22 ต.ค. 2021 เวลา 04:24 • หนังสือ
✴️ บทที่ 2 วัฏฏะแห่งชีวิต ✴️ (ตอนที่ 1)
ยามเราอยู่ในภพโลก เราต้องผ่านการเติบโตหลายขั้นตอนจากทารกไปเป็นเด็กน้อย จากเด็กน้อยกลายเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่ล่วงสู่วัยชรา แล้วเหตุใดเราถึงไม่ควรก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เพื่อละจากร่างผู้ใหญ่ไปสู่ระนาบแห่งวิญญาณ❓นั่นเองคือ “หน้าที่เรา” เราไม่เคยหยุดเติบโต เรายังคงเติบโตเรื่อยไป และยามเราไปถึงระนาบวิญญาณแล้ว เรายังเติบโตได้ไม่หยุดยั้งเช่นกัน
เราผ่านหลายขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไปเพื่อจะพัฒนา ณ เวลาที่เรามาถึงระนาบนี้ ดวงวิญญาณเราสิ้นแรงแล้ว เราจึงต้องผ่านขั้นตอนของการฟื้นฟูวิญญาณใหม่ ขั้นตอนการเรียนรู้ใหม่ และขั้นตอนการตัดสินใจ เราตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ที่เราอยาก กลับมา กลับมาที่ไหน และเพื่อเหตุผลอันใด วิญญาณบางดวงไม่อยากกลับ พวกเขาอยากเลื่อนขั้นพัฒนาไปอีกขั้น ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงอยู่ในรูปวิญญาณ...บางวิญญาณอยากอยู่ในรูปนั้นนานกว่าผู้อื่นมากกว่าจะกลับมาเกิดอีกครั้ง ทั้งหมดคือการเติบโตและเรียนรู้...เติบโตต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง
✨ร่างกายของเราเป็นเพียงพาหนะสำหรับชีวิตในโลกนี้ ดวงวิญญาณและดวงจิตของเราต่างหากที่เป็นอมตะชั่วนิรันดร์✨
. . .
ชีวิตของเรามิใช่เป็นผลจากเหตุการณ์และการกระทำโดยบังเอิญ ช่วงชีวิตทั้งชีวิตเขียนบทไว้แล้วอย่างรอบคอบและชาญฉลาดที่สุดเพื่อให้เราได้เพิ่มพูนการเรียนรู้และเกิดการวิวัฒน์พัฒนา
เราเป็น “ผู้เลือก” มาเกิดกับพ่อแม่ของเราเอง เพราะพ่อแม่คือดวงวิญญาณที่เรามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมาก่อนหลายชาติหลายภพ เราเรียนรู้ผ่านการเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นแตกพาน และผ่านการเป็นผู้ใหญ่ ขณะที่เรามีการเจริญวัยทางกาย เราก็เจริญทางจิตวิญญาณไปพร้อมกัน
หลังจากดวงวิญญาณของเราละร่างไปแล้วในภาวะ “สังขารตาย” กระบวนการเรียนรู้ของเรากลับเติบโตต่อเนื่องเรื่อยไปในระนาบหรือภพที่สูงกว่าระนาบโลก ซึ่งในระนาบที่สูงกว่านี้ เป็นภาวะที่ระดับจิตของเราจะสูงขึ้นมาก เราจะได้ทบทวนชาติภพที่เราเพิ่งจากมา เรียนรู้บทเรียนทั้งหมด และวางแผนชีวิตในชาติต่อไป การเรียนรู้มิได้จบสนิท ณ วันที่ “สังขารตาย” แม้แต่น้อย
ระดับจิตที่เราต้องผ่านพบมีหลากหลายนัก แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ระดับที่เรียกว่า 𝗹𝗲𝗮𝗿𝗻𝗶𝗻𝗴 𝘀𝘁𝗮𝗴𝗲 หรือ ‘ระดับเรียนรู้’ เป็นระดับที่เราต้องทบทวนชีวิตหลายชาติภพของเราเอง
