Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
26 พ.ย. 2021 เวลา 05:34 • ปรัชญา
"ทุกสิ่งที่เสพ มีผลฝังในใจ ... คุณค่าการสำรวมอินทรีย์"
" ... รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสต่าง ๆ
ที่เราเสพมันแว๊บเดียว
รสชั่วแป๊บเดียวที่มันหายไป
แต่มันว๊าบเข้าไปฝังอยู่ในจิตในใจ
หมักหมมเป็นอาสวะ
เป็นอนุสัยที่นอนเนื่องอยู่ข้างใน
เรียกว่ามันพอกอยู่ข้างในเลย
เวลามาฝึก มาปฏิบัติ มาชำระออก มาเกลาออก
จะรู้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ ชำระออก
แล้วเราจะเริ่มเห็นคุณค่าของการสำรวมอินทรีย์มากขึ้น
...
การที่เราเข้าถึงสภาวะได้ดี
แม้ในขณะเดินเคลื่อนไหว
อันนี้ดีมากเลย
เพราะว่าผลก็คือ มันจะทำให้เราอยู่กับสภาวะ
ได้ต่อเนื่องทั้งวันเลย
สมาธิที่เกิดจากการเคลื่อนไหว
จากการเดิน จะทรงตัวได้ดี
แล้วถ้าพลิกเป็นวิปัสสนาญานในขณะเคลื่อนไหว
เราก็จะเข้าใจอีกสภาวะได้มากนั่นเอง
แล้วผลจากการที่เดินทรงตัวในสภาวะได้ดี
เวลานั่งจะเข้าถึงสภาวะที่ลึกซึ้งได้อีกมาก
การที่เดินจนเข้าถึงระดับความโล่งเบาได้
อันนี้คือจิตจะทรงตัวได้ดีมากเลยนะ
ให้รักษาไว้แล้วเพียรต่อไป
เริ่มรับรู้กระแสธรรมารมณ์ได้แล้วนั่นเอง
เวลาโล่งมาก ๆ มันจะเป็นกระแสผุดขึ้นมา
จิตตสังขารมันก็ผุดตรงนี้เช่นกัน ผุดขึ้นมา
แล้วจะรู้เลยว่า สิ่งที่เราไปเสพไว้ อะไรก็ตามเนี่ย
มันไปฝังในจิตในใจทั้งหมดเลย
ถึงเวลาชำระ ก็ต้องมาชำระกันหมดนั่นเองนะ
มันผุดออกมา
แต่ด้วยความที่เรามีกำลังมีสติดี
เราก็แค่รู้สึกได้ แค่รู้สึกได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่กำลังเราหมดปุ๊บ
เราจะเริ่มไหลเข้าไปกับมันแล้ว
ค่อย ๆ เรียนรู้ไป
แต่ให้รู้เลยว่า เราจะเริ่มเข้าใจเลยว่า
โอ้ สิ่งที่เราเข้าไปเสพนี่มันไม่สูญเปล่านะ
รสที่เราเสพแป๊บนึง
ชั่วแว๊บเดียว ว๊าบแป๊บเดียว มันหายไป
แต่มันเข้าไปฝังอยู่ในจิตในใจของเรา
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสต่าง ๆ
ที่เราเสพมันแว๊บเดียว
รสชั่วแป๊บเดียวที่มันหายไป
แต่มันว๊าบเข้าไปฝังอยู่ในจิตในใจ
หมักหมมเป็นอาสวะ เป็นอนุสัยที่นอนเนื่องอยู่ข้างใน
เรียกว่ามันพอกอยู่ข้างในเลย
เวลามาฝึก มาปฏิบัติ มาชำระออก มาเกลาออก
จะรู้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องค่อย ๆ ชำระออก
แล้วเราจะเริ่มเห็นคุณค่าของการสำรวมอินทรีย์มากขึ้นนั่นเอง
คือไม่ปล่อยใจแล้ว ไม่ไปสัมผัสอะไรมากแล้ว
ผู้ที่ปฏิบัติที่เข้าสู่วิถี
ก็จะเป็นไปเพื่อการหลุดออก คลายออกแล้วล่ะ
ไม่อยากที่จะย้อนกลับไปสัมผัสโลกอีก
เมื่อใดที่อยากจะไปสัมผัสโลกอีก
ก็เหมือนเรื่องที่ยกมา ภิกษุที่ว่าหมุนกลับไปอีก
ออกจากป่าแล้วยังกลับเข้าไปอยู่ในป่าอีกนั่นเองนะ
ออกจากกามคุณอารมณ์แล้วยังเวียนกลับไปอีกเนี่ย
สุดท้ายมันก็จะติดกับดักนั่นเอง
ผู้ที่ถอยออกมาแล้ว
ก็ไม่ค่อยอยากจะถอยกลับไปอีกเลย
เราจะแจ่มแจ้งจุดนั้น
เราต้องบ่มตัวเองให้ได้ที่เลย
ถ้าเราผ่านจุดนั้นได้
เราจะไม่คิดที่จะถอยกลับไปอีกเลย
เพราะว่า วัฏสงสารหรือโลก มันก็แค่นั้นแหละ
มันคือโคลนตม
ถามว่าถ้าโคลนตม หรือ หลุมคูถอยู่ต่อหน้า
เราขึ้นมาแล้ว เราจะลงไปอีกไหม ?
มีใครไหมอยากจะลงไปในหลุมคูถซ้ำอีก ... ไม่มีหรอก
แต่ที่เราจมลงไป
ก็เพราะว่าเรายังไม่ได้ขึ้นมาอย่างแท้จริงไง
เรายังไม่เห็นว่า สิ่งที่เราติดข้องอยู่ในโลกนี้
มันยังเป็นเรื่องของเปลือกตม
มันเป็นเรื่องของหลุมคูถอยู่
มันยังไม่แจ่มแจ้งแก่ใจของเรานั่นเอง
แล้วทำไงจะให้มันแจ่มแจ้งล่ะ
ก็ต้องเพาะบ่มการปฏฺิบัติ
เข้าถึงสิ่งที่ละเอียดประณีต
เพิกสิ่งที่มันเป็นของหยาบออกไปจากใจ
ให้จิตประภัสสรได้ชุ่มด้วยธรรมะอันบริสุทธิ์
ได้เข้าถึงสิ่งที่มันเป็นความวิเวก
เป็นความสงบระงับ
เมื่อเข้าถึงสิ่งที่ประณีตจริง ๆ เนี่ย
ชุ่ม เพาะบ่มได้ที่
เราจะไม่อยากกลับไปจับสิ่งที่มันเป็นของร้อน
ของหนัก ของสกปรกต่าง ๆ ในโลกอีกเลย
นั่นคือ วิธีการนั่นเองนะ ... "
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวพรต กิตฺติวโร
เยี่ยมชม
youtube.com
คุณค่าการสำรวมอินทรีย์ | ธรรมให้รู้•2564 : ตอนที่ 208
Photo by : Unsplash
2 บันทึก
5
2
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คำสอนครูบาอาจารย์
2
5
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย