12 พ.ย. 2021 เวลา 03:30 • หนังสือ
✴️ บทที่ 4️⃣ สร้างสายสัมพันธ์ที่เปี่ยมรัก ✴️ (ตอนที่ 5)
สองสามปีที่แล้วผมรักษาคู่สามีภรรยาในการบำบัดแบบ 𝗰𝗼𝘂𝗽𝗹𝗲𝘀 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝘆 หรือการบำบัดชีวิตคู่ สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนฉลาด มีสติเข้าใจปัญหาและชีวิตคู่ก็รักกันดีทีเดียว แต่ความสุขร่วมกันมักโดนทำลายจากการเถียงกันด้วยอารมณ์แล้วก็ต้องจบที่ความรู้สึกโกรธกันเจ็บซ้ำใส่กันอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองคนมักจะเก็บความโกรธไว้ในใจอยู่หลายวัน แล้วต่างก็ทุกข์ทรมานใจ รู้สึกไม่สบายใจเลย แต่กระนั้นศักดิ์ศรีของทั้งคู่ก็เป็นตัวปิดกั้นไม่ให้แก้ปัญหาให้จบเสียแต่ต้นมือ ไม่ให้จบความรวดร้าวทรมานเสียก่อนที่มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
สองสามีภรรยามาหาผมที่คลินิกหลังจากทะเลาะกันมาตลอดอาทิตย์ ตลอด 𝟳 วันนั้นแม้กระทั่งเรื่องขี้ผงที่สุดก็จุดชนวนความโกรธแค้นให้เป็นเรื่องใหญ่ได้
หลัง 𝟯𝟬 นาทีของการบำบัด ประเด็นปัญหาคลี่คลาย และความโกรธกันก็จางลง แต่เหมือนเดิมครับ คือศักดิ์ศรีและความรู้สึกเจ็บช้ำน้อยใจกลายเป็นตัวยึดการทะเลาะใส่กันให้มันยาวนาน ทำให้แก้ปัญหากันไม่ได้แต่เนิ่น ๆ
ผมเลยลองวิธีใหม่...
“เวลาทะเลาะกัน ส่วนใหญ่แล้วคุณจะหายโกรธแล้วคืนดีกัน...” ผมชี้ประเด็น “ใช้เวลานานกี่วันครับ❓”
“ส่วนใหญ่ประมาณ 𝟱-𝟲 วันนะครับ” สามีตอบ ภรรยาเห็นด้วย
“คุณคิดว่า 𝟯 วันทำได้ไหม❓” ผมถาม “ใน 𝟯 วันคุณยังมีเวลาให้ทะเลาะกัน กลับไปครุ่นคิด แล้วมาแก้ปัญหากันได้อยู่ ถ้า 𝟱 วันคุณคืนดีกันได้ทำไมไม่ร่นเหลือ 𝟯 วันละครับ เพราะยังไง ๆ คุณก็จบการทะเลาะด้วยการคืนดีกันทุกทีนี่ครับ”
เขาทั้งสองคนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ายอมรับ ก็จริงนะ พวกเขาทะเลาะกันไม่เกิน 𝟯 วันแทนที่จะยาวไปถึง 𝟱-𝟲 วันได้จริงๆ
“ดีเลย” ผมพูดต่อ “เมื่อ 𝟯 วันคุณคืนดีกันได้ ทำไมไม่ให้มันจบในวันเดียวเลยล่ะครับ เพราะว่าคุณสองคนก็ผ่านกระบวนการทะเลาะกันมาหมดทุกอย่างแล้วนี่ ตั้งแต่เริ่มเปิดศึกจนถึงมาคืนดีกันจนได้ แล้วตอนนี้คุณก็ได้เรียนรู้เทคนิคที่ต้องใช้ในการแก้ปัญหาความคิดไม่เหมือนกันของคุณทั้งคู่ไปแล้ว คุณจะเร่งขั้นตอนการทะเลาะแล้วทำซะให้มัน จบ ๆ วันเดียวไปเลยไม่ได้เชียวหรือ❓”
พวกเขาพิจารณาขอเสนออีกแล้วก็พยักหน้าอีก วันเดียวนี่พอทำไหวนะ
“ถ้างั้น” ผมว่าต่อ “สัก 𝟲 ชั่วโมงเป็นยังไง พอมั้ยครับ เพราะยังไงๆ คุณก็ทะเลาะกันให้จบในวันเดียวได้นี่ แล้วทำไมไม่จบใน 𝟲 ชั่วโมงล่ะ ลองคิดดูว่าคุณจะทุกข์ทรมานน้อยลงแค่ไหน แค่ 𝟲 ชั่วโมงเองนะครับ”
ความคิดนี้เข้าท่าสำหรับพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาก็เลยเห็นด้วยอีก
ผมจึงย่นระยะเวลาทะเลาะกันของพวกเขาลงมาเรื่อย ๆ ท้ายสุด ย่นมาจนเหลือให้จบใน 𝟭-𝟮 ชั่วโมง จากการรู้ต้นตอที่ทำให้เริ่มทะเลาะและทำไมถึงรู้สึกโกรธนัก แล้วก็เจรจาประนีประนอมกัน โดยให้เห็นใจถึงความรู้สึกของคู่ชีวิตอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งคู่จะพยายามทำหมดทุกขั้นตอนแบบนี้ให้จบใน 𝟭-𝟮 ชั่วโมง
ตั้งแต่นั้นมา ขั้นตอนฉบับย่อของการทะเลาะกันโกรธกัน/คืนดีกันใช้ได้ผลมากสำหรับคู่นี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทะเลาะกันให้ตายยังไงก็ลงเอยด้วยการคืนดีกันตอนจบอยู่ดี เพราะฉะนั้นแทนที่จะต้องทนทรมานอยู่ได้ตั้งห้าหกวัน พวกเขาก็แค่ย่อเวลาทุกข์ให้สั้นลงแทน
เราทุกคนสามารถเรียนรู้วิธีผลักดันความโกรธในใจให้เกิดการรับรู้ว่าปัญหาคืออะไรเสียตั้งแต่เริ่มเกิดและคลี่คลายมันได้โดยเร็ว เพราะถึงที่สุดแล้วเราก็ปลดปล่อยความโกรธทิ้งไปได้อยู่ดี แล้วไฉนเล่าเราจึงต้องยึดตัวทุกข์ไว้โดยไร้ความจำเป็น❓
. . .
ให้อภัยอดีตเถอะ อดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไปเถิดครับ คนเราทุกคนต่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงและเติบโต จงอย่ายึดติดกับภาพลักษณ์ด้านลบ ที่ติดข้อจำกัดและห่างเหินของคนคนหนึ่งซึ่งเขาเคยเป็นในอดีตเลย จงเห็นคนที่เขาเป็นในตอนนี้ สายสัมพันธ์ของคุณเปลี่ยนแปลงเสมอและมีชีวิตชีวาเสมอ
✨จงเริ่มต้นรักอีกคนหนึ่งให้เต็มที่ตอนนี้เลย อย่าได้มัวแต่โศกเศร้าเสียใจที่ไม่มีโอกาสรักเมื่อในอดีต อดีตจบไปแล้วครับ เริ่มใหม่เดี๋ยวนี้เถอะ เพราะการเปิดใจให้รักและเมตตาไม่มีคำว่าสายเกินไป✨
ตอนผมไปประเทศบราซิลเมื่อปี 𝟭𝟵𝟵𝟲 คุณผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับผมแบบเสียใจมากว่า “ดิฉันรู้สึกเสียใจมากเลยค่ะเวลาย้อนมองกลับไปว่าตัวเองเลี้ยงลูกชายคนโตมาอย่างเข้มงวด บงการเขามากเลยตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนั้นดิฉันยังเด็ก ยังไม่รู้จักคิดเป็นผู้ใหญ่พอ ดิฉันเลี้ยงลูกชายแบบเดียวกับที่แม่เลี้ยงฉันมาเปี๊ยบเลย ดิฉันอยากย้อนอดีตไปเริ่มต้นใหม่จริงๆ❗”
ผมตอบไปว่า “รักเขาตอนนี้สิครับ รักในแบบที่คุณอยากรักมาตั้งแต่เขายังเล็กนั่นแหละ”
พอผมกลับไปบราซิลอีกครั้งในปี 𝟭𝟵𝟵𝟳 ผมเจอเธออีก เธอดีใจมากที่ตัวเองพัฒนาได้แล้ว การปฏิบัติสมาธิเป็นประจำช่วยให้เธอทลายอัมพาตแห่งความรักที่ครอบงำเธอเพราะมัวแต่รู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา มันช่วยดึงเธอให้เข้าไปใกล้ชิดกับลูกชายมากขึ้นยามที่เธอมอบความรักความสนใจที่เธอบ่มเพาะขึ้นภายในตัวเธอให้แก่ลูก
🛑 จงจินตภาพ★ (𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹𝗶𝘇𝗲) ให้บ่อยขึ้น ให้เห็นภาพช่องว่างระหว่างคุณกับคู่ค่อย ๆ จางหายไป แล้วพลังที่เปี่ยมล้นด้วยความงดงามค่อย ๆ เติมเต็มขึ้นแทนที่ คุณไม่ใช่ภูเขาน้ำแข็งที่ลอยเดี่ยวเดียวดาย หากแต่เป็นผืนน้ำที่โอบล้อมเชื่อมก้อนน้ำแข็งเข้าด้วยกัน — จงเห็นและรู้สึกถึงความเชื่อมร้อยผูกพันนั้นเถิด แล้วส่งแสงสว่างและพลังแห่งความรักออกมา เขาหรือเธอจะรับกระแสที่คุณส่งให้ได้แน่นอน เพราะเราทุกรูปนามต่างเชื่อมโยงผูกพันถึงกันและกันทั้งสิ้น
★ 𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹𝗶𝘇𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 คือ ‘หลักจินตภาพ’ ที่ใช้ในการบำบัดจิตเยียวยาอาการของโรคทางกายและจิตได้ในกระบวนการ 𝗽𝘀𝘆𝗰𝗵𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝘆
 
“การจินตภาพ” เป็นคนละเรื่องกันกับ “การจินตนาการ” หรือ 𝗶𝗺𝗮𝗴𝗶𝗻𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 เพราะการจินตนาการคือการวาดภาพฝันต่าง ๆ นานา — แต่การจินตภาพคือการสร้างภาพที่ชัดเจน มีเป้าหมาย และใส่อารมณ์ความรู้สึกตามนั้นลงไปในสภาวะจิตที่เป็นสมาธิเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น ปัญหาเรื่องความกลัว ปัญหาเรื่องการเสพติด ปัญหาเรื่องการเจรจาสื่อสาร ฯลฯ เช่น ตัวอย่างในเรื่องนี้เป็นต้น : ผู้แปล
(มีต่อ)
โฆษณา