Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
21 ต.ค. 2021 เวลา 04:20 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1️⃣ จุดกำเนิด ✴️ (ตอนที่ 3)
◾ อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างไร ◾
ในการเดินทางไปกับ “ความหมายของการมีชีวิต” ขอให้คุณยึดหลักความคิดเป็นเหตุเป็นผลและตรรกะไว้ให้มั่น การรับทุกเรื่องโดยไม่นำมาคิด ทบทวนก่อน มาพิจารณาก่อน ก็เป็นความเขลาพอ ๆ กับการปฏิเสธทุกความคิดโดยไม่ยอมคิดทบทวนไม่ยอมพิจารณาเหมือนกัน
วิทยาศาสตร์ คือ ศิลปะแห่งการสังเกตการณ์ด้วยดวงตาที่ปราศจากทั้งอคติและฉันทาคติ ผมลองพยายามทำมาแล้ว ตัวผมมีโอกาสได้เจอมนุษย์พรสวรรค์หลายคน ทั้งมนุษย์ที่มีญาณทางใน ทั้งคนเยียวยา และสายอื่น ๆ อีกเยอะ แล้วยังเจออีกพวกที่เยอะเสียกว่า คือ พวกที่พรสวรรค์อ่อนด้อย ไม่เก่งเลย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพวกฉวยโอกาส
ผมทุ่มเวลาหลายปีเรียนรู้และพยายามนำวิธีทางวิทยาศาสตร์มาตอบโจทย์ให้ได้ ความคิดที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ ของผมทำงานตลอดเวลา คอยส่งเรื่องราวที่ประสบมาเอามากรองผ่านหม้อกรองที่ชื่อวิทยาศาสตร์ก่อน แต่ผมก็ยังใจเย็นพอไม่สาดแนว คิดทิ้งเหมือนสาดน้ำร้อนออกนอกบ้าน คนหนึ่งคนเรื่องหนึ่งเรื่อง อาจน่าผิดหวังแทบตาย แต่เรื่องต่อไปอาจน่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ และไม่ควรมองข้ามเพียงเพราะความล้มเหลวก่อนหน้านั้นมันฝังใจไปเสียแล้ว
ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาก็ด้วยตั้งใจว่าจะมอบแม้อาจแค่เสี้ยวหนึ่งในสิ่งที่ผมได้รับมาให้แก่คุณ ผมเคยนั่งครุ่นคิดเหมือนกันว่าหนังสือเล่มต่อไปของผมจะพูดเรื่องอะไรดีนะ เพราะผมเขียนหนังสือมา 𝟯 เล่มแล้ว และมีสาระให้ซึมซับตั้งมากแล้ว หนังสืออื่นที่นำทางจิตวิญญาณในปัจจุบันนี้ก็พิมพ์ขายตั้งมากมายหาได้ทุกที่ หนังสืออีกเล่มของผมจะเพิ่มเติมอะไรอีกดีหนอ❓
ผมเคยจำได้ว่าการสอนผู้อื่นเป็นกระบวนการเฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับแต่ละวิธีการของแต่ละคน ห้วงเวลา ความชอบเฉพาะตัว คุณค่าของเนื้อหา และอีกหลายปัจจัยผสมกัน สำหรับท่านอื่น ๆ ในหนังสือ หรือสัมมนาอื่น ๆ อาจบอกเล่าเรื่องคล้าย ๆ กันนี้ หากแต่เล่าด้วยวิถีทางที่แตกต่างออกไป กระนั้นคำตอบก็คือคำตอบเดียวกัน ความจริงแท้ไม่มีวันเปลี่ยน ไม่ได้หมายความว่าครูผู้สอนคนนี้จะดีกว่าเก่งกว่าครูคนอื่น หรือ วิธีการ หรือ ปรัชญาของครูคนนั้น ๆ จะเลอเลิศกว่าแต่ประการใด เพียง แค่ต่างรูปแบบกันเท่านั้นเอง อะไรที่คุณปฏิบัติแล้วได้ผลถือว่าใช้ได้ทั้งสิ้น และ สิ่งที่คุณปฏิบัติไม่ได้ผลมันอาจจะได้ผลกับคนอื่นก็ได้
เราทั้งหลายทั้งปวงล้วนกำลังเดินไปยังที่หมายเดียวกันครับ
เส้นทางสู่การเข้าใจธรรมชาติของจิตวิญญาณที่ลึกขึ้นของผมต้องผ่านการเคี่ยวกรำร่ำเรียนวิชาการแพทย์ แล้วมาต่อเฉพาะทางสาขาจิตเวช กว่าจะถึงจุดสูงสุดซึ่งแสนยากลำบากอยู่แล้ว ยังต้องฝึกฝนอาชีพและประสบการณ์การเป็นหมออีกหลายสิบปี เส้นทางของผมเดินมาแบบนี้ บางท่านอาจจะไปถึงจุดเดียวกันด้วยการรับรู้ประสบการณ์ที่ตรง รุนแรง ฝังใจอย่างประสบการณ์ตายแล้วฟื้น 𝗡𝗗𝗘-𝗡𝗲𝗮𝗿 𝗗𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 และหลายท่านอาจก้าวมาถึงระดับนี้ได้ด้วยการใช้เทคนิคเดียว เช่นการปฏิบัติสมาธิมาเป็นเวลายาวนาน เหล่านี้อาจเป็นเส้นทางของหลายท่าน
ถนนไปสู่การรู้แจ้งมีหลายสายนัก เราจะมาจับมือเพื่อร่วมสำรวจเส้นทางด้วยกันนะครับ
ความเชื่อของเราแปรเปลี่ยนได้ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวที่ตรงและทรงพลัง คุณจะเริ่มเข้าใจเรื่องบางเรื่องก็เมื่อได้ประสบกับแก่นแท้ของ มันเท่านั้น แล้วเมื่อนั้นจากที่คุณ “เชื่อ” (𝗯𝗲𝗹𝗶𝗲𝗳) จะกลายเป็นการ “รู้” (𝗸𝗻𝗼𝘄𝗶𝗻𝗴) ทันที
แค่ได้อ่านหลักความคิดที่บรรจุอยู่ในเล่มนี้ หรือแค่เชื่อแต่ประสบการณ์ที่คนอื่นเจอเท่านั้นไม่พอ เพราะแค่นั้นเป็นเพียงการเสนอตัวอย่าง เสนอหลักความคิดให้เห็นภาพ หนังสือเล่มนี้จึงใส่แบบฝึกฝนและเทคนิคหลายวิธีให้คุณได้ไปเพิ่มเติมแตกแขนงประสบการณ์คุณเอง เพื่อช่วยให้คุณเปลี่ยนจิตแปลงชีวิตได้ตรงที่สุด
ผมแนะนำคนไข้มาตลอดหลายปี ให้จด 𝗱𝗿𝗲𝗮𝗺 𝗷𝗼𝘂𝗿𝗻𝗮𝗹 หรือ “บันทึกความฝัน” ไว้ จดฝันที่จำได้ทันทีที่คุณตื่นจากฝัน แค่เราฝึกวิธีนี้เพิ่มอีกเล็กน้อย หลักการ 𝗱𝗿𝗲𝗮𝗺 𝗿𝗲𝗰𝗮𝗹𝗹 หรือ “การจำความฝัน” ก็จะเก่งขึ้น แล้วรายละเอียดของความฝัน ยิ่งเราจดจำและจดบันทึกได้เยอะขึ้นเท่าไหร่ การวิเคราะห์ความฝันยิ่งง่ายขึ้นแม่นยำขึ้นเพียงนั้น
วิธีเดียวกันกับการทำสมาธิ และการจินตภาพ (𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹𝗶𝘇𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻) เมื่อเริ่มฝึกฝนการจินตภาพหรือ สมาธิ เวลาที่คุณจดความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และข้อน่าสังเกตลงไป คุณจะพบว่าวิธีนี้มีประโยชน์มากเลย สำหรับความฝันแล้ว ยิ่งคุณ “จดบันทึกความฝัน” มากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งจำฝันจำประสบการณ์ในฝันได้ง่ายและคล่องเพียงนั้น
