8 ก.ย. 2021 เวลา 02:34 • หนังสือ
#73 เล่ม 3 บทที่ 17 หน้า 369 ~ 377
N : นั่นล่ะครับที่ผมอยากได้ยิน❗ นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมมาที่นี่เพื่อมามีประสบการณ์❗ คือการได้รับแรงบันดาลใจ ไม่ใช่การลดค่ากัน
G : เธอไม่มีวันถูกลดค่าเว้นแต่ว่าเธอจะคิดอย่างนั้น พระเจ้าไม่เคยพิพากษาหรือทำให้เธอ “เป็นฝ่ายผิด”
N : คนมากมาย “รับไม่ได้” กับแนวคิดของพระเจ้าที่บอกว่า “ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าถูกและผิด” และพระเจ้าที่ประกาศว่า “เธอไม่มีวันโดนพิพากษา” ได้หรอกครับ
G : เดี๋ยวนะ เธอจะเอายังไงกันแน่❗ ทีแรกเธอบอกว่าฉันกำลังพิพากษาเธอ ต่อมาเธอก็บอกว่าเธอรู้สึกไม่สบายใจที่ฉันไม่ทำอย่างนั้น
N : ผมรู้ครับ ผมรู้ ทั้งหมดนี้มันชวนให้สับสนมาก มนุษย์เรามันช่างเป็นอะไรที่...ซับซ้อน เราไม่อยากให้พระองค์พิพากษาเรา แต่อีกใจนึงก็อยาก เราไม่อยากให้พระองค์ลงโทษเรา แต่เราก็รู้สึกเคว้งคว้างหากพระองค์ไม่ทำอย่างนั้น
แล้วพอพระองค์บอกว่า “ฉันไม่มีวันลงโทษเธอ” (พระองค์บอกไว้ในเล่มหนึ่งและเล่มสอง) เราก็เชื่อไม่ลง พวกเราบางคนอาจถึงขั้นคลั่งได้เลย เพราะถ้าพระองค์ไม่พิพากษาเรา ไม่ลงโทษเรา แล้วอะไรที่จะคอยควบคุมพวกเราไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางล่ะครับ❓
หาก “ความยุติธรรม” ไม่มีอยู่บนสวรรค์แล้วไซร้ ใครจะเป็นคนขจัดความไม่ยุติธรรมทั้งหลายบนโลกล่ะครับ❓
G : ทำไมเธอต้องพึ่งสวรรค์ให้จัดการเรื่องที่เธอเรียกว่า “ความไม่ยุติธรรม” ด้วย❓ ฝนมิได้โปรยปรายลงมาจากสรวงสวรรค์อยู่แล้วหรอกหรือ❓
N : ใช่ครับ
G : ฉันจะบอกกับเธอว่า : 🔸ฝนโปรยลงสู่ผู้เที่ยงธรรมและคนใจคดอย่างเท่าเทียมกัน🔸
N : แล้วประโยคที่บอกว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” ล่ะ❓
G : ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น หนึ่งในพวกเธอคิดขึ้นมาเอง แล้วพวกเธอที่เหลือก็เชื่อ
“ความยุติธรรม” ไม่ใช่บางสิ่งที่เธอจะได้รับ ‘หลังจาก’ ที่เธอได้ทำอะไรบางอย่าง แต่เป็นเพราะเธอได้ทำอะไรบางอย่างลงไปต่างหาก
💥ความยุติธรรมคือการกระทำ
💥ไม่ใช่การลงโทษสำหรับการกระทำ
N : ผมว่าปัญหาของสังคมมนุษย์ก็คือ มนุษย์พยายามจะสร้าง “ความยุติธรรม” หลังจากที่เกิด “ความไม่ยุติธรรม” ขึ้น แทนที่จะทำอะไรๆให้ “ยุติธรรม” ตั้งแต่แรก
G : ถูกเผง❗ ถูกเผงเลย❗
🔸ความยุติธรรมคือการกระทำเชิงรุก (action) ไม่ใช่ปฏิกิริยาเชิงรับ (reaction)🔸
ฉะนั้น จงอย่ามองมาที่ฉันเพื่อให้ “แก้ไขสิ่งต่างๆให้ถูกต้องในตอนท้าย” โดยการสร้างรูปแบบของความยุติธรรมแห่งสวรรค์ใน “ชีวิตหลังความตาย”
