Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Jitn
•
ติดตาม
23 ส.ค. 2021 เวลา 12:45 • นิยาย เรื่องสั้น
หนองต้องสาป (ต่อ)
อาทิตย์ยามบ่ายแม้แสงยังแรงกล้า แต่คนทั้งสามกลับรู้สึกหนาวเย็นอย่างประหลาดอดยกมือขึ้นกอดอกอย่างลืมตัวไม่ได้
ผู้ใหญ่ก้มลงมองกระบวยเปล่าอย่างซึมเซา เด็กหนุ่มทั้งสามก็มองผู้ใหญ่ด้วยสีหน้าฉงน ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วอึดใจหนึ่ง บอลเหลือบไปมองทางกระบอกไม้ไผ่ที่แขวนไว้ไกลๆ ตากล้องล้วงกระเป๋าสะพายเทน้ำสีอำพันจากขวดแก้วทรงเหลี่ยมเทใส่กระบวยให้ผู้ใหญ่จนเต็มอีกครั้ง กันต์ผงกศีรษะเป็นเชิงขอบใจ
"พอสให้กูด้วย" บอลทักแล้วยื่นขวดน้ำส่วนตัวให้พร้อมยักไหล่ทำท่าสยิว สิ้นเสียงกลืนน้ำผ่านลำคอของลุงผู้ใหญ่แกก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ชุ่มกว่าเดิมว่า
"ไม่มีใครเห็นว่ามันโผล่มาจากไหนแต่มันอยู่บนฟ้าแล้ว มีคนผลัดลงหลุมในหนองอีกครั้ง ชายคนที่หล่นลงหลุมเป็นเจ้าของวัวเองชื่ออู่บอ มันทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้ากว่าอีกสองคนที่ออกวิ่งพร้อมกันเสียแล้ว อีกาใหญ่หุบปีกโฉบลงมาจนใกล้ถึงอู่บอชายเจ้าของวัว พลันกางปีกออกฟ้าทั้งผืนเหมือนถูกย้อมด้วยลูกมะเกลือ ปีกมันกว้างใหญ่เหมือน *แตะตากยา (อุปกรณ์จักรสานชนิดหนึ่งลักษณะแบนใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า) มันกางกรงเล็บตีนสีดำมะเมื่อมเข้าขยุ้มสองบ่าของอู่บอเล็บตีนมันทะลุผ่านอกออกมาทางด้านหน้า"
"อู่บอไม่ตายในทันทีเลือดเป็นฟองฟอยบ้วนออกจากปากมัน อีกาใหญ่กระพือปีกอีกครั้ง ลมกลิ่นสาบสางพุ่งปะทะหน้าพวกเราทางริมฝั่ง ทุกคนเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดนิ่งตะลึงงันกันไปหมด พ่อฉันมาถึงฝั่งแล้ว กระชากปืนจากใครสักคนหนึ่งไม่ได้ประทับบ่ายิงส่งๆไปยังอีกาใหญ่ เสียงปืนดังลั่นหนองทุกคนค่อยคืนสติวิ่งหลบหลังต้นไม้ ขนของมันฟุ้งกระจายปลิ่วว่อนลงมา มันแผดเสียงอย่างดุร้ายดังจนแก้วหูแทบแตก"
พูดจบประโยคผู้ใหญ่หน่อถึงกับยกมือตบเบาๆไปยังอกข้างซ้ายคล้ายจะปลอบขวัญตัวเองจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
