ชายหญิงอยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส หากฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันไป จะต้องรับผิดตามกฎหมายหรือไม่?
ซึ่งกรณีนี้มีคดีตัวอย่างที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง..
มีชายหญิงเป็นแฟนกันและอยู่กินโดยไม่จดทะเบียนสมรส ทั้งคู่ร่วมกันเปิดร้านอินเตอร์เน็ต ซื้อคอมพิวเตอร์ จอคอม พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้บ้านของฝ่ายหญิงเป็นสถานที่เปิดร้าน
ต่อมาทั้งคู่ได้เลิกรากันไป และในขณะฝ่ายหญิงเป็นผู้ครอบครองร้าน ฝ่ายชายได้นำพรรคพวกมาขนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ไปทั้งหมด
แล้วแบบนี้ การกระทำของฝ่ายชายจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบครับ
1. การที่ชายและหญิงอยู่กินโดยไม่จดทะเบียนสมรส ระหว่างอยู่กินได้ร่วมกันเปิดร้านอินเตอร์เน็ตโดยซื้อคอมพิวเตอร์ จอคอม และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อใช้งานในร้าน ทรัพย์สินเหล่านั้นไม่ถือว่าเป็นสินสมรส เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
2. แต่กฎหมายถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ทั้งคู่ร่วมกันทำมาหาได้ระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยา ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์รวมที่แต่ละฝ่ายต่างมีส่วนเท่า ๆ กัน และเมื่อเลิกกันแล้วก็ต้องแบ่งกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง
3. ในขณะที่ทรัพย์สินอยู่ในความครองครองของฝ่ายหญิง ฝ่ายชายกลับนำพรรคพวกมาขนเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไปทั้งหมด
4. ตามกฎหมายอาญา ความผิดฐานลักทรัพย์นั้นจะต้องเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือ “ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย” ไปโดยทุจริต
5. ซึ่งการเอาทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมไป (ทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย) อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้นั้น การครอบครองทรัพย์จะต้องอยู่กับฝ่ายหนึ่ง และฝ่ายที่ไม่ได้ครอบครองได้เอาทรัพย์นั้นไป (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 3142/2557)
6. เมื่อปรากฏว่า ฝ่ายชายกับพวกได้ร่วมกันเอาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไปในขณะที่ทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของฝ่ายหญิง การกระทำของฝ่ายชายกับพวกจึงเป็นความผิดข้อหาลักทรัพย์ แม้จะเป็นทรัพย์สินที่ตนเองมีกรรมสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่งก็ตาม
7. ถ้าข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่าชายและหญิงได้จดทะเบียนสมรสกัน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดังกล่าวจะเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส ซึ่งเป็นสินสมรสของทั้ง 2 ฝ่าย
8. หากในระหว่างสมรส ฝ่ายชายได้เอาทรัพย์สินของฝ่ายหญิงไป (หรือฝ่ายหญิงเอาทรัพย์สินของฝ่ายชายไป) แม้อาจจะเป็นความผิดข้อหาลักทรัพย์ก็ตาม แต่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 71 ให้ถือว่าการลักทรัพย์ที่สามีกระทำต่อภรรยา หรือภรรยากระทำต่อสามีนั้นแม้จะเป็นความผิดแต่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายครับ
Reference:
- คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2563
- 14
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