และฉันจะบอกกับเธอว่า : มันไม่มีหรอกชีวิตหลังความตาย มีแต่ชีวิตเท่านั้น ความตายไม่มีอยู่จริง และวิธีที่เธอมีประสบการณ์และสร้างชีวิตของตัวเองขึ้นมา ทั้งในเชิงปัจเจกและสังคม (ส่วนตนและส่วนรวม) 🔸คือการแสดงออกถึงความคิดของเธอว่าอะไรคือความยุติธรรม🔸
N : ซึ่งในเรื่องนี้พระองค์ก็เห็นว่าวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์เรานั้นยังไปไม่ถึงไหนเลยใช่มั้ยครับ❓ หมายถึงว่าถ้าการวิวัฒนาการทั้งหมดเท่ากับสนามอเมริกันฟุตบอลหนึ่งสนาม★ ตอนนี้พวกเราอยู่ประมาณไหนครับ❓
★สนามอเมริกันฟุตบอลมีขนาดยาว 120 หลา กว้าง 53-1/3 หลา (110 เมตร * 49 เมตร) – ผู้แปล
G : เส้น 12 หลา★
[★เพิ่งจะ 1 ใน 10 เท่านั้น ~ แอดมิน]
N : ล้อเล่นน่า
G : เปล่า
N : พวกเราอยู่บนเส้น 12 หลา ของการวิวัฒนาการเท่านั้นเองงั้นหรือครับ❓
G : เฮ้ พวกเธอขยับจากเส้น 6 หลา มาเส้น 12 หลา ได้ในเวลาศตวรรษเดียวนะ (100 ปี)
N : มีโอกาสทำทัชดาวน์มั้ยครับ❓★
[★หมายถึงการไปถึงเส้น 120 หลา – แอดมิน
G : แน่นอน แต่อย่าทำลูกหลุดมืออีก
N : อีก❓
G : อย่างที่ฉันเคยบอกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อารยธรรมบนโลกนี้ยืนอยู่บนปากเหว ฉันต้องย้ำเรื่องนี้เพราะนี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่พวกเธอต้องได้ยิน
ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ พวกเธอได้พัฒนาเทคโนโลยีจนรุดหน้าเกินกว่าความสามารถที่จะใช้มันอย่างรับผิดชอบ พวกเธอกำลังเข้าสู่จุดเดียวกันในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอีกครั้ง
💢เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่พวกเธอต้องเข้าใจในเรื่องนี้💢
ระดับเทคโนโลยีในปัจจุบันของพวกเธอกำลังหมิ่นเหม่ที่จะล้ำหน้ากว่าความสามารถที่จะใช้มันได้อย่างชาญฉลาด
สังคมของพวกเธอจวนเจียนเต็มทีแล้วที่จะกลายเป็นสังคมที่เป็นผลิตผลของเทคโนโลยี แทนที่เทคโนโลยีจะเป็นผลิตผลของสังคม
💢 แล้วเมื่อไหร่ที่สังคมกลายเป็นผลิตผลของเทคโนโลยีที่ตัวเองสร้างขึ้น เมื่อนั้นมันจะทำลายตัวเอง
N : ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละครับ❓ อธิบายหน่อยได้มั้ยครับ❓
G : ได้ ประเด็นที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งก็คือ 🔸สมดุลระหว่างเทคโนโลยีและความเป็นไปของจักรวาล🔸 หรือก็คือจักรวาลวิทยาแห่งสรรพชีวิต
N : “จักรวาลวิทยาแห่งสรรพชีวิต” มันหมายความว่ายังไงครับ❓
G : พูดง่ายๆ มันคือ :
⏺️ วิถีที่สรรพสิ่งดำเนินไป
⏺️ คือตัวระบบ
⏺️ คือตัวกระบวนการ
มี “ระเบียบแบบแผนอยู่ในความบ้าคลั่งของฉัน”★ นะรู้ไหม
[★there is a method to my madness เป็นคำที่เช็คสเปียร์ใช้ในแฮมเล็ต มีความหมายเปรียบเปรยถึงสิ่งที่ดูผิวเผินว่าบ้าบอหรือไร้เหตุผลแต่จริงๆมันมีจุดมุ่งหมายบางอย่างแฝงอยู่ – ผู้แปล]
N : หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ
G : แต่ความยอกย้อนก็คือ เมื่อใดที่เธอเข้าถึง (ตระหนักถึง) ระเบียบแบบแผนนั้น เมื่อใดที่เธอเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับวิถีที่จักรวาลดำเนินไป 🔹เมื่อนั้นเธอจะเสี่ยงต่อการทำให้ทุกอย่างพังทลายลง — ในแง่นี้ ไม่รู้ยังจะดีเสียกว่า🔹
ตัวจักรวาลเองคือเทคโนโลยีหนึ่ง คือเทคโนโลยี ‘ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ มันทำงานอย่างสมบูรณ์แบบด้วยตัวมันเอง แล้ววันใดที่เธอเข้าไปยุ่มย่ามกับหลักเกณฑ์ของจักรวาลและกฏของมันแล้วล่ะก็ เธอมีแนวโน้มที่จะละเมิดกฎเกณฑ์พวกนั้น และจะต้องโดนลูกโทษในระยะ 40 หลา
N : ซึ่งเสียหายหลายแสนต่อทีมเหย้า
G : ถูกต้อง
N : สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเราเป็นยังไงบ้างครับ❓ ใกล้จะตกชั้นหรือยัง❓
G : ใกล้แล้ว มีเพียงแค่ตัวของพวกเธอเองเท่านั้นที่จะกำหนดได้ว่าพวกเธอมีโอกาสรอดไหม
🛑 พวกเธอจะกำหนดมันด้วยการกระทำของพวกเธอเอง ยกตัวอย่างเช่น พวกเธอรู้เกี่ยวกับพลังงานปรมาณูมากพอที่จะระเบิดตัวเองให้พินาศย่อยยับได้
N : ใช่ครับ แต่พวกเราไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว พวกเราฉลาดกว่านั้น พวกเราจะหยุดตัวเอง
G : จริงหรือ❓ พวกเธอกำลังผลิตอาวุธทำลายล้างมวลชนออกมาไม่หยุดแบบเดียวกับที่เคยทำมาโดยตลอด แล้วอีกไม่นานมันก็จะไปอยู่ในมือของคนที่จะจับโลกนี้เป็นตัวประกัน หรือทำลายโลกที่พยายามจะจับพวกเขาเป็นตัวประกัน
พวกเธอกำลังให้ไม้ขีดไฟแก่เด็กแล้วหวังว่าเด็กจะไม่เผาบ้านตัวเอง
🛑 ตัวพวกเธอเองยังไม่ได้เรียนรู้วิธีใช้ไม้ขีดไฟเลยด้วยซ้ำ
ทางออกของเรื่องราวทั้งหมดนี้นั้นชัดเจน นั่นคือ “เอาไม้ขีดไฟออกจากมือเด็ก แล้วก็โยนไม้ขีดไฟของตัวเองทิ้งไปด้วย”
N : แต่มันมากเกินไปหรือเปล่าครับที่คาดหวังให้สังคมล้าหลังปลดอาวุธของตัวเอง ฉะนั้นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ (ซึ่งเป็นทางออกสุดท้ายเดียวที่เหลืออยู่) เป็นอะไรที่ไม่ต้องพูดถึง
พวกเรายังตกลงกันเรื่องการหยุดทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนแต่ละคนจะควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
G : 💢และหากพวกเธอไม่ปลิดชีวิตตัวเองด้วยความบ้านิวเคลียร์