"มันกระพือปีกทะยานขึ้นฟ้าพร้อมกับร่างของอู่บอที่สองแขนตกห้อยคอพับบินลับหายไปทางหลังศาลไม้กลางหนอง เสียงนกหนูแมลงค่อยกลับมาดังอีกครั้ง ทุกคนที่นั้นต่างเงียบงันไปหมด ต่างคนต่างกอดประคองปลอบโยนกันกลับหมู่บ้าน หญิงที่สิ้นสตินั้นเป็นเมียของอู่บอเรียกว่าส่างปี พอถูกแก้ไขฟื้นขึ้นมาถามหาสามีเห็นทุกคนทำหน้าสลดก็รู้ว่าสามีตายแล้ว นางไม่มีน้ำตาไม่มีคำพูดจาแต่นั้นมาก็ไม่พูดอีกเลยไม่กินข้าวกินน้ำอีกเลยเพียงเหม่อมองแต่บนฟ้าไม่นานก็ล้มป่วยลง นางอดทนคืบคลานไปจนถึงริมหนองค่อยสิ้นใจตาย ชาวบ้านจึงช่วยกันฝังศพนางไว้ที่นั้น"
คนทั้งหมดมีสีหน้าหม่นหมองลงตำนานเล่าขานของหมู่บ้านหนองกานี้กลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นคาวเลือดและน้ำตาบรรยากาศเงียบงันวังเวงพิกล
"เอาละครับท่านผู้ชมทุกท่าน ละนี่ก็คือตำนานเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวของชาวบ้านที่นี่ และเดี๋ยวเราจะขออนุญาตลุงผู้ใหญ่พาคุณผู้ชมไปสำรวจหนองน้ำในตำนานกันครับ"
คัต โอเค เสียงพููดดังมาจากหลังกล้องวีดีโอกันต์กับบอลหน้ากล้องก็ปล่อยตัวตามสบาย ยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่สำหรับเรื่องเล่า พอสยังเทวิสกี้นอกใส่กระบวยกะลาให้ผู้ใหญ่อีกครั้ง ผู้ใหญ่ยกขึ้นจ่อจมูกสูดกลิ่นแล้วยิ้มอย่างพึงใจ
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงแต่ตะวันเริ่มลับเหลี่ยมภูเขา บรรยากาศยิ่งหนาวเย็นมากขึ้นกว่าเดิม
"เฮ้ยกูว่าเปลี่ยนแผนวะ ถ้าขืนออกเดินทางสี่โมง กว่าจะถึงกว่าจะสำรวจคงมืดพอดี กูว่าไปตอนนี้เลยดีกว่า"
"ปอดแหกเหรอว่ะไอ้กันต์ สำรวจมาเป็นสิบๆที่ เคยเจอบ้างรึยัง ไอ้ที่ว่าหลอนๆ เฮี้ยนๆ สุดท้ายก็แค่มโน"
"อีกอย่างนะลุงผู้ใหญ่แม่งเล่านิทานเก่งฉิบหายจำได้เป็นฉากๆ อย่างกับ Grimm brother กูยอมเลย"
บอลพูดปนหัวเราะกระเซ้าเพื่อน
"แต่กูว่าคราวนี้อันตรายว่ะ " กันต์ยังแย้งเสียงเข้ม
"กูก็ว่าอันตราย" ทั้งบอลทั้งกันต์เหลียวขวับไปมองเป็นตาเดียว
"กูไม่เชื่อลางสังหรณ์ไอ้กันต์หรอก แต่กูเชื่อมึง" บอลพูดอย่างจริงจังใบหน้าตึงเครียดขึ้นมา
พอสใช้มือขวากอดอกมือซ้ายลูบหนวดอย่างเคยชิน นี่เป็นท่าประจำยามใช้ความคิด เพื่อนทั้งสองท้าวคางจ้อง
"ที่นี่อยู่ในป่าเขา เราถ่ายมาหลายที่แล้วก็จริงแต่ไม่เคยถ่ายทำในป่าลึกและไกลจากเมืองขนาดนี้ อันตรายจากป่าพวกเราไม่คุ้นเคยคงป้องกันตัวลำบาก พระอาทิตย์ที่นี่ดูจะตกดินไวกว่าในเมือง ความมืดจะทำให้เราทำงานยาก และเราไม่มีเรือต้องอาศัยแพไม้ลงหนอง เกิดพลาดพลั้งขึ้นมาจะมีใครช่วยเหลือ"
"และที่สำคัญ กูว่าที่นี่แปลก ใจกูหวิวๆ ชอบกลไม่เหมือนทุกครั้ง"
พอสลดเสียงลงแผ่วเบาลงพูดต่อว่า
"เรามาตั้งครึ่งค่อนวัน นอกจากผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นคนสักคน ถ้าเป็นหมู่บ้านก็น่าจะมีคนผ่านไปผ่านมาบ้าง กลางวันก็ไม่เห็นใครก่อไฟหุงหาอาหาร"
เออว่ะ บอลหัวคิ้วขมวดมุ่นตอบอย่างนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มทั้งสามพยายามมองไปรอบๆ ก็เป็นจริงอย่างที่พอสบอก
กันต์ทำท่าเงี่ยหูฟังบอกเพื่อนว่าได้ยินเสียงเด็กเล่นกัน พอสกับบอลพยักหน้าบอกว่าได้ยินเหมือนกัน ตอนนี้คนทั้งสามยิ่งฉงนสนเท่ห์หนักขึ้นกว่าเดิม บอลจึงตัดสินใจจะเดินทางทันทีไม่รอให้เย็นกว่านี้ พูดแล้วก็ไปเรียกผู้ใหญ่ให้นำทางไปสำรวจหนองน้ำ
คนทั้งหมดใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อบุกตะลุยเข้าไปจึงย่นระยะเวลาเดินลงอีกมาก ผู้ใหญ่หน่อที่ยืนยันจะนั่งหลังกระบะคนเดียวตบข้างรถเป็นสัญญาณให้จอดตรงนี้ คนทั้งหมดจึงลงจากรถรวมแล้วใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งชั่วโมงน้อยกว่าที่คาดไว้ถึงครึ่งชั่วโมงคนทั้งสามก็ค่อยใจชื้นขึ้น
จุดที่จอดรถเป็นเหมือนแนวกันชนของเขตป่าโปร่งและป่าทึบ ผู้ใหญ่ชี้มือไปทางทิศตะวันตก คนทั้งสามมองตามเห็นเป็นป่ารกชัฏไม้พุ่มใหญ่น้อยขึ้นสลับกันอย่างซับซ้อน เถาวัลย์หนามแหลมเลื่อยพันอยู่ทั่ว เตรียมสัมภาระเรียบร้อยลุงผู้ใหญ่ที่ยืนรออยู่ริมดงก็กวักมือเรียกให้เดินตาม คนทิ้งสามกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ตามอยู่ทางด้านหลังในระยะสี่ห้าวาลัดเลาะตามสุมทุมพุ่มไม้เพียงชั่วน้ำเดือดก็ทะลุออกมาถึงป่าโปร่งอีกชั้นหนึ่ง พอมองลอดไปเห็นหนองน้ำรำไร
ทางค่อยๆลาดต่ำลงจนมาถึงริมขอบหนอง คนทั้งสามต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น อดสยิวกายด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้ สภาพแวดล้อมทั้งหมดเหมือนกับฉากในหนังฝรั่งที่เคยเห็นผ่านตา เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่หลายสิบไร่ น้ำในหนองเขียวทึบสงบนิ่งเหมือนกระจกบานใหญ่ ไกลออกไปสักสองร้อยเมตรเริ่มมีพงหญ้าป่าอ้อ สลับกับตอไม้ผุอยู่ประปายบอกว่ามากไม่มาก บอกว่าน้อยก็ไม่น้อย บนตอไม้ผุหลายตอถูกไม้รูปร่างประหลาดหลายชนิดแซมขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นต้นกาฝาก สภาพแวดล้อมอันน่าสะพรึงกลัวนี้ ต่อให้ไม่มีเรื่องเล่าคนขวัญกล้าบังอาจยังไม่ยินยอมลงน้ำไป
ผู้ใหญ่หน่อเดินเลียบหนองไปทางขวา กันต์กับบอลตามติด พอสถือกล้อง action camera ที่มีบบกันน้ำตามถ่ายบรรยากาศโดยรอบปากพึมพำกับตัวเองว่าเหมือนโลเคชั่นหนังฮอลลีวู้ด
คนทั้งหมดมาหยุดยืนหน้ากองดินเล็กๆ มีไม้เก่าผุปักไว้ บนแป้นไม้มีรอยขีดจากของมีคมเป็นอักษรและสัญญลักษณ์รูปร่างประหลาดที่พวกเขาไม่เคยเห็นปรากฎเป็นรอยอยู่รางๆ ข้างที่ห่างออกไปมีซากโครงกระดูกขนาดเล็กน่าจะเป็นสุนัขยังมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ประปราย เห็นปลาไหลแหวกว่ายพลิกตัวไปมาหลังสีดำท้องสีเหลืองนวลเคลื่อนไหวอยู่ยุบยับ ยามลมพัดกลิ่นเน่าจากซากยังโชยมากระทบจมูกจางๆ
ผู้ใหญ่หน่อกุมมือทั้งสองเข้าด้วยกันชูขึ้นเหนือหัวเลื่อนมาจรดอก แล้วก้มลงไปคุกเข่ากับพื้นพึมพำเบาๆ แกลุุกขึ้นหันมามองกวาดไปยังเด็กหนุ่มทั้งสามบอกว่านี่เป็นหลุมศพของส่างปี บอลกับกันต์ยกมือไหว้เคารพ พอสทำท่ากางเขนจับสร้อยที่ห้อยคอกล่าวคำอาเมน
ผู้ใหญ่หน่อชี้ไปยังริมหนอง เห็นไม้หยาบใหญ่ขนาดเท่าขาคนยาวประมาณสองวาผูกติดกันเจ็ดแปดท่อนวางปริ่มน้ำอยู่ กันต์ยิ้มแหยหันมองทุกคน ผู้ใหญ่หน่อผงกศีรษะเป็นเชิงยืนยันแล้วชวนทุกคนลากแพลงน้ำ คนทั้งสี่ช่วยกันทั้งผลักทั้งลาก กว่าจะลากแพไม้ลงไปยังจุดที่มันสามารถลอยได้ ก็เล่นเอาหน้าดำคร่ำเครียดเหงื่อเปียกชุ่มทั้งขนคิ้วขนตา
ทั้งสี่คนกระโดดขึ้นแพอย่างทุลักทุเลพร้อมกางเกงที่เปียกชุ่มขากางเกงเลอะโคลนค่อยถอนหายใจ ผู้ใหญ่หน่อถ่อแพด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ แพจึงเคลื่อนไปด้วยความเชื่องช้า ตะวันแอบหลังเขาโผล่มาให้เห็นเพียงครึ่ง ยิ่งใกล้ชะง่อนผาที่ผู้ใหญ่หน่อชี้ให้ดูว่าเป็นตำแหน่งของศาลเก่าสภาพแวดล้อมยิ่งมืดครึ้ม แพเคลื่อนที่ไปทางซ้ายทีขวาทีหลบตอไม้ผุกว่าจะถึงกลางหนองแสงสุดท้ายของดวงตะวันก็หายลับไป
ความมืดคลี่คลุมผืนฟ้า บรรยากาศขมุกขมัวขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความร้อนใจกันต์จึงถามว่าใกล้ถึงหรือยัง เพราะตอนนี้สายตามองออกไปเห็นได้แค่ในระยะห้าสิบเมตร แพไม้สั่นน้อยๆ ทุกคนหันกลับมามองเห็นผู้ใหญ่หน่อก้มหน้าสะอึกสะอื้นคล้ายร้องไห้ น้ำเสียงกลับแหลมสูงเหมือนคนแก่หัวเราะ ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกใจระคนสงสัย บอลถามว่าลุงผู้ใหญ่เป็นอะไรแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
หนองต้องสาป
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย