9 ก.ย. 2021 เวลา 10:30 • ไลฟ์สไตล์
ขนาด Grind Size บดกาแฟยังไงให้เหมาะกับการชงรูปแบบต่างๆ
Coffee Grind Size: Finding the Right Grind for Your Brew Method
กาแฟรสชาติดีๆสักแก้ว นอกจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟและระดับการคั่วที่เหมาะสมแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องคำนึงถึงคือการบดกาแฟ เพราะรูปแบบการชงแต่ละแบบใช้ขนาดของผงกาแฟที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป
ผงกาแฟที่มีขนาดเล็กหรือบดละเอียดจะทำให้การสกัดรสชาติของกาแฟออกมาได้มากขึ้น และในทางกลับกันผงกาแฟที่มีขนาดใหญ่หรือบดหยาบจะทำให้ต้องใช้เวลาในการสกัดกาแฟที่นานขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เกิดการสกัดตัวที่เท่ากันและให้ได้กาแฟรสชาติดี ต้องมั่นใจว่าผงของกาแฟมีความสม่ำเสมอเท่ากันนั่นเอง
ดังนั้นรูปแบบการชงกาแฟแต่ละแบบก็ต้องการความละเอียด-หยาบของผงกาแฟที่แตกต่างกัน อย่างเช่นการชงในรูปแบบเอสเพรสโซต้องใช้ผงกาแฟที่ค่อนข้างละเอียด ในขณะที่การชงแบบเฟรนช์เพรส เหมาะกับผงกาแฟที่มีความหยาบมากกว่า
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ระดับการบดสามารถปรับเปลี่ยนได้หากกาแฟมีรสชาติเข้มเกินไป อาจลองปรับให้ผงกาแฟหยาบขึ้น ในทางกลับกันหากกาแฟมีรสชาติบางเกินไปก็ลองปรับให้กาแฟมีความละเอียดมากขึ้น
ทีนี้เมื่อเราทราบแล้วว่าขนาดของผงการแฟมีผลอย่างไรต่อการสกัดกาแฟ เราก็จะไปดูกันว่าการชงแต่ละแบบเหมาะกับผงกาแฟที่มีความละเอียดระดับใด
การบดแบบหยาบ (Coarse grind)
มีขนาดใกล้เคียงกับเกลือโคเชอร์ หรือมีขนาดที่ใหญ่กว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อย ขนาดของผงกาแฟในรูปแบบนี้เหมาะกับการชงแบบเฟรนช์เพรส (French Press) เพราะเป็นการชงแบบแช่ผงกาแฟในน้ำร้อนเป็นเวลานาน ผงกาแฟจึงต้องมีความหยาบเพราะต้องการการสกัดตัวของกาแฟที่ช้า ไม่เกิดการสกัดตัวที่มากจนเกินไป และเพื่อป้องกันไม่ให้ผงกาแฟลอดออกมาจากแผ่นกรองปนกับน้ำกาแฟอีกด้วย ขนาดของผงกาแฟแบบนี้จะเหมาะกับการชงแบบ การสกัดเย็น (Cold Brew) เพราะเป็นการชงแบบการชงแบบแช่น้ำเป็นเวลานาน หากผงกาแฟที่มีความละเอียดมากจะทำให้ได้กาแฟที่มีความเข้มและขมจนเกินไป
การบดแบบปานกลาง (Medium grind)
ความละเอียดประมาณน้ำตาลทราย เหมาะกับการชงแบบดริป (Pour Over or Filter Brewers) ที่เป็นรูปแบบการชงกาแฟที่ใช้การซึมผ่านของน้ำร้อนที่ผ่านตัวกาแฟและสกัดเอารสชาติออกมา ยิ่งผงของกาแฟมีความละเอียดมากน้ำจะซึมผ่านกาแฟได้ช้า ทำให้กาแฟถูกสกัดตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้สกัดเอากลิ่นและรสชาติที่ไม่ต้องการออกมาได้
การชงแบบแอโร่เพรส (Aeropress) เป็นการชงแบบฟิลเตอร์ที่มีแรงดันเพิ่มเข้าในการสกัดกาแฟ โดยใช้กระบอกสูบในการสร้างแรงดันเพื่อดันน้ำผ่านกาแฟบดและผ่านตัวกรอง ซึ่งหากต้องการชงให้ไวขึ้น สามารถปรับให้กาแฟละเอียดขึ้นได้ แต่หากใช้กาแฟที่มีความหยาบกว่าก็ต้องยืดระยะเวลาในการชงด้วยเช่นกัน โดยระยะเวลาที่กล่าวถึงนี้คือช่วงของระยะเวลาที่ใช้ในการแช่กาแฟไว้กับน้ำร้อนเพื่อให้เกิดการสกัดตัวของกาแฟนั่นเอง
การชงแบบไซฟอน (Syphon Brewer) เป็นการชงแบบแช่สกัดเช่นเดียวกันที่จะใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงมากเมื่อเทียบกับวิธีการชงแบบอื่นๆ ซึ่งขนาดของผงกาแฟนั้นจะมีความสัมพันธ์กับเวลาที่ใช้ในการแช่สกัดกาแฟ โดยสามารถปรับระยะเวลาในการชงให้เหมาะกับระดับของผงกาแฟได้ ซึ่งหากกาแฟมีความหยาบมากเกินไปจะทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการชงนานขึ้น หรือในกรณีที่ผงกาแฟละเอียดเกินไป อาจจะทำให้กาแฟมีรสขมได้ อันเนื่องมาจากอุณภูมิที่ใช้สกัดนั้นสูงมากทำให้เกิดการสกัดกาแฟได้เร็วและมากกว่าในรูปแบบอื่นๆ ดังนั้นการชงในรูปแบบนี้จึงไม่นิยมใช้เวลาในการแช่กาแฟในน้ำร้อนมากนัก
การบดแบบหยาบค่อนละเอียด (Medium fine grind)
เป็นลักษณะของขนาดผงกาแฟที่มีความละเอียดมากกว่าการชงแบบฟิลเตอร์แต่ไม่ละเอียดเท่ากับการชงในรูปแบบเอสเพรสโซ ความละเอียดในรูปแบบนี้เหมาะกับการชงแบบโมค่าพอท (Moka Pot) ซึ่งเป็นการชงที่มักให้รสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นสำหรับคอกาแฟที่ไม่ชอบรสชาติที่เข้มขมมากเกินไปผงกาแฟที่เหมาะสมจะค่อนข้างละเอียดเหมือนเกลือป่น ซึ่งจะช่วยลดความขมของกาแฟได้ แต่หากชอบความเข้มมากขึ้นก็สามารถปรับให้มีความละเอียดมากขึ้นได้ตามความชอบของเรานั่นเอง
การบดแบบละเอียด (Fine grind)
จะมีความละเอียดกว่าน้ำตาลเล็กน้อย แต่ไม่ละเอียดขนาดเป็นแป้ง เหมาะกับการชงแบบเอสเพรสโซ (Espresso) เพราะเป็นการสกัดอย่างรวดเร็ว โดยใช้แรงดันและความร้อนสูงเพื่อให้ได้กาแฟที่เข้มข้น เพราะในระยะเวลาอันสั้น หากเราใช้ผงกาแฟที่หยาบจนเกินไปนั้น อาจทำให้น้ำที่ไหลผ่านแรงดันที่สร้างขึ้นนั้นยังไม่ทันได้สกัดกาแฟเข้าไปจนถึงภายในผงกาแฟ ก็ถูกแรงดันดันน้ำให้ไหลออกเสียแล้ว แต่หากใช้ขนาดผงกาแฟที่ละเอียดมากจนเกินไปนั้น ก็อาจทำให้น้ำร้อนนั้นเข้าไปสกัดกาแฟได้มากกว่าที่จำเป็น รวมทั้งยังทำให้น้ำร้อนที่สกัดกาแฟนั้นไม่มีทางไหลผ่านได้เลย จนทำให้ในบางครั้ง น้ำกาแฟอาจไหลออกได้ช้า หรือไม่ไหลเลยก็เป็นได้ แต่ในการชงในรูปแบบเอสเพรสโซนี้ก็จะยังมีบางเมนูที่ต้องการให้น้ำกาแฟไหลออกช้าๆ เนื่องจากต้องการน้ำกาแฟในปริมาณที่น้อยกว่าปกติแต่เข้มข้นกว่าปกติ อย่างเมนู Dirty นั่นเอง
ดังนั้นแล้วจะเห็นได้ว่าการสกัดกาแฟในแต่ละรูปแบบนั้นก็ต้องการความละเอียดหยาบของผงกาแฟที่แตกต่างกันไปตามรูปแบบการชง โดนขนาดของผงกาแฟที่เราได้แนะนำในวันนี้นั้น เป็นเพียงค่ากลางของผงกาแฟที่ใช้ในแต่ละรูปแบบของการสกัดกาแฟ ในกรณีที่คุณลองสกัดกาแฟตามที่เราแนะนำแล้วยังพบว่า น้ำกาแฟที่ได้ยังบาง หรือยังเข้มข้นไม่เพียงพอ ก็สามารถปรับขนาดของผงกาแฟให้ละเอียดขึ้นได้
สุดท้ายนี้ การสกัดกาแฟ หรือการชงกาแฟนั้นถือเป็นการใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์เข้ามาประยุกต์ร่วมกันเพื่อสร้างเป็นผลงานชิ้นเอกให้กับคุณ โดยการตัดสินว่าถูกหรือผิดนั้นอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญในวิชากาแฟ แต่การชิมรสชาติที่เราชอบต่างหากนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดื่มกาแฟ ขอให้ทุกคนดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดในทุกๆวันของคุณ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 081-979-9565 ต่อ 3 Bluekoff Training Center
Line : @bluekoff
#Bluekoff #SpecialCoffee #SpecialtyCoffee #CoffeeCoffeeCoffee #StayAtHome
โฆษณา