🔸 เราจะได้ประสบทุก ๆ เหตุการณ์อีกครั้ง ทุก ๆ การพบเจอ ทุก ๆ สายสัมพันธ์ เราจะได้รู้สึกถึงทุก ๆ อารมณ์ของผู้คนที่เราได้ช่วยเขาหรือทำร้ายเขา ที่เคยรักเขาหรือเคยเกลียดชังเขา ผู้คนที่เราส่งผลต่อเขาทั้งด้านบวกและด้านลบทุกอย่าง เราจะรู้สึกถึงอารมณ์ของพวกเขาทุกอย่างชนิดที่ “ลึกลงไปถึงขั้วใจ” เพราะนี่คือบทพิสูจน์การเรียนรู้ที่ทรงพลังที่สุด เป็นเหมือนผลสะท้อนที่เข้มข้นทันใจว่าเราทำอะไรลงไปบ้างขณะเราอยู่บนภพโลกในรูปสังขาร 🔸
ในเมื่อเราจะเรียนรู้บทเรียนได้ก็โดยอาศัย “การมีสายสัมพันธ์กับผู้อื่น” ดังนั้น จึงสำคัญมากที่เราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าชีวิตของเราสัมผัสชีวิตผู้อื่นเขาอย่างไร
หลักการกลับชาติมาเกิดช่วยอธิบายและทำให้เราตาสว่างขึ้นเลยว่า ทำไมความสัมพันธ์ของเราในชาตินี้ถึงต้องออกมาเป็นแบบนั้น เพราะบ่อยมากที่เหตุการณ์ในอดีตตั้งหลายชาติมาแล้วยังส่งอิทธิพลมาถึงความสัมพันธ์ในชาติปัจจุบัน การได้รู้รากความเป็นมาของชาติก่อนหน้าจะช่วยเยียวยาความสัมพันธ์ของชาตินี้ได้ การรับรู้และเข้าใจ คือ “พลังเยียวยาที่ยิ่งใหญ่มาก” ครับ
ผมขอเริ่มต้นเรื่องด้วยตัวอย่างการสะกดจิตย้อนอดีตครั้งหนึ่งดีกว่า เพราะเรื่องนี้ช่วยอธิบายกระบวนการย้อนอดีตบำบัดที่ผมใช้ รวมทั้งเทคนิคและการตีความหมายในนั้นทั้งหมด ผมไม่ได้ตัดทอนใด ๆ เลยเพราะอยากให้คุณได้ประสบกับการย้อนอดีตเสมือนหนึ่งคุณกำลังอยู่ตรงนั้นด้วย
ยิ่งกว่านั้น กรณีนี้เป็นกรณีที่น่าทึ่งมาก ซึ่งมีทั้งชาติภพปัจจุบันและชาติที่แล้วรวมอยู่ในเรื่องเดียว เสนอภาพความทรงจำทั้งในวัยเด็กและตอนยังแบเบาะ ความทรงจำจากช่วงก่อนเกิดและหลังจากตายแล้ว กรณีนี้จะทำให้คุณเห็นเส้นทางเข้าสู่ดวงวิญญาณของเราเอง
ตอนนั้น รายการข่าวโทรทัศน์ชื่อดังรายการหนึ่งเชิญผมไปออกรายการ 𝟭 ช่วง โดยสาธิตการย้อนอดีตชาติให้ผู้ชมรายการได้ชมกัน นักข่าวสาวสถานีนี้รู้ข่าวและสนใจผลงานของผมจึงขออาสามาเป็น “คนไข้” ให้
ในการย้อนอดีตครั้งนี้ผมใช้เทคนิคที่เรียกว่า 𝗽𝗿𝗼𝗴𝗿𝗲𝘀𝘀𝗶𝘃𝗲 𝗿𝗲𝗹𝗮𝘅𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 หรือ ‘เทคนิคผ่อนคลายทีละขั้น’ เป็นเทคนิคที่ค่อย ๆ นำคนไข้ดิ่งสู่ภวังค์อย่างนุ่มนวลทีละขั้น ๆ — โดยการสะกดจิตเองก็คือรูปแบบหนึ่งของการผ่อนคลายตัวเองและรวมสมาธิอยู่จุดจุดเดียว มันไม่ใช่ยานย้อนเวลาหรือเป็นปริศนาลึกลับดำมืดแต่ประการใดเลยครับ ในภาวะผ่อนคลายและสมาธิจดจ่ออยู่จุดเดียว ระบบความทรงจำจะยิ่งเปล่งพลัง
การย้อนอดีตหญิงสาวเข้มข้น เห็นจริงและน่าสนใจมาก เธอไปถึงได้ทั้งวัยเด็ก ตอนคลอด และความทรงจำในอดีตชาติ ชีวิตและความสัมพันธ์ของเธอได้รับผลโดยตรงจากการนี้เลยครับ
(มีต่อ)
โฆษณา