💢พวกเธอก็จะทำลายโลกด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อม พวกเธอกำลังรื้อทำลายระบบนิเวศของดาวเคราะห์ที่เป็นบ้านของพวกเธอเอง แต่ก็ยังพูดอยู่ตลอดว่าไม่ได้ทำ
💢 ถ้านั่นยังไม่พอ พวกเธอยังแทรกแซงระบบชีวเคมีของตัวชีวิต ทั้งการโคลนนิ่งและการตัดแต่งพันธุกรรม ซึ่งกระทำอย่างขาดความใส่ใจมากพอให้มันเป็นคุณูปการต่อสายพันธุ์ของพวกเธอ แต่กลับทำให้มันใกล้จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุด หากพวกเธอไม่ระวังให้ดี พวกเธอจะทำให้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และสิ่งแวดล้อมกลายเป็นของเด็กเล่น
💢 พวกเธอพัฒนาตัวยาขึ้นมาทำหน้าที่ที่ร่างกายถูกออกแบบมาให้ทำอย่างนั้นได้อยู่แล้ว พวกเธอได้สร้างไวรัสชนิดใหม่ๆขึ้นมา เป็นไวรัสที่ต้านทานการโจมตีได้มากจนมันแข็งแกร่งพอที่จะทำลายพวกเธอลงทั้งสายพันธุ์ได้เลย
N : พระองค์ทำให้ผมกลัวนิดๆแล้ว พวกเรากำลังจะแพ้ เกมกำลังจะจบลงงั้นหรือครับ❓
G : ไม่ใช่ แต่มันเป็นดาวน์ที่ 4 (โอกาสสุดท้าย) ได้เวลาที่ต้องขว้างแบบโอกาสน้อยแล้ว และควอเตอร์แบ็คก็กำลังมองไปรอบๆเพื่อหาคนรับลูกที่ไม่โดนประกบ
เธอหลุดจากการประกบหรือเปล่า❓
เธอสามารถรับลูกได้ไหม❓
ฉันคือควอเตอร์แบ็ค และครั้งสุดท้ายที่ฉันมอง เธอและฉันใส่ชุดทีมสีเดียวกัน ตอนนี้เรายังเป็นทีมเดียวกันอยู่ไหม❓
N : ผมคิดว่ามันมีอยู่ทีมเดียวเสียอีก❗ แล้วใครไปอยู่อีกทีมล่ะครับ❓
G : 💢ทุกความคิดที่ละเลยความเป็นหนึ่งเดียวของเรา
💢ทุกแนวคิดที่แบ่งแยกเราจากกัน
💢ทุกการกระทำที่ประกาศว่าเราไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในความเป็นจริงแล้ว “อีกทีมหนึ่ง” ไม่มีอยู่จริง แต่ทว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในโลกความจริงของเธอ เพราะเธอทำให้มันเป็นอย่างนั้น
หากพวกเธอไม่ระวัง เทคโนโลยี (ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้พวกเธอ) จะฆ่าพวกเธอ
N : ตอนนี้ผมรู้เลยว่าใครบางคนจะต้องพูดว่า “แต่คนๆเดียวจะทำอะไรได้❓”
G : พวกเขาอาจเริ่มต้นด้วยการทิ้งความคิดที่ว่า “แต่คนๆเดียวจะทำอะไรได้❓” ไป
🛑 ฉันบอกเธอไปแล้วว่า มีหนังสือเป็นร้อยเล่มที่พูดถึงเรื่องนี้ ‘หยุดเพิกเฉยหลังสือเหล่านั้น’ จงอ่านมัน ทำตามที่มันบอก ปลุกคนอื่นขึ้นมาอ่าน เริ่มต้นการปฏิวัติ ให้มันเป็นการปฏิวัติทางวิวัฒนาการ
N : มันไม่ได้เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วหรือครับเรื่องการปฏิวัติทางวิวัฒนาการที่ว่านี่❓
G : ใช่ และไม่ใช่ แน่นอนว่ากระบวนการแห่งการวิวัฒนาการนั้นดำเนินสืบไปชั่วกาล
แต่ตอนนี้กระบวนการกำลังจะถึงจุดหักเหใหม่ จุดเลี้ยวใหม่ ตอนนี้พวกเธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังวิวัฒนาการอยู่
ไม่ใช่แค่รู้ว่าตัวเองกำลังวิวัฒนาการอยู่เท่านั้น “แต่ยังรู้วิธีการด้วย” เวลานี้ตัวเธอรู้ถึงกระบวนการที่ทำให้เกิดการวิวัฒนาการขึ้น และยังรู้ถึงกระบวนการที่เธอสร้างโลกความจริงขึ้น
💥ก่อนหน้านี้ เธอเป็นเพียงแค่ผู้สังเกตกระบวนการที่สายพันธุ์ของเธอวิวัฒนาการขึ้น
💥แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้มีส่วนร่วมอยู่ในกระบวนการของการวิวัฒนาการนั้นอย่างรู้ตัวแล้ว
ผู้คนจำนวนมากกว่าที่เคยตระหนักรู้ถึงพลังของจิตใจ ความเชื่อมโยงกันของทุกสรรพสิ่ง และอัตลักษณ์ที่แท้จริงของตนในฐานะสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณ
ผู้คนจำนวนมากกว่าที่เคยกำลังใช้ชีวิตจากการตระหนักรู้นั้น ปฏิบัติตามหลักการที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ สร้างผลลัพธ์ได้ตามที่ปรารถนาและมีประสบการณ์ได้อย่างที่ตั้งใจ
นี่คือการปฏิวัติทางวิวัฒนาการที่แท้จริง และตอนนี้พวกเธอจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆกำลังสร้างคุณภาพของประสบการณ์ของตนอย่างมีสติรู้สึกตัว รวมถึงการแสดงออกอย่างซื่อตรงถึงตัวตนที่แท้จริง และการปรากฏเป็นจริงอย่างรวดเร็วของตัวตนที่พวกเธอเลือกจะเป็น
นี่ทำให้มันเป็นช่วงเวลาชี้ขาดที่สำคัญ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเวลานี้ถึงเป็นช่วงเวลาแห่งการชี้เป็นชี้ตาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกเอาไว้ในปัจจุบันของพวกเธอ (แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกของประสบการณ์มนุษย์ก็ตาม) 💢ที่พวกเธอมีทั้งเทคโนโลยีและความเข้าใจวิธีในการใช้มันที่สามารถทำลายโลกได้ทั้งใบ💢
พวกเธออยู่ในจุดที่สามารถทำให้ตัวเองสูญพันธุ์ได้จริงๆ
N : นี่เป็นประเด็นเดียวกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนกับที่บาร์บาร่า มาร์กซ ฮับเบิร์ท บอกไว้ในหนังสือชื่อ Conscious Evolution เลย
G : ใช่ ถูกต้อง
N : มันเป็นเอกสารที่มีขอบเขตเนื้อหาน่าทึ่ง พร้อมวิสัยทัศน์ว่าเราจะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่น่ากลัวแบบที่อารยธรรมในอดีตเคยประสบได้อย่างไร และวิธีการสร้างสวรรค์บนดินที่แท้จริงขึ้นมา พระองค์คงไปดลใจให้เธอเขียนหนังสือเล่มนี้❗
G : ฉันคิดว่าบาร์บาร่าคงพูดว่าฉันเข้าไปมีส่วนด้วย...
N : พระองค์บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า พระองค์ดลใจนักเขียนเป็นร้อยเป็นพันคน ดลใจผู้นำสาสน์มากมาย มีหนังสือเล่มอื่นๆอีกมั้ยครับที่พวกเราควรให้ความสนใจ❓
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา