23 พ.ย. 2021 เวลา 03:00 • หนังสือ
✴️ บทที่ 5️⃣ ทลายอุปสรรคขวางกั้นความปีติสุขของชีวิต ✴️ (ตอนที่ 5)
◾การปลดปล่อยความรู้สึกไม่มั่นคงทางใจ◾
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
“จงจำไว้” เสียงบอก “จำไว้เสมอว่าเจ้าเป็นที่รักเสมอ เจ้าได้รับการปกป้องคุ้มครองเสมอ และเจ้าไม่ได้อยู่เดียวดาย ...เจ้าคือแสงสว่าง คือปัญญา คือความรักด้วยเช่นกัน ...และเจ้าไม่มีวันถูกลืม เจ้าไม่มีวันถูกมองข้ามหรือถูกทอดทิ้ง เจ้าไม่ใช่ร่างกายเจ้า ไม่ใช่สมองของเจ้า ไม่ใช่แม้กระทั่งความคิดของเจ้า เจ้าคือจิตวิญญาณ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือ แค่จงตื่นขึ้นมาพบความทรงจำอีกครั้งเพื่อที่จะจำได้ จิตวิญญาณไร้ซึ่งขีดจำกัดใดๆ ไร้ขีดจำกัดทางกายเนื้อ ไร้ขีดจำกัดทางสติปัญญาหรือจิตใจ”
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ความผิดของเราทุกคนที่ใหญ่หลวงที่สุดคือ การที่เราหมกมุ่นกังวลกับผลบั้นปลายมากเกินไป เรามัวแต่จมอยู่กับบรรดาผลลัพธ์ที่จะเกิดจนมันเพิ่มความกลุ้มใจ ความกลัว และหมดความสุขโดยไม่จำเป็นเลย
ที่เรากลุ้มคือกลุ้มเรื่องเราจะทำออกมาได้ดีแค่ไหนไงครับ ถ้าเกิดที่เราทำไปมันยังไม่ดีถึงเป้าล่ะ แล้วถ้าเราล้มเหลวเล่า❓ คนอื่นเขาจะว่าเรายังไง เราจะตัดสินตัวเองหนักข้อแค่ไหนดีนะ❓
ความกลัวมีส่วนเกี่ยวพันกับการสูญเสียเป้าหมายหรือสิ่งที่ใจปรารถนา ถ้าเราพลาดเราก็ปักใจแน่แล้วว่าเราจะไม่มีทางได้สิ่งที่ใจต้องการ แน่นอน เราจะกลายเป็นคนล้มเหลว เป็นพวกขี้แพ้ เราจะโดนปฏิเสธ แล้วเราก็จะเกลียดตัวเอง
แต่แทนที่จะต้องมากลัดกลุ้มกังวลว่าผลจะออกมาอย่างไร ผลลัพธ์จะเป็นอะไรนั้น แค่ทำสิ่งที่ถูกต้องเถอะครับ ขอให้ยื่นมือออกไปอย่างไม่เห็นแก่ตัว แล้วหวังว่าสิ่งที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นดีกว่าครับ
🛑 ความหวังเป็นเรื่องดีงาม ความคาดหวังสิไม่ใช่ เพราะเมื่อความคาดหวังปรากฏตัว ความผิดหวังก็มักเยี่ยมหน้าอยู่ไม่ไกลเสมอ
. . .
ตอนที่ผมนั่งสมาธิในเช้าวันหนึ่ง สารที่กระจ่างแจ้งและสำคัญก็ผุดขึ้นทันควันและทรงพลังในจิตของผมเลย “จงรักกันและกันด้วยหัวใจทั้งหมดของเจ้าเถิดและจงอย่ากลัว อย่ากักกันใจตัวเองไว้ เพราะยิ่งเจ้าให้มาก เจ้ายิ่งได้คืนกลับมามากกว่านั้น”
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
เจ้าร่ำร้องหาภาพลวงตาแห่งความมั่นคง แทนที่จะใฝ่หาความมั่นคงแห่งปัญญาและความรัก
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
เงินมีสภาพเป็นกลาง ไม่ดีและไม่เลวใด ๆ เราทำอะไรกับเงินต่างหากนั่นแหละที่สำคัญ ด้วยเงินในมือ เราสามารถซื้ออาหารซื้อเสื้อผ้าเป็นทานแก่คนยากจนก็ได้ หรือเราเลือกจะใช้เงินอย่างเห็นแก่ตัว ใช้สุรุ่ยสุร่ายเสียโอกาสเลยก็ได้ ทางเลือกนั้นอยู่ที่ตัวเรา และบทเรียนนี้ก็ต้องได้เรียนรู้ถึงที่สุด
เงินกับความมั่นคงเป็นคนละเรื่องกัน ความมั่นคงเกิดได้จากภายในเท่านั้น เป็นคุณสมบัติแห่งจิตวิญญาณ ไม่ใช่ทางโลกเลย เงินเป็นเรื่องทางโลก เพราะคุณเอาเงินติดตัวไปไม่ได้เลยเมื่อคุณจากโลกนี้ไป
เราอาจสูญสิ้นหมดทุกอย่างแค่ชั่วข้ามคืนถ้าหากว่านั่นคือบทเรียนของเราหรือเป็นชะตาลิขิต ความมั่นคงกำเนิดจากความสุขสงบภายใน และการรู้ว่าธาตุแท้จริงๆของเราคืออะไร ซึ่งก็คือจิตวิญญาณนั่นเอง เราไม่มีวันเป็นอันตรายจริงๆหรอก ด้วยว่าเราเป็นที่รักและได้รับการปกป้องคุ้มครองเสมอ ด้วยว่าเราไม่มีวันเดียวดายในโลกนี้ เพราะพระเจ้าและกองทัพแห่งจิตวิญญาณอันเปี่ยมด้วยความรักคอยพิทักษ์คุ้มครองเราอยู่เสมอ ด้วยว่าเราทั้งหมดนี้ล้วนมาจากธาตุแท้เดียวกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องหวาดกลัวอะไร ความจริงข้อนี้นั่นเองที่เป็นความลับสู่ความมั่นคงและความสุขของจริง
💟 “จงรักกันและกันด้วยหัวใจทั้งหมดของเจ้าเถิดและจงอย่ากลัว อย่ากักกันใจตัวเองไว้ เพราะยิ่งเจ้าให้มาก เจ้ายิ่งได้คืนกลับมามากเท่านั้น” 💟
. . .
การย้อนอดีตไปหาซาติภพอังกฤษในศตวรรษที่ 𝟭𝟵★ ของทอมให้รายละเอียดเยอะมาก แม้เมื่อตอนเขาบรรยายถึงตัวเอง ถึงบ้านที่อยู่และเหตุการณ์อย่างช้าๆชัดๆ ผมก็รู้แล้วว่าเขารับรู้อะไรมากกว่าที่เขาสามารถเล่าออกมาได้เสียอีก
★ ศตวรรษที่ 𝟭𝟵 นับตั้งแต่ปี 𝟭𝟴𝟬𝟬-𝟭𝟴𝟵𝟵
ในชาติภพปัจจุบันเขาโดนครอบงำด้วยความกลัวที่ไม่มีเหตุผลเลย คือกลัวการสูญเสียอย่างแรง ในอดีตชาติแผ่นดินอังกฤษ ชายหนุ่มก็ค้นพบต้นตอของความรู้สึกไม่มั่นคงเจอ เขาบรรยายถึงชนบทเขียวชอุ่มที่มีเนินเขาสลับเป็นดั่งคลื่นกับต้นไม้เก่าชรา “ผมเป็นเจ้าของที่นา...อายุ 𝟰𝟬 กว่า...แต่ผมไม่ใช่คนรวยอะไร...บ้านผมเหมือนเป็นบ้านไร่ชนบท ผมมีเมียมีลูกชายอีก 𝟮 คน...”
“อะไรดึงคุณกลับมาชาติภพนี้ครับ❓” ผมถามเขา
“ชีวิตผมมีฐานะแล้ว สบายแล้ว มั่นคงดี” เขาตอบ “แต่ก็เหมือนผมกลุ้มใจอยู่ กังวลแต่ว่าตัวเองไม่ใช่คนร่ำรวยมีชาติมีตระกูล เหมือนกับผมรู้สึกไม่มั่นคงตลอดเวลา กลัวว่าจะมีคนพรากทุกอย่างไปแล้วผมจะต้องเสียทุกอย่างไปหมด”
ผมนำเขาข้ามกาลเวลาไปสู่เหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิต
“ไฟไหม้โรงนา” เขาตอบเสียงสั่น “ไฟลุกโหมเลย ผมพยายามจะเอาพวกสัตว์ออกจากคอก...เอาม้าออกมาได้ 𝟮 ตัว...ตัวอื่นออกไม่ได้เลย...ผมคิดว่าบ้านก็โดนไฟไหม้ด้วย❗”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมถาม
“ลูกชายไม่อยู่ แต่ผมคิดว่าเมียผมตาย” เขาตอบอย่างร้าวรานใจ
“คุณรู้สึกยังไงบ้าง” ผมถาม “ตอนนี้คุณสามารถจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมดครับ”
“ผมคลุ้มคลั่งแทบบ้า” เขาตอบคำถาม
“คุณรู้ไหมครับว่าทำไมไฟถึงไหม้ได้”
เขานิ่งไปชั่วครู่ “ผมคิดว่ามีคนวางเพลิง” แล้วนิ่งอีก
ผมทำลายความนิ่งลง “คุณพอรู้ไหมครับว่าใครทำ”
“มีคนในหมู่บ้าน...ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผมเป็นยิว” แล้วก็นิ่งเงียบไปอีก
หลังจากไฟได้คร่าชีวิตเมียของเขาไปแล้ว เขาก็ทิ้งอังกฤษ จากมาอยู่อเมริกา แต่ความเศร้ายังคงติดตามเขาไปตลอด เขาใช้ชีวิตที่เรียกว่าเดียวดายจริงๆ
ผมนำเขาไปข้างหน้าสู่วันสุดท้ายของชาติภพนี้
“ผมอยู่บนเตียง...ผมแก่มากแล้ว ลูกชาย 𝟮 คนกับลูกเมียก็อยู่ด้วยกันหมด...รู้สึกแปลกๆเหมือนกันที่ต้องมาอยู่แผ่นดินใหม่...แต่ผมก็พร้อมจะไปแล้ว” เขาหมดลมและจากร่างมา
“ผมรับรู้ว่า...ยังมีความรู้สึกอยู่บ้างว่าเหมือนถูกทำร้ายสาหัสจากคนที่ผมเป็น ไม่ใช่จากสิ่งที่ผมทำ” เขาได้รับรู้ว่าความโกรธแค้น อคติ และความเกลียดชังนำเราไปสู่อันตรายใหญ่หลวงได้อย่างไร แต่บทเรียนด้านบวกก็มีเช่นกัน
“ลูกชายผม..ความรัก...ความรู้สึกเป็นครอบครัวเป็นเหมือนเครื่องปลอบประโลมใจของผม...”
🛑 ทอมผู้ไม่ได้เป็นยิวในชาตินี้ได้เรียนรู้ลึกซึ้งกว้างไกลกว่าแค่รู้ว่าต้นตอความรู้สึกไม่มั่นคงและกลัวการสูญเสียของเขามาจากไหน เขาได้เรียนรู้ว่าอคติและความชังนำคนไปสู่ความรุนแรงและความปวดร้าวจริงๆ
💟 และเขาเรียนรู้อีกด้วยว่าความรักเป็นเครื่องปลอบโยนสำหรับความปวดร้าวทุกประการ
✨ ไม่ใช่ภารกิจของทอมในชาติก่อนที่จะลงโทษหรือแม้กระทั่งตัดสินคนที่เผาบ้านและพรากชีวิตภรรยาเขา กรรม-กฏเบื้องบนอันประเสริฐจะดูแลเรื่องนี้เอง ภารกิจของทอมคือการเข้าใจและให้อภัยต่างหาก เพราะนี่เองคือภารกิจของความรัก✨
(มีต่อ)
โฆษณา