15 พ.ย. 2021 เวลา 03:26 • หนังสือ
✴️ บทที่ 4️⃣ สร้างสายสัมพันธ์ที่เปี่ยมรัก ✴️ (ตอนที่ 6)
แคโรลกับผมจัดโปรแกรมฝึกเข้มแบบ 𝗶𝗻𝘁𝗲𝗻𝘀𝗶𝘃𝗲 𝘁𝗿𝗮𝗶𝗻𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗼𝗴𝗿𝗮𝗺 ปีหนึ่งหลายโปรแกรม มีคลาสหนึ่งที่แคโรลจับคู่กับชายคนหนึ่งที่ได้พบกับ “ธาตุแท้ของความรัก”
นี่คือเรื่องจากแคโรล :
หลายคนชอบถามดิฉันว่าเคยเจอไบรอันในชาติที่แล้วหรือเปล่า ตัวดิฉันเองทำการย้อนอดีตหลายครั้งเพื่อบำบัดปัญหาบางอย่างแต่ไม่เคยย้อนจิตเพื่อหาอดีตชาติที่เจอกับเขาเลย เพราะไม่มีเหตุผลอะไรอื่นที่จะไปหาเขานอกจากแค่อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น สำหรับดิฉันแล้วรู้สึกว่ามันไม่สำคัญเท่าไหร่เพราะชาตินี้ดิฉันรู้สึกรักเขามาก และรู้สึกถึงหัวใจที่เชื่อมถึงกันระหว่างเรามาตลอด แต่นี่แหละค่ะเป็นสาเหตุสำคัญเลยที่คนอยากมาทำการย้อนอดีตเพื่อจะหาว่าคนสำคัญในชาตินี้เคยเจอกันมาในชาติก่อนหรือไม่ อาเธอร์เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น
วันนั้นเป็นวันที่สองของคอร์สฝึกเชิงอาชีพ (𝗽𝗿𝗼𝗳𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻𝗮𝗹 𝘁𝗿𝗮𝗶𝗻𝗶𝗻𝗴 𝗰𝗼𝘂𝗿𝘀𝗲) ดิฉันเพิ่งทำพรีเซนเตชั่นจบไป อาเธอร์ ชายชาวแอฟริกาใต้ อายุประมาณหกสิบกว่าเดินเข้ามาหาและถามดิฉันว่าช่วยแก้ปัญหาให้ทีได้หรือเปล่า ปัญหานี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาเข้าคอร์ส ดิฉันเลยบอกเขาว่าก่อนอื่นเลย ให้เขาลองปฏิบัติในกลุ่มดูก่อนสักสองสามวันเพื่อดูว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้าง ดิฉันคาดว่าคำตอบที่เขาค้นหาอยู่จะเปิดเผยออกมาเองเมื่อฝึกปฏิบัติเข้มในกลุ่มหรือเดี่ยว
ถึงวันที่สี่ อาเธอร์มาหาดิฉันอีกและบอกว่าตอนที่เขาปฏิบัติกับกลุ่มมีอะไรบางอย่างกวนใจเขามาก ดังนั้นพอไบรอันทำการฝึกกรุ๊ปเอ็กเซอร์ไซส์กลุ่มใหญ่ อาเธอร์กับดิฉันก็แยกไปอยู่อีกห้องหนึ่งและเริ่ม 𝗼𝗻𝗲-𝘁𝗼-𝗼𝗻𝗲 𝗯𝗮𝘀𝗶𝘀 หรือการรักษาตัวต่อตัว
ดิฉันถามอาเธอร์ว่าอยากได้อะไร เขาก็บอกว่าแม่ที่เขารักมากตายไปนานแล้ว เขามีหลาน 𝟰 คน แม้เขาจะรักทุกคนแต่ก็มีคนหนึ่งที่เขารักที่สุด เขาสงสัยว่าหลานสาวตัวน้อยนี้จะเป็นแม่ของเขากลับชาติมาเกิดใช่หรือเปล่า
เราตัดสินใจย้อนอดีตเพื่อจะดูว่าจิตใต้สำนึกของเขาจะนำไปสู่ชาติภพที่เขากับแม่อยู่ร่วมกันได้หรือไม่ อาเธอร์ยังบอกอีกว่าเขาเป็นคนที่ไม่ 𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹★ เลย คือเป็นคนที่นึกอะไรเป็นภาพไม่ได้และคิดว่านี่หรือเปล่าที่เป็นปัญหาระหว่างฝึกปฏิบัติมาตลอดอาทิตย์
★ คนเราเกิดมาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในผัสสะที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบวาดภาพต่าง ๆ เห็นเป็นฉากหรือเรื่องราว เรียกว่ามีผัสสะแบบ 𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹 ทำให้เวลา 𝗿𝗲𝗴𝗿𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 - ย้อนจิต หรือในการ 𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹𝗶𝘇𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 - จินตภาพ คนประเภท 𝘃𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹 จะเห็นภาพชัดเจนก่อน ในขณะที่คนอีกแบบหนึ่งไม่สามารถเห็นภาพได้ จะมีปัญหาการจินตภาพคือชี้นำอย่างไรก็ไม่เห็นภาพ แต่จะมีผัสสะที่ไวต่อความรู้สึกและอารมณ์มาก เวลาย้อนจิตหรือจินตภาพ พวกเขาจะรู้สึกถึงอารมณ์และอากาศได้ก่อน เช่น หนาว ร้อน เหงา เศร้า ฯลฯ เรียกว่าพวก 𝗳𝗲𝗲𝗹𝗲𝗿 : ผู้แปล