สำหรับผมแล้วการฝึกเทคนิคนี้ไม่ได้ง่ายเลยครับ เพราะฉะนั้นผมถึงบอกคุณได้เลยจากประสบการณ์ตัวเอง 💥อย่าท้อ💥 กว่าจะพัฒนาอาจช้ามาก ผมเองยังเคยขี้เกียจ เบี้ยวไม่ยอมนั่งสมาธิตั้งหลายอาทิตย์กว่าจะโดนเตือนให้กลับมาทำสมาธิอีก ยังคงก้าวพลาดลงหลุมลงบ่อ ยังโดนทิฐิตัวเอง ความอิจฉา ความไม่มั่นคงทางใจจู่โจมเอาบ้างบนทางชีวิตอยู่เลย เราทุกคนต่างก็เป็นคน และชีวิตมันก็โหดน่าดู เป็นเรื่องธรรมดาและสามัญอย่างยิ่งที่เราก็ท้อเป็น มนุษย์เราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ค่อยจะอดทนอดกลั้นเท่าไหร่อยู่แล้ว
แต่อย่างที่ผมเกริ่นมาก่อนหน้านี้แหละครับ ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่เรากำลังก้าวไปทางไหน ไม่ใช่ไปเร็วแค่ไหน ถ้าเรากำลังพัฒนาไปเป็นคนที่หัวใจมีแต่ความรักมากขึ้น เปี่ยมเมตตาขึ้น ก้าวร้าวรุนแรงน้อยลง อย่างนั้นเราก็ก้าวไปสู่ทิศทางที่ถูกที่ชอบแล้ว
คุณอาจต้องเจอเหมือนกับที่ผมเจอ คือเขวไปบ้าง เลือกผิดบ้างในบางเลี้ยว อาจหลงทางจนกว่าคุณจะหาทางกลับเจอ อาจรู้สึกเหมือนว่าตัวเองก้าวเดินหน้าไปแล้วสองก้าวแล้วโดนดึงกลับมาอีกหนึ่งก้าวทุกครั้ง แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ มันต้องเป็น อย่างนี้เองเมื่อเรายังเป็นมนุษย์ การรู้แจ้ง (𝗲𝗻𝗹𝗶𝗴𝗵𝘁𝗲𝗻𝗺𝗲𝗻𝘁) เป็นกระบวนการที่ช้าและสุดยากเย็น เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทั้งการทุ่มเทกายใจ และวินัยจริง ๆ ดังนั้นหากคุณจะขอพักบ้างตามรายทางก็ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ได้ถอยหลังหรอกครับ คุณกำลังขอพักเพื่อรวบรวมพลังต่างหาก
ความก้าวหน้าไม่ได้มาในรูปเส้นตรงพุ่งไปข้างหน้าเสมอไป คุณอาจจะก้าวหน้าทางจิตไปไกลมากเมื่อเป็นเรื่องการทำบุญทำกุศลหรือเมตตาธรรม แต่กลับเหมือนพระหัดใหม่ในเรื่องอารมณ์โกรธหรือความอดทนอดกลั้น สำคัญตรงที่ว่าคุณต้อง “ไม่ตัดสินพิพากษาตัวเอง” หากคุณไม่ตัดสินตัวเองและไม่ปล่อยให้ใครอื่นมาตัดสินคุณ คุณก็จะไม่ท้อง่าย ๆ
ยิ่งคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่า “ความหมายของการมีชีวิต” ตั้งใจช่วยคุณให้เกิดการวิวัฒน์ไปสู่การเป็นคนที่หัวใจเปี่ยมไปด้วยความรักความสุขใจ เป็นคนที่มีใจอหิงสา คือละความก้าวร้าวรุนแรง และมีใจที่ไร้ความกลัว ในเมื่อการก้าวหน้าไปบนเส้นทางสายจิตวิญญาณไม่ได้ตรงแน่วเป็นไม้บรรทัด คุณอาจจะรู้สึกว่าหลักความคิดในบางแบบฝึกฝนนั้นทำง่าย แต่บางอย่างก็ทำยาก คุณได้เจอแน่ ๆ ครับ
ผมต้องพลาดล้มมาไม่รู้กี่ครั้ง เพื่อจะได้การตระหนักรู้คืนมา และกลับมาบนเส้นทางเดินของตัวเองใหม่ คุณเองก็อาจต้องเจอเช่นกัน ผมหวังใจว่าหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้คุณล้มน้อยลง และได้พลังคืนมาเพื่อจะก้าวหน้าต่อไปง่ายขึ้น และผมก็รู้แก่ใจเสมอว่า ด้วยจดหมายที่คุณเขียนถึงผมและด้วยผลตอบรับจากคุณทุกคน เท่ากับคุณทุกคนได้ช่วยผมเช่นกัน
หากไร้ซึ่งปัญญาธรรมและแรงบันดาลใจจากพระเบื้องบน เสียแล้ว ผมคงเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมาไม่ได้ เพราะสารของท่านนี่เองที่เป็นรากที่มาของความคิดและการปฏิบัติทั้งหมดในแต่ละบทตอน ความคิดและหลักการที่บรรจุอยู่ในสารเหล่านั้นเป็นดุจดั่งเมล็ดพันธุ์แสนวิเศษที่เติบกล้า และแตกยอดในความคิดของผมตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นบุปผาแย้มบานที่แสนสวยสดงดงาม และผมขอมอบดอกไม้งามยิ่งนี้แด่คุณทุกท่านครับ
⏺️ “สารจากพระเบื้องบน” ก็เป็นดุจเดียวกับเสียงระฆังกังวานของชาวพุทธที่ส่งเสียงเพื่อเรียกจิตซึ่งท่องไปแสนไกลให้กลับคืนสู่ปัจจุบันกาล คืนสู่สติภาวะและการรู้ตน
⏺️ “สารจากพระเบื้องบน” ยังช่วยเตือนใจมนุษย์ให้ดึงจิตหวนกลับมาหาสิ่งซึ่งสำคัญแท้จริง นั่นคือ ความรัก ความสงบ ชีวิตอมตะ ความคิดสู่จิตวิญญาณ และการปฏิบัติด้วยหนทางเดียวกัน ทั้งยังช่วยเพื่อนมนุษย์เราให้รู้จักละวางสิ่งอันไม่สำคัญเลย นั่นคือ ประดาวัตถุทั้งหลาย แรงทิฐิ อัตตายึดถือตัวเราของเรา ความรุนแรงก้าวร้าว ความกลัว ความกลัดกลุ้มกังวล และความอาฆาตเกลียดชังลงเสียที
⏺️ “สารของท่าน” ทำหน้าที่ดังเสียงระฆังนั้น คือนำเราหวนคืนสู่สภาวะรู้ตนเอง เมื่อคุณอ่านไปเรื่อย ๆ และทุกครั้งที่เห็นประโยคตัวเอนพิเศษ โปรดอ่านช้าลงสักนิดเถอะครับ แล้วซึมซับคุณค่าความหมายของประโยคเหล่านั้น คุณจะได้รับรสชาติแสนชื่นใจอย่างที่ยากจะหา
มนุษย์ทุกคนกำลังพายเรือลำเดียวกัน ขอบฟ้าข้างหน้านั้นพายุมืดครึ้มกำลังมาแล้ว กระแสความรุนแรงและการมองโลกด้วยสายตาสั้นและตื้นเขินยิ่งกำลังครอบงำโลกเราอยู่ มนุษย์จำต้องช่วยกันประสานฝีพายเป็นแรงเดียว เพื่อหลุดพ้นจากพลังความเกลียดชัง ความโกรธ ความกลัวและทิฐิให้จงได้ มนุษย์จึงต้องมีความกล้าหาญในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
เราจะต้องรู้จักรักและนับถือกันและกัน เพื่อจะได้เห็นได้ซาบซึ้งถึงความงดงามและเกียรติภูมิที่ฝังอยู่ในเนื้อแท้ข้างในของคนทุกรูปทุกนาม เพราะว่าที่สุดแล้วมนุษย์ล้วนเป็นดวงวิญญาณเหมือน ๆ กัน ต่างมาจากธาตุเดียวกันทั้งสิ้น
ด้วยการรวมหัวใจพายไปด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น เราจึงจะพ้นพายุกล้าและหาทางกลับคืนสู่บ้านของเราได้ในที่สุด
(จบ – บทที่ 1)
หนังสือ
2 บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
2
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย