Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
18 พ.ย. 2021 เวลา 03:24 • หนังสือ
✴️ บทที่ 5️⃣ ทลายอุปสรรคขวางกั้นความปีติสุขของชีวิต ✴️ (ตอนที่ 2)
▪️การปลดปล่อยอารมณ์โกรธทิ้งไป▪️
ความโกรธมีต้นตอมาจากการตัดสินพิพากษา ตัวเราเองนั่นแหละที่ตรึงผู้อื่นไว้ในมาตรฐานที่เราวาดหวังเอง เลือกเอง และเอาไปใส่ให้พวกเขาเอง คนของคุณอาจจะไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีมาตรฐานนี้อยู่ แต่เราไม่สนหรอก
💢 ดังนั้นคนอื่นเขาถึงโกรธเราตั้งไม่รู้กี่ครั้งเพียงเพราะเราไปไม่ถึงสิ่งที่เขาคาดหวังกับเราไว้ แล้วเจ้าความคาดหวังนี้ก็อาจจะไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เราจึงไม่มีวันทำตามเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้ได้เลย
คนไข้รายหนึ่งของผมยังจำได้ว่าคุณแม่ของเธอเสียใจแค่ไหนที่คนไข้คนนี้...ตอนเป็นเด็ก ผมของเธอไม่เป็นสีทอง...เศร้าแท้
บาดแผลวัยเด็กที่เกิดจากความคาดหวังซึ่งไร้เหตุผลของคนเป็นพ่อแม่บอกได้เลยครับว่ารักษาหายได้ยากมาก คนคนหนึ่งต้องเข้าใจให้ได้ว่าพ่อแม่ของเขาหลอกตัวเองและทำผิดไปแล้วจริง ๆ การเข้าใจในที่สุดนี้เกิดจากสมองคิดได้หรือฉลาดรู้อย่างเดียวไม่ได้เลยครับ มันต้องพลันคิดได้จากก้นบึงข้างในและจากหัวใจพร้อม ๆ กัน
จงตั้งคำถามกับตัวเองดูเถอะครับ อย่างนุ่มนวลและไม่ตัดสินพิพากษา ไม่วิจารณ์ ค่อย ๆ สังเกตดูว่ามีความคิด ความรู้สึก หรือมีภาพอะไรผุดขึ้นมาในห้วงการรับรู้บ้างเวลาถามตัวเอง
พ่อแม่ของคุณตั้งความคาดหวังหรือเรียกร้องจากคุณอย่างไม่ควรจะเป็นบ้างไหมอย่างไร❓ บางครั้งคุณก็กลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งบนกระดานเป้าหมายของพ่อแม่ที่มันไม่ถูกต้องบ้างไหม❓ ท่านผลักภาระให้คุณใช้ชีวิตแทนท่านหรือไม่❓ ท่านใช้คุณเป็นตัวแทนสร้างความประทับใจได้หน้ากับคนอื่น เช่นเพื่อนฝูงตัวเอง ญาติพี่น้องหรือพ่อแม่ของท่านเองหรือเปล่า❓
หากคุณเป็นคนที่คิดมากกับความเห็นคนอื่นเกินพอดี นี่เป็นสัญญาณแล้วละครับว่าคุณเคยถูกพ่อแม่ใช้คุณมาเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์แบบนี้
🛑 ตามหลักแล้ว ถ้าหากคุณได้กระทำสิ่งที่ถูกที่ชอบ แสวงหาความจริงแท้ในตัวเอง ด้วยวิถีทางที่รักเมตตาแล้ว คนอื่นเขาจะคิดกับคุณอย่างไรคุณไม่ควรถือเป็นเรื่องสลักสำคัญ จงสลัดทิ้งความรู้สึกว่าต้องอาศัยคนอื่นแล้วเป็นอิสระได้แล้วครับ
ความรู้สึกผิดในใจเป็นรูปแบบหนึ่งของความโกรธตัวเองครับ เป็นความโกรธที่ย้อนพุ่งเข้าหาข้างในตัวเรา บางทีคุณก็ทำให้ตัวเอง ‘ผิดหวัง’ มาก เพราะคุณทำตัวได้ไม่ถึงมาตรฐานความคาดหวังตามภาพอุดมคติที่ตัวคุณตั้งไว้นั่นเอง
อารมณ์โกรธคือการป้องกันตัวเองของอีโก้-ตัวอัตตา ป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดความกลัวไงครับ ความกลัวที่จะโดนเขาล้อเลียนหรือดูถูกเอา กลัวจะโดนลดค่าลดตำแหน่ง กลัวโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ กลัวการสูญเสีย กลัวเสียหน้า ที่สุดแล้วคือกลัวพ่ายแพ้ กลัวตัวเองจะไม่ได้อะไรมาตามแบบที่ตัวเองต้องการ เราคิดไปว่าความโกรธช่วย “คุ้มกัน” เราจากคนอื่น คนที่จะมาทำอะไรเรา หรือคนที่อาจจะเกิดโกรธเราเหมือนเราโกรธเขาเลย
ความโกรธเป็นอารมณ์ที่ไม่เกิดประโยชน์และเป็นอันตราย จะทำให้หายได้อย่างไรน่ะหรือ ก็ด้วยการเข้าใจและด้วยรักเท่านั้นครับ
เมื่อเข้าถึงและเข้าใจความรู้สึกด้านลบ เมื่อกระจ่างถึงต้นตอของมันแล้วว่ารู้สึกเพราะอะไร พลังงานที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังอารมณ์นั้นก็จะลดลงและหายไปเอง เมื่อไหร่ที่คุณโกรธ วิธีตอบสนองที่เป็นประโยชน์ที่สุดคือ ให้เรียนรู้ว่าโกรธเพราะอะไร อะไรทำให้โกรธ แล้วแก้ไขปรับเปลี่ยนสถานการณ์นั้นถ้าทำได้ “แล้วเลิกโกรธเถิด”★
★ หลักการนี้ถอดแบบมาจากอริยสัจจ์สี่ – 𝗧𝗛𝗘 𝟰 𝗡𝗢𝗕𝗟𝗘 𝗧𝗥𝗨𝗧𝗛𝗦 ของพระพุทธเจ้า หรือ ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค นั่นเอง : ผู้แปล
เพราะเราทั้งหลายล้วนเชื่อมโยงผูกพันกันหมด เราล้วนเหมือนกัน และเราต่างก็พายเรือลำเดียวกันทุกคน
มักจะมีความเศร้าฝังอยู่ในความโกรธเสมอ ราวกับว่าอารมณ์โกรธเป็นดั่งเสื้อคลุมคุ้มกันภัย คอยกันเราพ้นจากความอ่อนแอและสิ้นหวัง กระนั้น คุณเคยลองสังเกตบ้างไหมครับว่า “คนที่กำลังมีความรักล้นหัวใจมักไม่ค่อยโกรธคน” เหมือนคู่รักสองคนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งด้วยกัน และในโลกของเขาความโกรธหายเกลี้ยง ความเศร้าก็ไม่มี โลกแห่งความรักเป็นคนละโลกกันเลย และพลังงานแห่งความโกรธกับความสิ้นหวังก็ไม่สมพ้องต้องกับกระแสของโลกแห่งความรักสักนิด
ยามเราโกรธขึ้นมาเราจะสร้างสารเคมีที่ส่งผลทางทำลายออกมาสู่ร่างกายซึ่งมีผลทำลายช่องท้อง ความดันเลือด เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจและสมอง ต่อมเอนดอครีน ระบบภูมิต้านทานโรค เป็นต้น อารมณ์โกรธมีแต่จะขัดขวางการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกส่วน หากเรามองทะลุต้นตอความโกรธของเราได้แล้วหาทางแก้สถานการณ์ ชีวิตเราจะดีกว่านี้อีกเยอะ
ทว่าเรากลับเกาะติดอารมณ์โกรธไว้แน่น โดยไม่นำพาถึงผลที่เกิดตามมากับร่างกายและอารมณ์ มนุษย์ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดื้อรั้นขนานแท้
สื่อของเรานี่แหละชอบนำเสนอภาพคนมักโกรธมาเป็นแบบอย่างให้เราเป็นแรมโบ้ เป็นมนุษย์ที่โกรธเกรี้ยวตัวจริง ผมไม่เคยเห็นแรมโบ้ยิ้มเลยสักฉาก จ่าเดอร์ตี แฮร์รี ผนึกกำลังกับบทตำรวจ ทหาร และแอ็กชั่นฮีโรคนอื่น ๆ ที่มัวแต่จมอยู่กับอารมณ์โกรธกันหมด แม้แต่กัปตันเคิร์กแห่งสตาร์เทรคก็ร่วมขบวนโกรธเอามาก ๆ กับเขาด้วย
ความโกรธของตัวละครอย่างพวกเขามักสร้างภาพให้เป็นความโกรธแบบพิทักษ์คุณธรรม เหมือนชีวิตเขาโดนรังแกย่ำยี เพราะฉะนั้นจึงมีเหตุสมควรโกรธแค้น และบางครั้งถึงกับต้องฆ่ากันเลย
การสร้างภาพแบบนี้มีแต่เสียกับเสียต่อเรา มันน่าจะต้องสอนให้รู้จักอดกลั้นต่อความโกรธไม่ใช่ไปกระตุ้นให้เห็นว่าดี
อารมณ์โกรธกระตุ้นให้เราพุ่งเป้าความกลัวของตัวเราไปลงที่คนอื่นแทน อารมณ์โกรธเป็นต้นเหตุความรุนแรงและสงคราม แล้วยังเป็นต้นเหตุให้หัวใจแตกสลายได้อย่างเหลือเชื่อ อารมณ์โกรธมีแต่ทำลายเราย่อยยับ ไม่ว่าจะทำลายจากข้างในกัดกินถึงภายนอก หรือทำลายจากภายนอกแล้วล้างเข้าไปถึงเนื้อใน ไม่ว่าจะทำลายด้วยสารเคมีและการหลั่งฮอร์โมนจากร่างกายของเราเอง หรือทำลายจากกระสุนพิฆาตของศัตรู
💟 ด้วยความเข้าใจและด้วยรัก ความโกรธจึงมลาย
ผมเคยสังเกตตัวเองเลยว่าเวลามีคนขับรถปาดหน้าผมในไมอามี่ที่ผมอยู่ ผมจะโกรธสุดใจ แต่พอผมไปเที่ยวเกาะคาริบเบียนแล้วมีคนขับรถปาดหน้าแบบเดียวกันเลย ผมกลับไม่โกรธ มุมมองของผมยกระดับสูงขึ้นเวลาผมไปเที่ยวพักผ่อน แล้วผมก็ไม่เก็บความหยาบคายนี้เอามาถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตัวความโกรธนี้ไม่ได้เกี่ยวกับภูมิประเทศที่เปลี่ยน ไปหรอก แต่มันคือ “การยกระดับที่เกิดจากข้างในจิตใจผมต่างหาก” แม้แต่ในไมอามี่ การยกระดับนี้ก็เกิดขึ้นได้ครับ
(มีต่อ)
หนังสือ
บันทึก
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย