25 พ.ย. 2021 เวลา 23:00 • นิยาย เรื่องสั้น
ขณะที่ฉันกำลังมองออกไปที่ข้างทางอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ อธิบายไม่ถูก รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบด้านที่เย็นอยู่แล้ว กลับเย็นมากขึ้นกว่าเดิม จนฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว มันเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ มันทำให้ฉันงง ว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกแบบนี้
“ตะวัน มึงรู้สึกแปลกๆ ไหมวะ?” ฉันหันไปถามไอ้ตะวัน ที่กำลังขับรถอยู่ทันที
“ก็ไม่นะ ปกตินี่”
“มึงไม่รู้สึกว่าอากาศมันเย็นขึ้นเหรอวะ! เย็นจนขนลุกอะ!” ฉันถามกลับไปอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกแบบนี้คนเดียว
“ก็เย็นขึ้นนะ กูก็ขนลุก ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…แต่มึงเคยบอกเองนี่หว่า ว่าอากาศมันจะเย็นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันก็น่าจะเริ่มเย็นขึ้นแล้วรึเปล่า” ไอ้ตะวันพูดขึ้น แล้วหันมามองหน้าฉัน และมองเลยไปที่กระจกรถด้านที่นั่งข้างคนขับ เพื่อมองออกไปด้านนอก
สักพัก...มันก็เบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ เหมือนมันจะเห็นอะไรบางอย่าง จนขับรถเป๋ไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะได้สติกลับคืนมา แล้วรีบหันหน้ากลับไปที่เดิมทันที มันทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้นี้ มันไม่ได้เห็นอะไรหรือมีอะไรเกิดขึ้นเลย
“กูว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยว่ะ กูรู้สึกแปลกๆ มันเย็นแปลกๆ จริงๆ นะเว้ย!! แล้วเมื่อกี้กูเห็นนะ! ว่ามึงตกใจ! เมื่อกี้มึงเห็นอะไรนอกกระจกรถข้างๆ กูใช่ไหม!?” ฉันพูดจบก็รีบหันไปมองทางซ้ายที่กระจกรถด้านข้างตัวเอง มองออกไปด้านนอกทันที แต่ว่าพอมองออกไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย นอกจากความมืดมิดและบรรยากาศรอบด้านที่เหมือนเดิม
“แฮ่!!...แฮ่!!…โฮ่ง!! โฮ่งงง โฮ่งงงง” แต่ขณะที่ฉันกำลังใช้ไฟฉายส่องมองออกไปข้างนอก เพื่อหาความผิดปกติอยู่นั้น อยู่ดีๆ เจ้านมสดที่กำลังนอนหมอบอยู่บนเบาะรถด้านหลัง ก็ลุกขึ้นมามองไปที่กระจกรถฝั่งฉัน แล้วส่งเสียงขู่ออกมา เหมือนมันเห็นอะไรบางอย่าง ก่อนที่มันจะเห่าออกมาชุดใหญ่
“กูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ!! มึงก็หันไปดูแล้วนี่ ก็ไม่เห็นอะไรไม่ใช่เหรอ…ส่วนมึงไอ้นมสด!! หยุดเห่าได้แล้ว เสียงมันดังน่ารำคาญ กูไม่มีสมาธิขับรถเว้ย” ไอ้ตะวันพูดตอบฉันออกมาทันที ด้วยท่าทางที่ร้อนรน แต่มันกลับไม่ยอมหันมามองหน้าฉันอย่างเคย มันเอาแต่มองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ก่อนที่มันจะพูดเสียงดังใส่เจ้านมสด เพราะเจ้านมสดมันเห่าออกมาเสียงดังไม่ยอมหยุด
“โฮ่ง!! โฮ่งงง...หงิง หงิงงง…” เหมือนเจ้านมสดมันจะฟังรู้เรื่อง มันหันมาเห่าประท้วงไอ้ตะวันออกมาสองรอบ ก่อนที่มันจะหันกลับไปมองที่กระจกรถฝั่งฉันอีกครั้ง แล้วหันหน้าหนี มันหมอบตัวลงไปนอนเหมือนเดิม ด้วยความสั่นกลัว แต่คราวนี้มันกลับหันตูดมาทางฉัน ก่อนที่มันจะร้องครางเสียงเศร้าสร้อยออกมา
ฉันมองไปที่ไอ้ตะวันกับเจ้านมสดด้วยความไม่เข้าใจ ว่าพวกมันเป็นอะไรกันแน่ ฉันว่าพวกมันต้องเห็นอะไร ถึงได้มีท่าทางแปลกๆ แบบนี้ แต่ถ้าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี งั้นฉันคงต้องหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วละ
ฉันมองออกไปด้านนอกกระจกรถฝั่งตัวเอง มองดูทิวทัศน์ต่างๆ ภายใต้ความมืดมิดที่พวกเราขับรถผ่านไปเรื่อยๆ ด้วยความเบื่อหน่าย พวกเราขับรถออกมาอยู่อย่างนี้มาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เห็นวี่แวว หรือสิ่งเร้าอะไรที่จะมาบอกทางให้ฉันสามารถไปต่อได้เลย นอกจากขับรถตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย
“เฮ้อออออ” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างปลงตก กำลังคิดหาทางออกให้กับตัวเองว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี
ขณะที่กำลังนั่งเหม่อลอย ใช้ความคิดกับตัวเองอยู่นั้น อยู่ดีๆ ก็เห็นอะไรขาวๆ ผ่านตาไปไวๆ อยู่ข้างทาง ตอนที่พวกเราขับรถผ่านมา จนฉันต้องรีบเหลียวหลังกลับไปมอง แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่เห็นว่ามีอะไร ฉันหันหน้ากลับมาอย่างงงๆ ว่าเมื่อกี้มันคืออะไรวะ ได้แต่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกาหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจ หรือเมื่อกี้ฉันตาฝาด….
แต่ยังคิดไม่ทันจบดี พอเงยหน้าขึ้นมามองที่ข้างทางอีกที ก็เห็นผ่านไปเร็วๆ อีกแล้ว แต่พอฉันหันหลังกลับไปมองเหมือนเดิม ก็ไม่เห็นอีกตามเคย คราวนี้ฉันเลยตั้งใจหันหน้ากลับมามองข้างทางอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันจ้องไปที่ข้างถนนอย่างเพ่งเล็งไม่กะพริบตาเลย ยังไงรอบนี้ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร
“มึงมองหาอะไรอยู่วะราตรี กูว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าหาเลย มึงเอาเวลาที่มองหาอะไรก็ไม่รู้ มานั่งคิดดีกว่าว่ามึงจะไปไหนต่อดี ไม่ใช่ให้กูขับรถตรงไปข้างหน้าแบบไร้จุดหมายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ”
“ก่อนหน้านี้มึงเห็นอะไรใช่ไหม!? ” ฉันหันไปถามไอ้ตะวันอย่างคาดคั้นในคำตอบ
“หึ! กูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ” ไอ้ตะวันยังคงตอบคำเดิม แต่ไม่ยอมหันมามองหน้าฉันอยู่ดี
“กูว่ามึงเห็น!! แต่มึงไม่ยอมบอก ได้!!...ไม่บอกก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูหาคำตอบเอง” ว่าจบ ฉันก็หันกลับไปมองที่ถนนข้างทางต่อทันที
“กูไม่เห็นจริงๆ มึงเลิกหาเถอะ เชื่อกู!! กูขอร้อง!!” ไอ้ตะวันพูดออกมาเสียงสั่นๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ ตายังคงจับจ้องไปที่ข้างถนนเหมือนเดิม “กูบอกมึงแล้วนะ”
ขณะที่สายตาของฉันกำลังจับจ้องไปที่ข้างทางอยู่นั้น อยู่ดีๆ ฉันก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอสวมใส่ชุดเดรสสีขาวแขนยาว เนื้อตัวมอมแมม กระโปรงยาวไปถึงตาตุ่ม มีผมสีดำสนิทยาวไปถึงกลางหลัง เผ้าผมพันกันยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และปิดหน้าปิดตา จนมองไม่เห็นใบหน้า เท้าไม่มี ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างทาง ถึงมองไม่เห็นใบหน้าแต่ฉันก็สัมผัสได้ว่า ตอนนี้เธอกำลังจ้องมองมาที่รถของพวกเราที่ขับผ่านเธอไป ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก
ฉันที่ได้รู้และได้เห็นภาพตรงหน้าชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ก็ถึงกับสะดุ้งตกใจขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว แต่ยังไม่ทันได้คิดต่อหรือตั้งตัวอะไร หญิงสาวคนนั้นก็ปรากฏตัวที่ข้างถนนอีกครั้ง และอีกครั้ง เธอปรากฏตัวถี่มากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันคิดว่ามันเริ่มจะไม่ใช่และ แล้วคงไม่ใช่แค่ฉันหรอกที่รู้ตัวแล้วว่าเธอนั้นมองเห็นฉัน แต่เธอเองก็คงรู้ตัวแล้วเช่นกัน ว่าฉันนั้นก็มองเห็นเธอเหมือนกัน เธอถึงได้แสดงออกมาแบบนี้
“ฉิบหายละ!!!” ฉันอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะหันไปมองที่ไอ้ตะวันแล้วถามขึ้น “มึงเห็นใช่ไหม!!!” ไอ้ตะวันที่ได้ยินไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นอกจากส่ายหน้าปฏิเสธฉันออกมารัวๆ
ฉันหันกลับไปมองที่กระจกรถข้างฉันอีกครั้ง ก็เห็นผีตนนั้น ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไปตรงที่ เธอปรากฏตัวอยู่ข้างถนนไกลๆ และค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากข้างถนน ขยับขึ้นมาอยู่บนถนน จนมาอยู่ตรงกลางเลนถนนทางรถที่พวกเรากำลังจะขับผ่านไป พอรถของพวกเราขับไปถึงตรงที่เธอยืนอยู่ เธอก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ข้างกระจกรถฝั่งฉันทันที เราจ้องมองกันผ่านเส้นผมสีดำสนิท ที่พันกันยุ่งเหยิงปิดหน้าปิดตา จนมองไม่เห็นใบหน้า แว็บหนึ่งฉันเห็นดวงตาของเธอถลนโผล่ออกมาจากเส้นผมพวกนั้น
“กรี๊ดดดดดดด...ฉิบหายของจริงละทีนี้!!! ตะวันนนน มึงเหยียบคันเร่งให้มิดไปเลยค่าาาาา” ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และรีบพูดออกไปทันที เมื่อเห็นอีผีตนนั้นอยู่ที่ข้างประตูรถติดกระจกในระยะประชิด
“โฮ่งๆๆๆ โฮ่งงง หงิง หงิง บรู๊วววว” ทั้งคนทั้งหมาตอนนี้สติแตกกลัวกันจนวุ่นวายไปหมด
ไอ้ตะวันที่ได้ยินที่ฉันพูด มันก็จัดให้ตามคำขอ เหยียบคันเร่งจนมิด ขับรถพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไว ซิ่งจริงๆ น้องกู นี่ขนาดมันบอกว่ามันไม่เห็นนะเนี่ย ถ้ามันเห็นจะขนาดไหน
“เฮ้ออออ…พ้นแล้วมั้ง” ฉันมองไปที่ข้างรถ ด้านหน้า ด้านหลัง และข้างทางอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก แล้วจะพูดขึ้น
“สรุป...เมื่อกี้มึงเห็นใช่ไหม!!!” ฉันหันไปถามไอ้ตะวัน มันที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ
“ผลัวะ!!!..” ฉันโบกหัวมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ มันหันมามองหน้าฉันตาเขียวปั้ด แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบหัวปอยๆ พร้อมกับบ่นพึมพำออกมา แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ รีบหันไปเล่นงานเจ้านมสดต่อ
“นมสด!! ไม่ต้องมาหันหน้าหนีเลยนะ... มันน่านัก!! แหมมม...พอไอ้ตะวันมันดุเข้าหน่อย ก็ตีเนียนตามมันเชียวนะ ตกลงใครเป็นคนเอาแกมาเลี้ยงกันแน่วะ ไม่ช่วยฉันเลย ถึงว่าทำไมถึงได้หันตูดให้”
“โฮ่งงง โฮ่งง หาวว” เจ้านมสดตอบรับทันที พร้อมกับหางที่ลู่ลง มันหาวออกมาหวอดๆ แล้วหมอบนอนลง หันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เออ...เอากับมันสิ
“เออ...ว่าแต่มึงว่ามันแปลกๆ ไหมวะ ปกติมึงไม่เห็นผีนี่หว่า แล้วทำไมครั้งนี้มึงถึงเห็นได้ล่ะ…แต่จะว่าไปมึงก็เห็นตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วนี่ เฮ้ย!? ...ทำไมมึงถึงเห็นผีได้วะ” ฉันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ในเซนส์ของไอ้ตะวัน ที่เริ่มเปลี่ยนไป
“กูก็ไม่รู้!! และกูก็ไม่ได้อยากจะเห็นด้วย!! มึงอย่าทักได้ไหม!! กูอุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะ เดี๋ยวมันก็ตามเข้ามาในรถหรอก” ไอ้ตะวันพูดเสียงสั่นๆ
“มันไม่ตามมาแล้วมั้ง มันเข้ามาในรถไม่ได้หรอก ในรถเรามีแม่ย่านาง ถ้าเราไม่อนุญาต ไม่ว่าผีตนไหนก็เข้ามาไม่ได้หรอก” พอฉันพูดจบ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา
ฉันสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ แต่ฉันมองไม่เห็น ถึงแม้ว่าฉันจะมีสัมผัสที่หก ที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ แต่ก็ใช่ว่าฉันจะมองเห็นได้ตลอดเวลา บางทีฉันก็มองไม่เห็น ยิ่งถ้าเป็นวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันมองเห็น ฉันก็ไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ ทำได้แค่เพียงรู้สึกหรือรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเท่านั้นเอง
“จึกกกก…เหี้ยยย ซวยแล้ว!!!”.......
อ่านต่อเพิ่มเติม <มหาภัยพิบัติ7วันล้างโลก>
📍ตอนที่ ๒๒ สาวข้างถนน📍 ได้ที่เว็บไซด์👇🏻👇🏻👇🏻
ReadAWrite รี้ดอะไร้ต์ 👉🏻 https://www.readawrite.com/c/2c061f1ce93bc597a129849e569d5e03
Fictionlog ฟิกชั่นล็อก 👉🏻 https://fictionlog.co/c/6198fdb24d4ff0001c8f7f50
📌ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะคะ 😘 ปล่อยให้อ่านฟรีทุกวันอังคาร และวันศุกร์ และจะกลับมาติดเหรียญเหมือนเดิม หลังจากวันนั้นในอีกสามวันข้างหน้า ไปตามอ่านได้ตามเว็บไซด์ที่ได้แจ้งไว้ด้านบนเลยนะคะ
อ่านแล้วเป็นยังไงมาพูดคุยกันได้นะจ๊ะ 🥰 และติดตามเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก 👉🏻 https://www.facebook.com/pkm.tongchan
#มหาภัยพิบัติ7วันล้างโลก
#กัมปนาทต้องจันทร์
#pkmtongchan

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา