16 พ.ย. 2021 เวลา 04:12 • ปรัชญา
"วิธีรับมือจิตที่คิดไม่ดี"
" ...​ บางทีเราจะเริ่มเห็น
เหมือนเสียงพูดในใจ มีไหม
บางทีมันก็ปรุงที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
ภาษาพระท่านเรียกว่า จิตตสังขาร
เป็นการปรุงแต่งของจิต
พอเราปฏิบัติไป
เราจะเริ่มเห็นเสียงพูดในใจของตัวเอง
บางคนมันก็ปรุงไม่ดีนะ
บางทีก็จิตปรามาสพระบ้าง อะไรบ้าง คิดไม่ดี
มันก็เป็นวิบากที่เกิดขึ้น
บางคนพอมันรู้สึกแบบนั้นปุ๊บ
ทีนี้ใจเศร้าหมองละ ว่าเราชอบคิดที่ไม่ดี
แต่ก็ให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้น
มันก็เป็นวิบากที่ก่อเกิดขึ้นมา ที่เราต้องเสวย
ก็รู้เท่าทัน ปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ
เจตนาเป็นตัวกรรม
ถึงมันมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น
แต่ถ้าเราไม่ไปอะไร ๆ กับความรู้สึกนั้น
มันก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้ขึ้นมา เกิดแล้วก็ดับไป
มันก็จะไม่เกิดกรรมที่สืบต่อไป
เราไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาส
เราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำไม่ดี
แต่มันเป็นความรู้สึก เป็นความคิดที่มันผุดขึ้นมาเอง
อันนี้มันเป็นจิตตสังขาร
แต่ถ้าเราเริ่มไปอะไร ๆ กันมัน
พอใจ ไม่พอใจ ทีนี้กรรมเกิดละ วงจรได้เกิดต่อแล้ว
แต่ถ้าแค่รู้เท่าทัน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเพียงสิ่งที่ผุดขึ้น ต้องเสวย
ทุกอย่างก็ต้องละออก สลัดออก
การปฏิบัติไป เราก็จะเผชิญ
สิ่งที่เรียกว่าเสียงพูดในใจ
มันปรุงดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
ข้ออรรถข้อธรรมบ้าง จิตคิดไม่ดีบ้าง
ก็ให้รู้เท่าทันว่ามันเป็นสิ่งที่
ความปรุงแต่งของจิตนะ
ก็รักษาความเป็นกลาง รักษาใจที่ตั้งมั่น
จิตใจที่ตั้งมั่นนี่แหละ
ที่จะทำให้เราสามารถปล่อยวางอารมณ์
ปล่อยวางความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ได้
ถ้าเราไม่รักษาใจให้ตั้งมั่น
มันก็จะไหลไปกับความรู้สึก ความคิดที่ผุดขึ้นมา
จากนั้นมันก็จะเริ่มเกิดความรู้สึกที่รุนแรงขึ้น
เกิดความเร่าร้อนกระวนกระวาย
จากนั้นมันก็จะเริ่มออกมาที่กายล่ะ
การกระทำที่ไม่ดี คำพูดที่ไม่ดีก็เกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติก็เป็นไปเพื่อละ ต่าง ๆ
รู้เท่าทันอารมณ์ที่ผุดขึ้น
อย่าไปคิดว่าทำไมฉันถึงมีความรู้สึกที่ไม่ดีผุดขึ้น
ความคิดที่ไม่ดีผุดขึ้น
บางทีมันเป็นวิบากที่ต้องเสวย
แต่ถ้าเรารักษาใจของเราให้ตั้งมั่นได้
ไม่ไปไหลไปกับสิ่งเหล่านี้
มันก็เป็นสิ่งที่ผุดขึ้น แล้วมันก็ต้องสลายตัวไป
ทุกอย่างมันก็รวมที่ อนิจจัง นั่นแหละ
ความไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วมันก็ต้องสลายไป
ให้รู้เท่าทันใจตัวเอง
ถอนความพอใจ ไม่พอใจในโลก
ซึ่งเราจะทำแบบนั้นได้
เราก็ต้องเกิดจากการอบรมสติปัฏฐาน 4
ทำความรู้สึกตัวทั่วพร้อมขึ้นมาเนือง ๆ
ทำให้มาก เจริญให้มาก
บางทีเราปฏิบัติในยกการฝึก เราปฏิบัติได้ดี
แต่บางทีในระหว่างวัน เอ๊ะ ทำไมมันมีความรู้สึก
หรือความคิดต่าง ๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
ก็ให้รู้เท่าทันว่ามันเป็นวิบากที่เราต้องเสวย
ทุกอย่างตราบใดที่เรายังมีวิบากกรรม
มีพันธนาการ
มันจะมีสิ่งที่ผุดขึ้นมาให้เราต้องเสวยชดใช้ทั้งนั้น
ซึ่งถ้าเราปล่อยใจให้หลงไปกับสิ่งเหล่านั้น
เราก็จะยิ่งหลวมตัว
ทำสิ่งที่มันเป็นบาปกับตัวเรามากขึ้น
ให้รู้เท่าทัน แล้วก็ละออก ละออก
ละความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี
เกื้อกูลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน
และที่สำคัญที่สุด
ก็คือชำระจิตของตนให้หมดจด
ถ้ามีความเร่าร้อนมีความกระวนกระวายเกิดขึ้น
ก็ให้รู้ว่าสิ่งนี้ ไม่ใช่ธรรม
มันเป็นเรื่องของกิเลส
กิเลสมันเป็นของร้อน ก็ให้ละเสีย
อะไรที่มันทำให้เกิดความเร่าร้อน กระวนกระวาย
ก็ละเสีย
กลับมาทำความรู้สึกตัวให้มาก
มีจิตใจที่ตั้งมั่น
ธรรมะเป็นของเย็น เป็นของสงบ เป็นของระงับ
เป็นไปเพื่อสละ ละ วาง
เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อการสลัดคืน
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถรักษาใจที่เป็นกลาง
ตั้งมั่นได้เนือง ๆ
ท่านทั้งหลายก็จะเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
จนสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ... "
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา