29 ส.ค. 2021 เวลา 07:55 • ปรัชญา
EP 2. สมาธิกับความสำเร็จ Do Meditation to Succeed
EP.2 - Do Meditation to Succeed
Think Long-term การวางแผนระยะยาว
เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้
อย่างไร?
เรากลับมาตั้งหลัก ตั้งสติแล้วเริ่มจากการจัดการ
กับความเชื่อเดิมๆ ของเราก่อน เปลี่ยน Mindset
เรื่องเงินกับความสำเร็จและความสุขของเราก่อน
.
ถึงจะสามารถไปต่อได้เพราะหากเราไม่เคลียร์
ข้างในของตัวเองก่อนถึงแม้ตั้งเป้าหมายไป
หรือให้กำหนดรูปแบบชีวิตใหม่ที่เราต้องการ
.
ก็จะไม่ได้ผลเพราะเราไม่มีความเชื่อหรือ
ศรัทธาในตัวเองและไม่เชื่อในพลังของกระบวน
การที่จะสร้างรูปแบบชีวิตให้กับตนเอง
.
หากไร้ซึ่งความเชื่อ ทุกอย่างคือสูญเปล่า
เพราะเราจะไม่มีแรงกระตุ้นหรือแรงขับเคลื่อน
จากภายในที่แท้จริง ทำไปสักพักก็เลิก เบื่อหน่าย
เพราะเราไม่เชื่อตัวเองตั้งแต่แรกแล้วว่าเราทำได้
ทุกอย่างเริ่มต้นที่ "ความสุข" ถึงแม้ว่าเป้าหมาย
ของเราอยากจะมีเงินทองมากมาย มั่งคั่งร่ำรวยและ
ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตก็ตาม
.
หากเราไม่มีความสุข ไม่มีความสงบภายใน
เรายังเคลียร์ข้างในของตัวเอง จูนตัวเองกับ
พลังงานแหล่งกำเนิดหรือตัวตนที่แท้จริงของเรา
ยังไม่ได้
.
มันก็ไม่มีความหมายใดที่เราจะเริ่ม...
.
ทุกอย่างจะเริ่มได้และประสบความสำเร็จได้
ด้วยคลื่นพลังงานจากตัวเราที่เป็นคลื่นพลังงาน
แห่ง "ความสุข" เป็นที่ตั้ง
.
เพราะทุกอย่างบนโลกใบนี้คือพลังงาน
และมีการสื่อสารกับกับทุกสรรพสิ่งด้วยการ
ส่งคลื่นพลังงานถึงกัน
.
ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ สัตว์ พืชหรือแม้แต่สิ่งของ
นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
บนโลกใบนี้และที่อยู่เหนือโลกก็ล้วนแล้วแต่
.
เป็นพลังงาานทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากเราต้องการ
ที่จะสร้างรูปแบบชีวิตของเรา เราก็เพียงแต่ส่งคลื่น
พลังงานจากความรู้สึก จากอารมณ์ของเราออกไป
.
เพื่อให้สิ่งต่างๆ ที่มีคลื่นพลังงานที่เข้าขั้วกัน
ได้พบกันและเมื่อคลื่นพลังงานที่เหมือนกัน
ได้เจอกันแล้วมันก็จะนำพาสิ่งต่างๆ ที่เป็นพวก
เดียวกันมาหากัน
.
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อเกินจริงเพราะมัน
เป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วจากนักวิทยาศาสตร์
มันมีเหตุมีผลและตั้งอยู่บนความเป็นจริง
.
ยกตัวอย่างเช่น คลื่นวิทยุ หากเราหมุนสัญญาณ
จากเครื่องรับคลื่นวิทยุจากปลายทางไปหาคลื่น
108 MHz เครื่องส่งสัญญาณจะไปจูนกับคลื่น
สัญญาณ 108 MHz ที่อยู่ในอากาศ และนำข้อมูล
ในคลื่นนี้มาแปลงเป็นภาษาให้เราได้ฟัง
.
มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่่หากเราหมุนหา
คลื่นวิทยุจากต้นทางไปหาคลื่น108 MHz
แล้วเครื่องส่งสัญญาณจะไปจูนกับคลื่นสัญญาณ
95 MHz มาให้เรา
.
เช่นเดียวกันกับกระบวนการส่งคลื่นพลังงาน
ของมนุษย์ซึ่งมนุษย์ทุกคนทำในแบบเดียวกัน
นี้อยู่ทุกวินาทีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
.
จากความรู้นี้เราก็สามารถจัดการกับคลื่น
พลังงานของตัวเองได้
.
เราสามารถจะส่งคลื่นพลังงานแบบไหนก็ได้
ออกไปเพื่อไปจูนเข้าขั้วกับพลังงานในแบบ
เดียวกันและเหนี่ยวนำมันเข้ามาในชีวิตเรา
.
ข้อแตกต่างของคนที่รู้และไม่รู้เรื่องนี้และ
ข้อแตกต่างของคนที่ส่งพลังงานออกไป
โดยที่มีสติรับรู้และไม่มีสติรับรู้มันมีอยู่ว่า
.
คนที่มีสติรับรู้ทำการส่งคลื่นพลังงานออกไป
ด้วยสติเราก็จะรู้ว่าแต่ละขณะ ที่เราส่งคลื่น
พลังงานออกไปเราส่งคลื่นลักษณะแบบไหน
ออกจากตัวเรา
.
ส่งคลื่นพลังงานที่เป็นขั้วบวกหรือขั้วลบ
(หมายถึงพลังงานจากความรู้สึกจริงๆ
จากภายในแบบไม่หลอกตัวเองด้วยการคิดเอง)
.
หมายความว่าพลังงานที่ส่งไปนั้น ส่งจากความรู้สึก
ที่เรากำลังมีความสุข จากความสบายใจจาก
ข้างในจริงๆ หรือส่งขณะที่เรากำลังกังวล ทุกข์ใจ
.
มันก็จะไปเหนี่ยวนำหรือจูนกับพลังงานในรูปแบบ
เดียวกันเข้ามาหาเรา
.
และจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเข้ามาแล้ว?
.
การแสดงหลักฐานว่ามันเข้ามาหรือยังนั้น
.
มันจะมาในรูปแบบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต
ผู้คนที่เข้ามาในชีวิต ไอเดียต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาใน
ความคิด หรืออาจจะเป็นข่าวสารจากที่ใดที่หนึ่ง
ที่เป็นข้อมูลหรือป๊อปอัพในสื่ออินเตอร์เน็ต
.
ให้เราได้คำตอบหรือได้รับข้อมูลข่าวสาร
ความรู้ที่เรากำลังค้นหาเพื่อต่อยอดหรือ
สนับสนุนสิ่งที่เรากำลังตามหาหรือ
ต้องการหาคำตอบนั้นอยู่พอดี
.
หรือในบางครั้งอาจจะเป็นสิ่งของที่จับต้องได้
เลยด้วยซ้ำ เช่นมีคนส่งของมาเซอร์ไพร้ส์หรือ
คนรอบข้างหยิบยื่นสิ่งนั้นให้เราแบบที่เราไม่ได้
เอ่ยปากร้องขอ
.
แต่หากเราส่งพลังงานด้านลบออกไปโดย
ที่เราไม่มีสติและไม่รู้ตัวเพราะเราไม่ได้ฝึก
การมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะตลอดเวลา
.
และเราไม่ได้มีความสงบนิ่งภายใน มีแต่
ความฟุ้งซ่านและข้อมูลที่สะเปะสะปะ
อยู่เต็มไปหมด
.
มันก็จะนำพาเหตุการณ์ สถานการณ์ต่างๆ
ให้เกิดขึ้นในชีวิตแบบที่ไม่ได้ตั้งใจและมันมัก
จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือที่เรา
.
เรียกกันว่า "ปัญหาต่างๆ ในชีวิต" นั่นแหละ
.
หากคนที่ฝึกสมาธิ มีสติรับรู้อยู่กับปัจจุบันขณะ
คนเหล่านี้จะรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอว่ากำลังส่ง
คลื่นพลังงานอะไรออกไป
.
คนเหล่านี้จะจัดการกับคลื่นพลังงานก่อนที่มัน
จะส่งออกไปเหนี่ยวนำสิ่งที่ไม่ต้องการเข้ามาในชีวิต
.
การจัดการพลังงานนี้ คือการรู้ทันความรู้สึกหรือ
อารมณ์ที่มันผุดขึ้นมาแต่ละขณะๆ นั้นเอง
.
ในระหว่างวันหากมันความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาเป็น
พลังงานด้านลบเราต้องเคลียร์อารมณ์ความรู้สึก
เหล่านั้นให้มันขึ้นไปในแดนบวกให้เร็ว
.
ก่อนที่มันจะมีอำนาจครอบงำเราให้เราหลง
และหลุดจากการมีสติทำให้เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว
และส่งพลังงานไม่ดีออกไป
.
(ในกระบวนการนี้ต้องอาศัยการฝึกจิตให้คุ้นชิน
กับการรู้ทันความรู้สึก หากมันมีอะไรที่แปลก
ปลอมเกิดขึ้นที่จิตมันไม่คุ้นชิน มันจะปฏิเสธโดย
แสดงปฏิกิริยา"การรู้ทัน" ความรู้สึกนั้นแล้วมันจะ
พาเรากลับมาอยู่ในอารมณ์เชิงบวกได้เองอัตโนมัติ
แต่ช่วงแรกต้องอาศัยการฝึกบ่อยๆ จนมันคุ้นชินเสียก่อน)
ทั้งหมดนี้เป็นการฝึกตนเองและเปลี่ยนความเชื่อ
ในระดับจิตวิญญาณ ให้เรามีความเชื่อมั่นในตนเอง
ศรัทธาในพลังที่อยู่ภายในตัวเรา
.
เราจึงจะไปต่อได้อย่างมั่นใจ เด็ดขาดกับการ
ตัดสินใจใหม่และมันจะไม่ทำให้เราหลุดโฟกัส
เพราะเราจะรับรู้ในระดับลึกภายในของตัวเรา
.
ว่าเราเป็นใคร สามารถทำอะไรได้บ้างและ
กำลังจะทำอะไร เพื่อใคร จุดหมายปลายทาง
ที่แท้จริงของเราคืออะไร
.
เราจะไม่สับสน จะมีแต่ความมั่นใจ 100%
ในทุกการตัดสินใจและรับผิดชอบทุกสิ่ง
ทุกอย่างที่เราได้ตัดสินใจไปแล้วแบบไม่มี
ข้ออ้างหรือความสงสัยใดๆ เลย
.
มีแต่ความชัดเจนในตัวเอง ให้เป้าหมายของ
ตัวเองและระหว่างทางก็จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามา
เพื่อสนับสนุนให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
"แสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทางแล้ว"
อ่านต่อ EP.3 นะคะ
- เอ ปวีร์ลดา ธนะพัฒน์มงคล -
ติดตามศาสตร์ความสำเร็จแบบจงใจ ได้ที่
Facebook: @paweeladapage (พิมพ์ @ นำหน้า)
Youtube: Paweelada Channel
Blockdit: Paweelada Blog
IG: a.paweelada
Line: @paweelada (พิมพ์ @ นำหน้า)
#ศาสตร์ความสำเร็จแบบจงใจ
#insideoutselfdevelopment

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา