17 พ.ย. 2021 เวลา 03:50 • หนังสือ
✴️ บทที่ 5️⃣ ทลายอุปสรรคขวางกั้นความปีติสุขของชีวิต ✴️ (ตอนที่ 1)
บทที่ 5️⃣ ทลายอุปสรรคขวางกั้นความปีติสุขของชีวิต
........................................................
เจ้ารู้มากมายกว่าที่ผู้อื่นรู้ เจ้าเข้าใจมากยิ่งกว่าใคร จงอดทนต่อผู้อื่น ด้วยเพราะพวกเขาไม่มีความรู้อย่างที่เจ้ามี ดวงวิญญาณจะถูกส่งลงมาช่วยเจ้าเอง ถ้าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นี้ถูกต้องแล้ว....ก็จงทำต่อไปเถิด พลังของเจ้าต้องไม่ปล่อยให้สูญเปล่า เจ้าต้องขจัดความกลัวทิ้งไปให้ได้ สิ่งนี้แหละคืออาวุธยิ่งใหญ่ที่สุดที่เจ้ามี
........................................................
เราทุกรูปนามถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาตามพระลักษณะของพระเจ้า และพระเจ้าก็สถิตอยู่ในตัวเราทุก ๆ คน ธรรมชาติพื้นฐานแต่ดั้งเดิมของเรานั้นเปี่ยมรัก สุขสงบ สมดุลและราบรื่นกลมกลืน ข้างในตัวเราเกิดมาเพื่อจะรัก เมตตา อาทรห่วงใยและกรุณาเปี่ยมล้น เพราะเราคือ ‘ดวงวิญญาณ’
ตลอดชั่วชีวิตมนุษย์ ความกลัว ความโกรธ ความอิจฉา ความเศร้าเสียใจ ความรู้สึกไม่มั่นคงทางใจและความคิดกับอารมณ์ทางลบอื่น ๆ อีกมากมายสะสมซ้ำซ้อนและบดบังธรรมชาติแสนงามภายในจิตเราจนหมดสิ้น เปลือกหุ้มภายนอกนี้ยิ่งโดนตอกย้ำหนาขึ้นแรงขึ้นจากการเลี้ยงดูอบรมมาตั้งแต่วัยเด็กและประสบการณ์ที่เราพบเจอตั้งแต่เล็กจนโตในชีวิตปัจจุบัน เราจึงกลับกลายเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง คือเป็นคนที่มีแต่ความโกรธและความกลัว อัดแน่นไปด้วยความไม่มั่นคงในใจ ความรู้สึกผิดบาป และความสงสัยตัวเอง พวกเราล้วนลืมเลือนหมดสิ้นแล้วว่าตัวจริงของเราเป็นใคร
เราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้หรอกว่าความรักและความสมดุลคืออะไร ว่าความสุขสงบและความรักเมตตาต่อกันเป็นอย่างไร หรือเรียนว่าการให้อภัยและการมีศรัทธาทำอย่างไร เนื่องเพราะตัวเรารู้จักทั้งหมดนี้ดีอยู่แล้วมาตลอด
🛑 แทนการเรียนรู้จิตใจที่งดงามเหล่านี้ “ภารกิจแท้จริงของเรา” คือ การเรียนรู้วิธีละอารมณ์กับความคิดด้านลบและเป็นอันตรายที่แพร่เชื่อครอบงำเรา และส่งให้ตัวเรา สังคมเรา โลกของเราเป็นทุกข์ต่างหาก — หากเราปลดปล่อยนิสัยด้านลบเหล่านี้ออกไปได้เมื่อไร เมื่อนั้นแหละเราจึงจะได้ “ค้นพบธรรมชาติจริงแท้ภายในของเราอีกครั้ง” นั่นคือ ตัวจริงที่มีแต่ด้านบวกและเต็มไปด้วยความรัก ตัวจริงนี้เองที่รอเราอยู่ข้างในแล้วมาโดยตลอด แต่ถูกบดบังจนมิดซ่อนเร้นสุดลึกและถูกลืม
ยามที่เราขุดย้ายผิวนอกที่มีแต่ดินสกปรกซากทับถมหรือเปรียบกับความคิดและอารมณ์ลบ ๆ ทิ้งไป เมื่อเราชำระล้างผิวนอกจนสะอาดนั่นเองเราจึงจะประจักษ์ตาว่าตัวจริงของเราคือเพชรแท้เม็ดงาม เราคือดวงวิญญาณที่เป็นอมตะและประเสริฐยามเราเดินทางกลับคืนสู่บ้าน เราทั้งหลายคือเพชรแท้ซ่อนประกายเสมอมา
การรู้จักละวางความกลัว ความโกรธและอารมณ์ลบ ๆ อย่างอื่นออกไปสำคัญยิ่งสำหรับสุขภาพกายพอ ๆ กับสุขภาพใจ ทุกวันนี้เป็นที่รู้กันดีโดยทั่วไปแล้วว่าความเครียดทางจิต (ซึ่งหมายรวมถึงอารมณ์แย่ ๆ อย่างความกลัว ความโกรธ ความวิตกกังวลและความซึมเศร้า) คือ สาเหตุชั้นนำที่ทำให้คนป่วยและคนตายกันทั่วโลก ร่างกายของเรานั้นเชื่อมสัมพันธ์กันกับจิตใจอย่างที่สุด ฉะนั้นสภาพจิตและอารมณ์ความรู้สึกของคนเราถ่ายทอดไปเป็นอาการของโรคทางกายทันที
ความรักเยียวยาได้ : ความเครียดก็ฆ่าคนได้ดุจกัน
𝗧𝗵𝗲 𝗡𝗲𝘄 𝗘𝗻𝗴𝗹𝗮𝗻𝗱 𝗝𝗼𝘂𝗿𝗻𝗮𝗹 𝗼𝗳 𝗠𝗲𝗱𝗶𝗰𝗶𝗻𝗲 หรือวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ซึ่งได้รับการยอมรับนับถืออย่างล้นหลามว่าเป็นวารสารการ แพทย์ที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์บทความใหญ่ในฉบับเดือนมกราคม ปี 𝟭𝟵𝟵𝟴 เขียนรายละเอียดว่าโรคเครียดเรื้อรัง (𝗰𝗵𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝘀𝘁𝗿𝗲𝘀𝘀) สามารถส่งผลทำลายร่างกายมนุษย์หลายทางและหลายระบบได้อย่างไร
บทความชิ้นนี้รายงานว่าความเครียดทางจิตเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบในร่างกายอันซับซ้อนขับฮอร์โมนและเคมีออกมา เมื่อร่างกายขับฮอร์โมนออกมามากและเร็ว โดยมีความเครียดมาเร่งการผลิตสารเคมีเข้าไปอีก อวัยวะในร่างมนุษย์จะเกิดผลอันตรายตามมา ความเครียดเปลี่ยนจังหวะหัวใจ อัตราความดันเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดจนรวนไปหมด ความเครียดไปเพิ่มการขับหลั่งของคอร์ติซอล ซึ่งคอร์ติซอลก็คือ 𝘀𝘁𝗲𝗿𝗼𝗶𝗱 𝗵𝗼𝗿𝗺𝗼𝗻𝗲 ธรรมชาติแหล่งใหญ่ที่สุดนั่นเอง
ความเครียดยังเปลี่ยนระบบการหลั่งกรดแกสตริก การหลั่งอะดรินาลินและสารอื่น ๆ ที่รุนแรงต่อร่างกาย ซึ่งสารเหล่านี้ร่างกายควรผลิตขึ้นเฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น
💢 ยิ่งกว่านั้นที่เลวร้ายที่สุดคือ “ความเครียด” ยังไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย (𝗶𝗺𝗺𝘂𝗻𝗲 𝘀𝘆𝘀𝘁𝗲𝗺) ทำให้ร่างกายหมดความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อหรือโรคเรื้อรังอย่างเอดส์และมะเร็ง
💢 บทความยังเขียนเสริมด้วยว่า “ความเครียดเรื้อรัง” ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงทำลายล้างให้กับร่างกายอีกด้วย ทำให้เราเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความจำเสื่อม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ขาดแร่ธาตุในกระดูก (ที่มาของโรค 𝗼𝘀𝘁𝗲𝗼𝗽𝗼𝗿𝗼𝘀𝗶𝘀 ทำให้กระดูกอ่อนแอเปราะง่าย เกิดการกระดูกแตกในภายหลัง)
หนึ่งในผู้ค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ให้สัมภาษณ์ในบทความว่า “แพทย์หรือนักสุขภาพทั้งหลายสามารถช่วยผู้ป่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาที่เกิดจากความเครียดได้ โดยการช่วยให้ผู้ป่วยได้รู้จักทักษะของการรับมือกับปัญหา รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ตรงไหน และผ่อนคลาย”
นายแพทย์ดีน ออร์นิช แพทย์หัวใจผู้เก่งกาจฉกรรจ์ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการศึกษาวิจัยเรื่องผลกระทบของความเครียดต่อโรคหัวใจและมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งยังเป็นเจ้าของผลงานหนังสือที่เพิ่งวางจำหน่ายหมาด ๆ คือ 𝗟𝗼𝘃𝗲 & 𝗦𝘂𝗿𝘃𝗶𝘃𝗮𝗹 : 𝗧𝗵𝗲 𝗦𝗰𝗶𝗲𝗻𝘁𝗶𝗳𝗶𝗰 𝗕𝗮𝘀𝗶𝘀 𝗳𝗼𝗿 𝘁𝗵𝗲 𝗛𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗣𝗼𝘄𝗲𝗿 𝗼𝗳 𝗜𝗻𝘁𝗶𝗺𝗮𝗰𝘆 – ด้วยรักและรอดชีวิต : พื้นฐานวิทยาศาสตร์เพื่อพลังการรักษาด้วยการเปิดใจใกล้ชิด
เขากล่าวไว้ว่า “การเปิดหัวใจใช้ได้ผลกับทุกเรื่อง ไม่ใช่แต่เพิ่มคุณภาพชีวิตเท่านั้น แต่เพิ่มปริมาณชีวิตด้วย คือเราจะอายุยืนขึ้น...ความเหงาและความโดดเดี่ยวไม่เอาใครเพิ่มอัตราการเกิดโรคและการตายในทุกสาเหตุมากถึง 𝟮𝟬𝟬-𝟱𝟬𝟬 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ...พอเราเหงาเราก็จะกินมากขึ้น ทำงานหนักขึ้น ดื่มเหล้าเยอะขึ้น เสพยาหรือหันไปมีพฤติกรรมทำลายตัวเอง (𝘀𝗲𝗹𝗳-𝗱𝗲𝘀𝘁𝗿𝘂𝗰𝘁𝗶𝘃𝗲 𝗯𝗲𝗵𝗮𝘃𝗶𝗼𝗿) จริง ๆ ครับ”
ตามความเห็นของออร์นิช “ความรักและความใกล้ชิดเป็นรากของทุกอย่างที่ทำให้เราป่วยและทำให้เราหายดี เป็นตัวที่สร้างให้เราเศร้าและส่งให้เราสุข เป็นตัวทำให้เราทุกข์และเป็นตัวเยียวยา ...ผมไม่เห็นปัจจัยอื่นเลยในทางการแพทย์ — ไม่ใช่การไดเอทหรือลดน้ำหนัก ไม่ใช่การสูบบุหรี่ ไม่ใช่การออกกำลังกาย ไม่ใช่ความเครียด ไม่ใช่เพราะยีนส์ ไม่ใช่เพราะยา ไม่ใช่เพราะการผ่าตัด — ที่มันส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อคุณภาพชีวิต ต่อการป่วยไข้ หรือการตายก่อนวัยอันควร เท่าความรักและการใกล้ชิด”
ความเห็นส่วนตัวของออร์นิช เขาบอกว่าการสร้างสุขภาพจิตที่แข็งแรงให้ตัวเอง — ✨“ไม่ใช่การ ใฝ่หา คนที่ใช่ แต่คือ การ เป็น คนที่ใช่ ต่างหากครับ”✨
🛑 การปลดปล่อยละวางความคิดและอารมณ์ด้านลบเพื่อจะพบกับความสุขความสงบและความปีติเบิกบานภายในนี่แหละครับคือ “จุดหมาย”
🌟 แล้วคุณจะพบว่าชีวิตนี้แสนปีติสนุกสนานกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ จิตรับรู้ของคุณจะพัฒนาก้าวหน้าเรื่อยไปตลอดเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แล้วดวงวิญญาณของคุณก็จะเติบโตเข้มแข็งภายในกายเนื้อที่แข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคมากขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ เป็นการผสมผสานอันวิเศษยิ่ง
🌟 ถึงแม้ใจคุณอาจจะยังเถียงทะเลาะกับบทเรียนแห่งจิตวิญญาณที่กำลังได้รับ หรืออาจจะกำลังขบคิดสมองแทบแตกว่าบทเรียนนี้ทำไมต้องเจอ ซ่อนนัยอะไรแน่ แต่ร่างกายคุณจะได้รับผลดีเต็ม ๆ จากการฝึกทัศนคติและการฝึกฝนแบบฝึกหัดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผลดีทางสุขภาพกายเป็นเหตุผลมั่นคงที่รับรองว่าคุณควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำที่เสนอไว้ในหนังสือเล่มนี้ ระหว่างปฏิบัติไป ผลดีทางจิตวิญญาณจะเกิดตามกันมาเอง คุณไม่มีทางสูญเสียสิ่งใด มีแต่จะได้ทุกสิ่งในชีวิต
(มีต่อ)
โฆษณา