หลังจากการจูงจิต (𝗶𝗻𝗱𝘂𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻) สั้น ๆ เพื่อย้อนเวลากลับไป อาเธอร์พบตัวเองในคริสต์ศักราช 𝟭𝟴𝟬𝟬 ประเทศอังกฤษ เขาเป็นเด็กชายและกำลังยืนอยู่นอกบ้าน เขาเห็นบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่กับครอบครัว แต่ยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นเจ้าของบ้านนี้หรือเปล่า ดิฉันสั่งให้เขาเข้าไปในบ้าน เขารู้ดีว่ามีคนอยู่ในบ้านนั้นที่เป็นพ่อแม่เขาแต่ก็เห็นหน้าไม่ชัด เขารู้ว่าตัวเองมีพี่น้องแต่ก็เห็นภาพไม่ได้อีกเช่นกัน
ดังนั้นเราจึงข้ามเวลาไปข้างหน้าตอนที่อาเธอร์เข้าโรงเรียนประจำ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองมีพี่ชายกับน้องสาวอย่างละคน แต่พ่อแม่ยังคงรางเลือนสำหรับเขาอยู่ ชีวิตเขาดีมาก เขามีความสุขมากตอนอยู่โรงเรียนประจำ เขาได้รู้ว่าน้องสาวเขาในชาตินั้นเกิดมาเป็นแม่ของเขาในชาตินี้ เขาดีใจมากที่ได้รู้ เขาคิดว่าพี่ชายของเขาในชาตินั้นอาจจะเป็นลูกชายเขาในชาตินี้
ต่อมาเขาทำงานเป็นทนาย เราจึงข้ามไปถึงช่วงเวลาในวันแต่งงานของเขา แม้เขาจะกังวลเรื่องที่เขาเป็นคนเห็นภาพไม่ได้เลย แต่อาเธอร์กลับเห็นรายละเอียดวันแต่งงานได้ทุกฉากตอน ในงานแต่งเขาเห็นทั้งพี่ชายและน้องสาวว่าอยู่ในงานด้วย เขายังเห็นว่าพ่อแม่มาร่วมงานแต่ก็ยังไม่เห็นหน้าตาของพวกท่านอยู่ดี ยังจำไม่ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เคยเกี่ยวข้องกันไหมในชาตินี้ เขาดีใจที่พบน้องสาวและพี่ชายมากกว่า
พิธีแต่งน่ารักมากและอาเธอร์ก็มีความสุขมาก เขาอธิบายว่าการสมรสของเขาไม่ได้เกิดจากความรักแต่เกิดจากความเหมาะสม เขาโตมาพร้อมกับผู้หญิงคนนี้ และตระกูลของทั้งคู่ตัดสินใจว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันน่าจะแต่งงานกันเสียเลย สำหรับเขาถือว่าโอเค เพราะเธอก็เป็นเพื่อน ส่วนเธอก็เห็นเขาเป็นเพื่อนเช่นกัน ต่อมาพวกเขามีลูกด้วยกันหลายคน และอาเธอร์ก็กลายเป็นทนายที่ประสบความสำเร็จมาก
การย้อนอดีตยังคงดำเนินไปถึงช่วงวันสิ้นใจของเขา อาเธอร์เห็นตัวเองเป็นคนแก่ล้อมรอบด้วยครอบครัวญาติมิตร ภรรยาและลูก ๆ เขา ใช้ชีวิตที่ดีมาก เขาบอกว่าชีวิตสมรสพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นความรัก เขารักภรรยาอย่างลึกซึ้งและเขาทั้งสองกับลูก ๆ ต่างมีความสุขจริง ๆ เราไม่พบบาดแผลหรือความขัดแย้งในชาติภพนี้เลย เรากลับพบชายชราที่สิ้นใจท่ามกลางคนที่เขารักรายล้อม
และแล้วอาเธอร์ก็หลุดเข้าไปสู่สภาวะที่เขาใช้คำว่า “ที่คนในอเมริกาประเทศคุณเรียกว่าทอร์นาโด” เขาข้ามไปอีกมิติหนึ่งแล้ว ที่นั่นอาเธอร์ได้เห็นคนที่เขารักมากมายทั้งญาติมิตรลูกเมียและเพื่อนฝูงรอ เขาอยู่ เขาเห็นคนเหล่านั้นทั้งหมด แต่เขารู้ว่ายังไปหาพวกเขาไม่ได้จนกว่าจะได้เจอวิญญาณที่จะมาบอกให้เขาทบทวนชาติภพที่ผ่านมา เขาต้องผ่านกระบวนการนี้ก่อนถึงจะผ่านต่อไปได้
กลุ่มวิญญาณขอให้เขามองทบทวนชีวิตทั้งหมดและดูว่าในชีวิตที่ผ่านมานี้อะไรคือธีมหรือแก่นชีวิต เพื่อจะได้รู้ชัดว่าบทเรียนชีวิตของเขาในชาติที่พิจารณาอยู่คือบทเรียนอะไร เขาพิจารณาอยู่สักพักหนึ่งจึงบอกว่า : “บทเรียน” คือ การที่คนเราไม่จำเป็นต้องมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตที่มีความสำคัญมาก หรือชีวิตที่เต็มไปด้วยการโลดโผนโจนทะยานมีแต่เหตุการณ์น่าตื่นเต้นน่าจดจำอะไรขนาดนั้น เพื่อจะได้รับรู้ประสบการณ์แห่งความสุขและความรัก และเพื่อจะให้ความรักแก่ผู้อื่น — อาเธอร์บอกว่ากลุ่มวิญญาณดูจะพอใจกับคำตอบแล้ว
เขาจึงได้ผ่านไปเจอเพื่อฝูงญาติมิตรอีกครั้ง เขาดูอิ่มเอิบปลื้มใจยิ่งนัก เขาจำได้หลายคน พี่ชายก็อยู่ที่นั่น พ่อแม่เขาไม่อยู่ แต่อยู่ที่อื่น พ่อแม่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเขาซึ่งน่าสนใจมากตรงที่พ่อแม่ของอาเธอร์ในชาติภพนั้นไม่ชัดเจนสำหรับเขาเลย มีแต่ภาพเลือนรางมาตลอด
ดิฉันถามว่าเขาเห็นน้องสาวหรือเปล่า นัยน์ตาของเขากวาดมองภายใต้เปลือกตาแล้วถึงพูดว่า “ไม่อยู่ครับ” แต่แล้วสีหน้าก็ฉายแววสดใสขึ้นมา “โอ...นั่นไงเธอกำลังมาแล้ว ผมเห็นเธอแล้ว ใช่แล้ว ๆ เธออยู่ในกลุ่มเราด้วย เธออยู่กับพวกเราด้วย”
หลังจากปล่อยให้เขาตักตวงความสุขสักครู่ดิฉันถึงได้ถามต่อว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาบอกดิฉันว่า “อ๋อ...เรากำลังรอ กำลังรอ เหมือนรอการตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ถึงจะไปเกิดใหม่และเมื่อไหร่จะกลับมาอีก”
ดิฉันถามว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ บ้างไหม เขาตอบว่ามี “วิญญาณชั้นครู” หลายดวงอยู่ด้วย เขาบอกว่า วิญญาณชั้นสูงระดับครูกลุ่มนี้พากันช่วยกันวางแผนว่าเขาจะต้องทำอะไรบ้างในชาติต่อไป ที่น่าสนใจมากคือ วิญญาณชั้นครูเหล่านี้จะออกความเห็นต่อเมื่อเขาขอความเห็นเท่านั้น หากไม่ขอท่านก็ไม่ก้าวก่ายแสดงตัวใดๆทั้งสิ้น
ดิฉันถามว่า เขาถามท่านถึงชีวิตชาตินี้ได้ไหม หลังจากนิ่งไปพักหนึ่งเขาก็ตอบว่า “ได้ ถามได้" ดิฉันจึงแนะนำให้เขาถามว่าดวงวิญญาณของหลานสาวเขาในชาตินี้ใช่ดวงวิญญาณเดียวกับคุณแม่ที่เขารักหรือเปล่า
อาเธอร์เงียบไปนาน ในที่สุดเขาจึงเอ่ยว่า “ท่านตอบคำถามแล้ว ท่านถามว่า ‘เจ้ารักแม่ของเจ้าหรือเปล่า’ ผมบอกว่า ‘รัก ผมรักแม่มาก’ พวกท่านก็ถามอีกว่า ‘แล้วเจ้ารักหลานสาวเจ้าหรือไม่ล่ะ❓’ ผมบอกท่านว่า ‘รักสิครับ รักมาก ๆ เลย’ คำตอบของกลุ่มวิญญาณชั้นครูคือ ‘เช่นนั้นแล้วจะแตกต่างกันตรงไหนเล่า สำคัญด้วยหรือว่าหลานสาวเจ้าใช่แม่ของเจ้าหรือไม่ใช่❓’ ผมเลยพูดว่า ‘จริงด้วยครับ มันไม่สำคัญเลย ความรักที่ผมมอบให้ทั้งแม่และหลานต่างหากที่สำคัญที่สุด เพราะรักก็คือรัก’ พวกท่านดูยินดีในคำตอบนั้นแล้ว”
แล้วอาเธอร์ก็ถอนออกจากการย้อนอดีตด้วยความรู้สึกสุขใจเปี่ยมล้นจริง ๆ เขาไม่ขอค้นหาอีกต่อไปแล้ว
(มีต่อ)
โฆษณา