25 พ.ย. 2021 เวลา 04:31 • หนังสือ
✴️ บทที่ 6️⃣ ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิต ✴️ (ตอนที่ 1)
บทที่ 6️⃣ ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิต
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ทั้งหมดคือรัก...ทั้งปวงคือรัก
ด้วยความรักเราจึงเข้าใจเขา
ด้วยเข้าใจเขา เราจึงจะอดทนได้
แล้วเวลาจะหยุดนิ่ง
แล้วทุกสิ่งจึงหยุดอยู่แค่เวลานี้
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ส่วนที่ลึกที่สุดของจิตเราไม่ขึ้นกับกฎปกติสามัญของกาลเวลา เรื่องที่เกิดขึ้นตั้งนานนมแล้วยังสามารถทิ่มแทงใจเราได้ทันที บาดแผลเก่ามีอิทธิพลต่ออารมณ์ความประพฤติของเราราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และหลายครั้งที่อำนาจของบาดแผลยิ่งรุนแรงมากขึ้นตามเวลาที่ผันผ่านไปด้วยซ้ำ
💥 ความเข้าใจเป็นตัวช่วยเยียวยาบาดแผลเก่าแบบนี้ ด้วยว่าจิตในระดับลึกจะไม่ขึ้นต่อสถานะปกติของพื้นที่และกาลเวลา ดังนั้นเหตุการณ์ในอดีตจึงสร้างใหม่ได้ จัดวางเหตุการณ์ใหม่ด้วยก็ได้ เหตุแห่งการเกิดและผลแห่งการเกิดไม่จำเป็นต้องผูกรัดจนแก้ไม่ได้เสมอไป บาดแผลถูกพลิกฟื้นได้ ผลกระทบอันร้ายแรงแปรเปลี่ยนกลับกลายเสียก็ได้ การเยียวยาอย่างลึกถึงก้นบึงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าตัวจะอยู่ห่างไกลสุดแสนหรือหลังจากที่เจ็บปวดชอกช้ำมานานหลายปีแล้วก็ตาม 💥
เมื่อรักเป็นตัวนำการเยียวยาอันลึกซึ้งสู่สายสัมพันธ์ของเรา ความเข้าใจก็เป็นตัวช่วยลดทอนความกลัวให้น้อยลง ความเข้าใจช่วยเปิดหน้าต่างออกสู่สายลมแห่งความรักที่คอยพัดพาความสงสัยกับความกลุ้มกังวลให้ลอยหายไป เป็นการชุบความสดใสแก่ดวงวิญญาณแห่งเราและทะนุถนอมดูแลสายสัมพันธ์อย่างดี
ความกลัวของเรามักมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่สมัยเด็ก หรือจากเมื่อชาติปางก่อน เนื่องเพราะเราเองก็ลืมไปแล้ว เราจึงพุ่งความกลัวนี้ไปสู่อนาคตแทน แต่ความจริงคือ สิ่งที่เรากลัวมันจบไปแล้วครับ ทั้งหมดที่เราต้องทำคือจำให้ได้แล้วตื่นขึ้นรับรู้อดีตเสียที
. . .
หญิงสาวชาวแอฟริกาใต้คนหนึ่งเขียนจดหมายมาเล่าให้ผมฟังถึงการตื่นรู้สู่การเยียวยาว่า :
“ดิฉันอ่านหนังสือของคุณหมอทุกเล่มเลยค่ะ ดิฉันประทับใจกับเรื่องที่คนพบอดีตชาติและสามารถรักษาอาการโฟเบีย (กลัวอย่างผิดวิสัย) ได้ สองสามหน้าสุดท้ายของ 𝗧𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝗧𝗶𝗺𝗲 𝗶𝗻𝘁𝗼 𝗛𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 คุณหมอสอนให้คนอ่านสะกดจิตด้วยตัวเอง (𝘀𝗲𝗹𝗳-𝗵𝘆𝗽𝗻𝗼𝘁𝗶𝘇𝗶𝗻𝗴 𝗽𝗿𝗼𝗰𝗲𝗱𝘂𝗿𝗲) ดิฉันอยาก แบ่งปันสิ่งที่ดิฉันเห็นและรู้สึกค่ะ”
“ก่อนจะเล่าต้องขอบอกก่อนว่าดิฉันต้องสะกดจิตถึง 𝟱 ครั้งกว่าจะ ‘เข้าภวังค์’ (𝘁𝗿𝗮𝗻𝗰𝗲) เพราะดิฉันตื่นเต้นมากและไม่ยอมปล่อยให้จิตมีสมาธิ ดิฉันคบกับแฟนของดิฉัน 𝟭 ปีครึ่งแล้ว และกลัวจะสูญเสียเขาไปมากๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยเพราะเคยถึงกับคิดจะฆ่าตัวตายเลยค่ะ เรื่องเลวร้ายที่สุดคือเขาไม่เคยแสดงอะไรเป็นนัยให้คิดแบบนั้นสักนิดเดียว มีแต่จะแสดงให้รู้ว่าเขารักดิฉันมากครั้งแล้วครั้งเล่า มีอยู่วันหนึ่งที่ดิฉันรู้สึกแย่สุดๆ เลยบอกกับตัวเองว่าพอได้แล้ว ต้องเลิกเป็นแบบนี้เสียที❗”
“ดิฉันถึงจำได้ว่าเคยอัดเทปสะกดจิตด้วยตัวเองไว้ คราวนี้ดิฉันทำด้วยเป้าหมายเดียวที่แน่วแน่มาก คือเพื่อหาว่าทำไมดิฉันถึงกลัวขนาดนี้”
“พริบตาเดียวดิฉันก็เห็นตัวเองนั่งอยู่บนถนนที่สว่างไสว ปีนั้นคือปี 𝟭𝟲𝟳𝟵 ในฝรั่งเศส ดิฉันเป็นชาวฝรั่งเศสชื่อมารีแคลร์ อายุประมาณ 𝟮𝟬 ปี และสวยมาก ผมยาวดำสนิท ดิฉันสวมเสื้อยาวเก่าเป็นผ้าขี้ริ้วสีน้ำตาลใส่รองเท้าแตะเลยรู้ว่าตัวเองคงจะยากจนมาก ดิฉันอุ้มลูกในอ้อมแขน และกำลังร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็เห็นคนอีกคนเข้ามาในเหตุการณ์ ดิฉันจำได้เลยว่าเขาคือแฟนดิฉันเองในชาตินี้ ชื่อเปโดร มาจากสเปน อายุประมาณ 𝟰𝟬 ปี สูงแล้วก็ผอมมาก เราเป็นสามีภรรยากัน เด็กเป็นลูกของเรา เขาเองก็กำลังร้องไห้แทบขาดใจเหมือนกัน แล้วทหารยาม 𝟮 คนก็มากระชากตัวเขาออกไป ดิฉันเห็นเขายื่นมือสุดหล้ากรีดร้องขอให้ทหารปล่อยเขาไป”
“ดิฉันเห็นแค่นี้ค่ะ เพราะตื่นเต้นมากเลยลืมตาเสียก่อน...”
“เรื่องที่เหลือเชื่อคือความรู้สึกของดิฉันหลังจากนั้นค่ะ ดิฉันอยากร้องออกมาว่ามีความสุขจังเลย อยากหัวเราะให้เต็มที่ ดิฉันรู้สึกอิสระ รู้สึกบริสุทธิ์ข้างในตัวเองที่สุดเลย❗ ข้อที่ดีที่สุดคือดิฉันไม่ร้องไห้เพราะแฟนอีกแม้แต่หยดเดียว เจ้าความรู้สึกแย่สุดๆหายไปหมดแล้ว❗ ความรักของเราดีขึ้นกว่าเก่าเยอะ...ดิฉันขอให้การรักษาแบบใหม่นี้ได้รับการยอมรับจากทุกคนเร็วๆนะคะ”
ผมก็หวังใจเช่นกันครับ แต่ผมก็ยังเข้าใจอีกว่ามันเป็นมากกว่าการรักษา★ มันคือ การเข้าใจว่าชีวิตคืออะไร และเราสามารถพลิกชีวิตรักกลับมาเหมือนใหม่ได้อย่างไร เป็นการเข้าใจว่าเราไม่เคยสูญเสียคนที่เรารักไปเลย เพราะนี่คือตัวอย่างของหนุ่มสาวสองคนที่สามร้อยกว่าปีให้หลัง ยังมีชีวิต ยังแข็งแรงในร่างใหม่ เริ่มต้นแบ่งปันความรักและร่วมชีวิตกันอีกครั้ง
🌟 เป็นเพราะความเข้าใจต่างหากครับที่เยียวยาได้ และผ่านความเข้าใจเท่านั้นที่ความรักจึงเกิดใหม่และเกิดได้จริงชั่วกัลปาวสาน 🌟
★ นี่คือสาเหตุที่ผู้แปลมักตอบคำถามผู้เข้าสัมมนาหรือโทรฯมาถามเสมอเรื่องว่าจะสะกดจิตระลึกชาติได้ที่ไหน ดิฉันไม่แนะนำเลยในเมืองไทย เนื่องจากดิฉันเห็นดีอย่างยิ่งว่าผู้เรียนสะกดจิตระลึกชาติควรมีพื้นฐานอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมั่นคงก่อนจะเป็นนักสะกดจิตบำบัด (𝗵𝘆𝗽𝗻𝗼𝘁𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝗶𝘀𝘁) ที่เปี่ยมคุณภาพและน่าเชื่อถือ คือผ่านการศึกษาเล่าเรียนทางจิตวิทยาหรือจิตเวช หรือไม่ก็ผ่านการศึกษาธรรมะอย่างเข้าใจก่อน ดร.ไวส์ผ่านทั้ง 𝟮 ข้อ ท่านจึงเขียนอธิบายความตอนนี้กระจ่างมากว่า การรักษาแบบระลึกชาติไม่ใช่ประเด็นเลย ประเด็นอยู่ที่ความเข้าใจปัญหาและมองให้ลึกซึ้งถึงความหมายต่างหาก ซึ่งนักสะกดจิตธรรมดาที่ไม่ได้เรียนเรื่องการบำบัดจิตหรือไม่ได้ศึกษาธรรมะจะไม่ลึกซึ้งเท่า ไม่เมตตากรุณาเท่า วิธีการช่วยคนไข้แก้ปัญหาก็จะไม่แยบคาย : ผู้แปล
🛑 คู่รักทั้งสองไม่ได้พบกันอีกครั้งด้วยอุบัติเหตุหรือความบังเอิญ ชะตาลิขิตคอยกำกับให้ความรักมาพบกันอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาเกิดอีกครั้งในร่างใหม่ของชาติภพปัจจุบัน พวกเขาได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง ณ ช่วงเวลานี้ของชีวิต ทั้งสองจะพบกัน ทั้งสองจะ “จำ” กันได้ในห้วงใจที่ลึกล้ำกว่าภายนอกในฐานะเพื่อนคู่วิญญาณข้ามกาลเวลา แล้วจากนั้นพวกเขาก็จะต้องตัดสินใจเลือกอนาคตว่าความรักในชาติที่กลับมาเกิดนี้จะเป็นไปอย่างไร อัตตาของทั้งคู่ ความคิดแบบยึดติดตรรกะสถานเดียวที่ถูกปลูกฝังมาโดยที่บ้าน โดยสังคม จะมาก้าวก่ายกับการรับรู้จากหัวใจที่ถูกกระตุ้นตื่นด้วยการกลับมาพบกันอีกครั้งของคนเป็นคู่แท้หรือไม่ หรือว่าหัวใจของพวกเขาจะกำชัยชนะ พิชิตอุปสรรคที่เกิดจากจิตสำนึกกันแน่❓
ความกลัวและรูปแบบที่เคยเจอมา จะย้อนกลับมาให้เผชิญอีกครั้งในกรณีหญิงสาวคนนี้ ความกลัวอัน “ไร้เหตุผล” คือกลัวการพรากจากอันทารุณจิตใจและไม่อยากให้เกิดได้ผุดขึ้นอีก ด้วยว่ามันเป็นบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 𝟯𝟬𝟬 ปีก่อนในฝรั่งเศส แม้เธอจะจำเรื่องราวแห่งอดีตหนหลังไม่ได้ทั้งหมด แต่ความทรงจำแห่งดวงวิญญาณจาก 𝘂𝗻𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀 𝗺𝗶𝗻𝗱 จิตไร้สำนึก★ ของเธอรู้ดี เธอจึงกลัวว่ามันจะเกิดซ้ำอีกในชาตินี้หรือในอนาคตข้างหน้า
★ จิตมนุษย์มี 𝟰 ระดับ
𝟭. จิตสำนึก (𝗖𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀 𝗺𝗶𝗻𝗱) คือจิตระหว่างที่คนเราตื่น ใช้คิดหาเหตุผล, ทำงาน, วิเคราะห์ สมองซีกซ้ายคุมจิตส่วนนี้
𝟮. จิตใต้สำนึก (𝘀𝘂𝗯𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀 𝗺𝗶𝗻𝗱) คือจิตระดับลึกที่สะสมความเจ็บปวด ความรู้สึกแท้จริง ความทรงจำ จิตระดับนี้เปิดเมื่อเข้าภวังค์ ผ่อนคลายมาก ฝัน เผลอใจลอย สภาวะสมาธิ การสะกดจิตเข้าสู่ระดับนี้ใช้แก้ปัญหาทางจิตได้ผล และเป็นภาวะจิตที่เชื่อมต่อระหว่างคนต่อคนได้ (𝘁𝗿𝗮𝗻𝘀𝗽𝗲𝗿𝘀𝗼𝗻𝗮𝗹)
𝟯. จิตไร้สำนึก (𝘂𝗻𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀 𝗺𝗶𝗻𝗱) แปลว่าไม่รู้ ไม่ตื่น เป็นจิตที่คาร์ล ยุง บอกว่าเป็น 𝗰𝗼𝗹𝗹𝗲𝗰𝘁𝗶𝘃𝗲 𝘂𝗻𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀 คือจิตไร้สำนึกรวม คนทั้งโลกร่วมจิตไร้สำนึกแบบเดียวกัน สภาวะหลับลึกฝันแต่จำไม่ได้ สมาธิลึกอยู่ในจิตระดับนี้
𝟰. จิตเหนือสำนึก (𝘀𝘂𝗽𝗲𝗿𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀/𝗵𝗶𝗴𝗵𝗲𝗿 𝗺𝗶𝗻𝗱/𝘂𝗻𝗶𝘃𝗲𝗿𝘀𝗮𝗹 𝗺𝗶𝗻𝗱) จิตระดับสมาธิลึกมาก หลับลึกมาก สะกดจิตไม่ได้ผลแล้ว เป็นจิตที่เชื่อมต่อตลอดจักรวาล เป็นจิตของเราที่มีภูมิปัญญาสูงมาก จิตระดับนี้สามารถเชื่อมกับ 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀 ได้ : ผู้แปล
หนึ่งใน “ภารกิจแห่งกรรม” (𝗸𝗮𝗿𝗺𝗶𝗰 𝘁𝗮𝘀𝗸) ของเธอคือการเอาชนะความกลัวการพลัดพรากนี้ให้ได้ด้วยการเข้าใจว่า ความรักคือพลังงานสัมบูรณ์สูงสุด ความรักไม่มีวันจบสิ้น แม้ร่างกายจะแตกดับไปแล้ว เราจะหวนกลับมาอยู่ร่วมกับคนที่เรารักเสมอ ไม่ว่าจะในฝั่งฟากของโลกมนุษย์หรืออีกฝั่งฟากของปรภพก็ตาม
แม้ดวงวิญญาณของหญิงสาวจะรู้ข้อนี้ดี หากแต่เมื่อกลับมาเกิดในชาตินี้แล้ว ตัวเธอกลับลืมความผูกพันในอดีตชาติที่มีต่อคู่รักเสียสิ้น (𝗽𝗮𝘀𝘁-𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗰𝗼𝗻𝗻𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻) ภารกิจของหญิงสาวคือการจดจำความเป็นอมตะไม่มีวันตายของความรักให้จงได้ แล้วใช้ความรู้นี้เอาชนะความกลัวให้สิ้นไป
ความรู้ย่างก้าวจากหัวใจไปสู่จิตสำนึกเมื่อเธอได้ฟังเทปที่อัดเสียงจากข้อมูลในหนังสือผมแล้วระลึกชาติภพในฝรั่งเศสได้ ถึงตอนนี้เธอรู้อย่างถี่ถ้วนถ่องแท้แล้ว เธอจึงปลดปล่อยความกลัวจากอดีตและปัจจุบันไปได้ทันที
เธอรักได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง ไม่จําเป็นต้องเหนี่ยวรั้งกักกันอีกต่อไปเพียงเพราะกลัวจะสูญเสียรักนั้น
🛑 ประสบการณ์ของสาวน้อยคนนี้เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของข้อเท็จจริงที่ว่า “ก่อนเราเกิด เราได้ช่วยวางแผนและถักทอโอกาสที่จะเกิดการเรียนรู้บทเรียนเหล่านี้ไว้แล้ว” เรียกว่า ‘จุดกำหนดชะตา’ (𝗱𝗲𝘀𝘁𝗶𝗻𝘆 𝗽𝗼𝗶𝗻𝘁𝘀) นั่นเอง ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยให้เราเข้าใจ ช่วยให้ได้โอบกอดความรัก และสลัดทิ้งความกลัวลง
ผู้ช่วยเหลือเราในการวางแผนบทเรียนชีวิตก็คือพลังงานจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง เจ้าความรู้สึกแบบเคยเจอมาก่อนหรือ 𝗱𝗲𝗷𝗮 𝘃𝘂 เป็นตัวชี้ว่าเราเกิดอาการวูบจำแผนชีวิตก่อนปฏิสนธิ (𝗽𝗿𝗲-𝗻𝗮𝘁𝗮𝗹 𝗽𝗹𝗮𝗻) ขึ้นมาได้ในระหว่างที่แผนนั้นเกิดขึ้นจริงในสภาวะกายเนื้อในขณะที่เราใช้ชีวิตอยู่ในสภาวะกายเนื้อ เป็นการเกิด ณ ช่วงเวลาและสถานที่ที่วางแผนไว้ก่อนแล้ว
🛑 สำคัญอย่างที่สุดเลยครับที่เราจะต้องใส่ใจ จริงจังกับเหตุบังเอิญ หรือ 𝗰𝗼𝗶𝗻𝗰𝗶𝗱𝗲𝗻𝗰𝗲𝘀 เหตุพ้องจอง - 𝗦𝘆𝗻𝗰𝗵𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰𝗶𝘁𝗶𝗲𝘀★ และประสบการณ์เหมือนเคยเจอมาแล้ว - 𝗱𝗲𝗷𝗮 𝘃𝘂 ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราให้มากๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วมันจะหมายถึงว่า แผนแห่งจิตวิญญาณของคุณกำลังมาบรรจบกับเส้นทางที่ใช่แล้วในการเดินทางตลอดชาติภพนี้
★ 𝗦𝘆𝗻𝗰𝗵𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰𝗶𝘁𝘆 คือทฤษฎีที่คาร์ล ยุง บัญญัติขึ้นเพื่อตอบว่าเหตุประจวบเหมาะ เช่น พอพูดถึงคนนี้ เขาก็บังเอิญโทรฯมา กำลังหาคำตอบบางเรื่องก็เจอป้ายบิลบอร์ดทางด่วนบอกสารที่อยากรู้พอดี ตามด้วยเปิดวิทยุก็เจออีก เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นทฤษฎี “𝗠𝗲𝗮𝗻𝗶𝗻𝗴𝗳𝘂𝗹 𝗖𝗼𝗶𝗻𝗰𝗶𝗱𝗲𝗻𝗰𝗲 – เหตุบังเอิญที่ต้องเกิดเพื่อบอกความหมายสำคัญ” : ผู้แปล
เมื่อไรที่เราจำได้ ไม่ว่าจะจำได้ผ่านความทรงจำของอดีตชาติ ผ่านทางความฝัน หรือประสบการณ์ เดฌาวู-เหตุบังเอิญ-เหตุพ้องจอง หรือไม่ว่าจะจำได้เองโดยธรรมชาติระหว่างช่วงเวลาเปิดจิตวิญญาณหรือพิธีกรรมใดๆก็ตาม แสดงว่าเรากำลังเริ่มต้นเข้าใจมันแล้วครับ
💥 เราเข้าใจได้เมื่อไร
💥 ก็ละวางความกลัวได้เมื่อนั้น
💟 ทันทีที่เราปล่อยความกลัวออกจากใจได้ อุปสรรคขวางไม่ให้รักก็จะหายวับ ความรักจะไหลพรั่งพรูอยู่ภายในเรา อยู่ระหว่างเรา และอยู่ ท่ามกลางเราอย่างแสนเสรี 💟
(มีต่อ)
โฆษณา