮองเคยอยู่ใต้ร่มธงของมันมานาน ย่อมตระหนักลึกซึ้งความเลวร้ายของมันยิ่งกว่าผู้ใด พวกเราเล็งอาวุธ” เล่าฮองก้าวออกมายืนท่ามกลางองครักษ์ หวังปลิดชีวิตเล่าปี่ เพื่อช่วงชิงตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ในกำมือ
เล่าปี่ได้ฟังคำพูดของอดีตลูกเลี้ยง ย่อมโกรธแค้นเป็นที่สุด จึงก้าวออกมาจากวงล้อมป้องกันบ้าง พลางประสานสายตากับเล่าฮองในระยะไกล เตรียมระดมวาจาเข้าใส่
แต่แล้ว นัยน์ตาของเล่าปี่พลันปรากฏสีเขียวเรืองรองเป็นประกายสว่างวาบ เล่าฮองและกองทหารกังแฮที่อยู่ด้านหน้า พบเห็นสายตาเขียวปัดเช่นนี้ ถึงกับล้มลงหมดสติกันเป็นทิวแถว มีแต่ตันฮกที่รับรู้ความผิดปกติ รีบหลบสายตา แล้วทะยานหลบหนีจากสถานที่คับขันไปก่อน ส่วนพวกทหารกังแฮในมุมอื่นกลับนึกคิดว่า เล่าปี่เป็นเทพยดาแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ จึงลดอาวุธคุกเข่าร่ำร้องขอโทษไม่หยุดยั้ง
นางแอ่นเองก็ตะลึงต่อเหตุการณ์ที่พลิกผัน แต่พอคาดเดาได้ว่า พลังพิเศษที่เล่าปี่ได้รับมาชดเชยอาการตาบอด น่าจะเป็นพลังสะกดผู้คนด้วยสายตา จึงแอบส่งสัญญาณให้เหยี่ยวดำปลีกตัวจากไปเสียก่อน พร้อมสำรวจตนเองรอบหนึ่ง รับรู้ว่า พลังพิเศษได้ฟื้นฟูร่างกายตนเองจากอาการบอบช้ำเมื่อครู่แล้ว จึงรีบตัดสินใจโดยเร็ว
จากคำกล่าว “จับโจรต้องจับหัวหน้า” นางแอ่นจึงลอยตัวเหยียบหัวผู้คนข้ามผ่านกองทหารจนไปถึง เล่าฮอง ตัวการสำคัญ ฉุดลากกลับเข้ามาให้เล่าปี่ตัดสินชะตากรรมต่อหน้าเหล่าทหารที่หลงเหลืออยู่ พร้อมแผ่พลังภายในกระตุ้นให้เล่าฮองรู้สึกตัวขึ้นมา
เล่าฮองฟื้นคืนสติ กลับพบตนเองตกเป็นเชลยของพวกเล่าปี่เสียแล้ว สำนึกตนว่า แผนการลอบสังหารล้มเหลวแล้ว จึงพลิกตัวขึ้นคุกเข่าร้องขอต่ออดีตบิดาบุญธรรมตามธรรมเนียมนักรบที่ห้าวหาญ “ความผิดอยู่ที่ตัวข้าเพียงลำพัง ทหารทั้งหลายเพียงรับฟังตามคำสั่งกองทัพ ท่านพ่อโปรดละเว้นกองทัพทหารกังแฮทั้งหมดด้วยเถิด”
พอกล่าวคำเสร็จสิ้น เล่าฮองพลันพลิกข้อมือใช้มีดสั้นปาดผ่านลำคอตนเอง จบสิ้นบุญคุณความแค้นต่อกัน ยอมรับความผิดแทนทหารกังแฮทั้งกองทัพอย่างน่ายกย่อง สร้างความตื้นตันใจในความกล้าได้กล้าเสียของเล่าฮองในครั้งนี้ เล่าปี่ เสียวเอียนจื่อ และสองขุนพลสวรรค์ รีบฉวยโอกาสที่สุกงอม ควบคุมกองทัพย่อยกังแฮเอาไว้เป็นฐานกำลังในการเผชิญหน้าครั้งต่อไป
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย