29 พ.ย. 2021 เวลา 03:53 • หนังสือ
✴️ บทที่ 6️⃣ ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิต ✴️ (ตอนที่ 3)
▪️การจำได้ : กุญแจดอกสำคัญเปิดความสุขสู่ชีวิต▪️
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
การมาอยู่ในรูปสังขารเป็นเรื่องผิดแปลก เมื่อเจ้าอยู่ในสภาวะจิตวิญญาณสิเจ้าจึงจะเป็นธรรมชาติ เมื่อเราถูกส่งกลับไปเกิด ดุจดังการถูกส่งกลับไปหาสิ่งที่เราไม่รู้จักกระนั้น มันต้องใช้เวลานานกว่าเดิมสำหรับเรา ในโลกวิญญาณเจ้าจำต้องรอ แล้วเจ้าจะได้รับการคืนพลัง นี่คือสภาวะของการชุบชีวิตใหม่ เป็นอีกหนึ่งมิติเฉกเช่นมิติอื่นๆ อย่างไรเล่าเราทุกรูปนามล้วนเป็นวิญญาณ...เราบางคนเป็นวิญญาณที่อยู่ในสภาวะกายเนื้อแล้ว และบางคนก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการชุบชีวิต ส่วนเราคนอื่นๆ ไปเป็นเทวดาคุ้มครองมนุษย์ (𝗴𝘂𝗮𝗿𝗱𝗶𝗮𝗻 𝗮𝗻𝗴𝗲𝗹) ทว่าเราล้วนต้องไปอยู่ ณ จุดนั้นทุกคน เราต่างเคยเป็นเทวดาประจำตัวมนุษย์มาแล้วทั้งสิ้น
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
🌟 การที่เราจำได้ว่าเราเองคือดวงวิญญาณที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย และดำรงอยู่ท่ามกลางห้วงมหรรณพแห่งพลังงานอันยิ่งใหญ่ไพศาล คือกุญแจไขสู่ความสุขและความปีติเปี่ยมล้นโดยแท้
ในห้วงมหรรณพแห่งพลังงานนี้ มีเหล่าดวงวิญญาณที่คอยช่วยเหลือเรา ด้วยการช่วยผลักดันให้เราก้าวเดินไปบนมรรคาแห่งชะตาลิขิตตลอดเส้นทาง มรรคานี้คือการออกเดินทางสู่การวิวัฒน์ตัวเองให้ไปถึงจิตแห่งพระเจ้า★ เราไม่ต้องไปวิ่งแข่งกับดวงวิญญาณอื่นเขาเลยครับ เรามีเส้นทางเดินของเรา เขาก็มีเส้นทางเดินของเขา ไม่มีการแข่งขันเอาชนะทั้งสิ้น มีแต่การเดินทางไปเป็นกลุ่มก้อนอย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน พากันไปสู่แสงสว่างแห่งการรู้แจ้ง ดวงวิญญาณที่ก้าวหน้ามากกว่าหรือวิวัฒน์สูงกว่าคนอื่นจะหันกลับมาช่วยเพื่อนที่รั้งท้ายอยู่ด้วยความรักและเมตตายิ่ง วิญญาณดวงสุดท้ายที่ไปถึงเส้นชัยของการเดินทางไม่ได้มีคุณค่าน้อยไปกว่าคนที่แตะเส้นชัยเป็นคนแรกเลยครับ
★ 𝗚𝗼𝗱-𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝗻𝗲𝘀𝘀 จิตแห่งพระเจ้า เป็นจิตเดียวกับจิตพุทธะหรือโพธิจิตในศาสนาพุทธนั่นเอง เราอาจเรียกว่าเป็น 𝗕𝘂𝗱𝗱𝗵𝗮-𝗖𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀 ก็ได้ คือภาวะจิตอันตื่นรู้ เบิกบาน เปี่ยมด้วยความรักและเมตตากรุณา จิตซึ่งหลุดพ้นจากความมืดและมิจฉาทิฐิไปสู่ความสว่างและความรัก : ผู้แปล
ปัญหาเดียวที่เราต้องเจอเมื่ออยู่ในโรงเรียนที่ชื่อว่าโลกมนุษย์นี้ก็คือ พออยู่บนโลกแล้วมันยากเย็นเหลือเกินกว่าจะจำได้ว่าเราคือดวงวิญญาณไม่ใช่แค่สังขารกายเนื้อ เราโดนภาพลวงตาและการหลอกตัวเองของโลกสามมิติมาบังตาจนหมดสิ้น เราโดนสอนมาว่า เงิน อำนาจ ตำแหน่ง วัตถุเงินทอง รวมทั้งการสะสมวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่มีเนื้อหนังจับต้องได้เพื่อความสุขความสบายนั้นมันสำคัญหนักหนาจนกลายเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตเราไปเลย เราถูกเสี้ยมสอนมาว่าถ้าเราทำให้คนอื่นชอบเรา หรือนับถือเราได้นั่นแหละถึงจะมีความสุข การอยู่คนเดียวนั้นเขาบอกเราว่า...มันน่าสังเวชนัก
🛑 ความจริงแท้คือ เราคือผู้เป็นอมตะ เป็นผู้ที่ไม่มีวันตายและไม่มีวันถูกพรากจากคนที่เรารักเลย เราต่างมีคู่แท้และครอบครัวร่วมดวงวิญญาณตลอดชั่วกัลปาวสานกันทุกคน เรามีดวงวิญญาณผู้พิทักษ์คอยรักเราและชี้ทางให้เราตลอดนิรันดร์กาล เราไม่ได้เดียวดายในโลกนี้ 🛑
เราไม่อาจเอา “วัตถุ” ใดๆ ติดตัวเราไปได้เลยเมื่อถึงวันตาย สิ่งที่ติดตัวเราไปได้คือการกระทำว่าเราเคยประพฤติตัวอย่างไร เคยทำอะไรไว้บ้างเท่านั้น การกระทำคือผลพวงอันเกิดจากภูมิปัญญาแห่งหัวใจเรานั่นเอง
เมื่อไหร่ที่เราปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมารับรู้ว่าเราคือจิตวิญญาณด้วยกันหมดทั้งหลายทั้งสิ้น เมื่อนั้นคุณค่าในตัวเราจะยกระดับขึ้น กลายเป็นคนมีความปีติ สุขสงบใจขึ้นมาทันที เพราะจะแตกต่างกันตรงไหนอีกเล่าถ้าคุณรวยล้นฟ้าแล้วผมไม่รวยอย่างคุณ❓ ด้วยว่าทรัพย์สมบัติทางจิตวิญญาณเท่านั้นที่อยู่กับเราจริงๆ
ต่างกันด้วยหรือถ้าคุณโด่งดังมีบารมีคับโลกแต่ผมคนเดินดินธรรมดา❓ ด้วยว่ารากของความสุขแท้มิได้งอกงามจากอำนาจหรือความดัง หากแต่งอกงามจากความรักเท่านั้น ต่างกันมากเลยหรือที่คุณมีคนชื่นชมนับหน้าถือตามากมายกว่าผม❓ ด้วยว่าผมอาจจะขอเป็นคนกล้าพอก็ได้ ที่จะอยู่บนความจริงและพูดความจริง ซึ่งก็รู้ว่าความจริงนี่นะคนเขาไม่ค่อยชอบกันหรอก ความสุขแท้เกิดจากภายในไม่ใช่จากภายนอกหรอกครับ และไม่ใช่จากภาพสะท้อนว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณด้วย การอิจฉาผู้อื่นรังแต่เป็นยาพิษกัดกร่อนดวงวิญญาณของคุณโดยแท้
💥 ด้วยเหตุนี้เอง จุดหมายของเราก็คือจงจำให้ได้ จงตื่นขึ้นมาให้ได้ บางทีหนึ่งเรื่องราวหรือหนึ่งย่อหน้าใน “ความหมายของการมีชีวิต” เล่มนี้อาจช่วยปลุกเร้าความทรงจำของคุณ ช่วยกระตุ้นให้คุณตื่น ช่วยยกระดับจิตสำนึกของคุณบ้างก็ได้ เป็นอย่างที่คารมอันลือลั่นที่คลินต์ อีสต์วูดพูดไว้ในหนังว่า “𝗺𝗮𝗸𝗲 𝗺𝘆 𝗱𝗮𝘆–ทำผมมีความสุขจริงๆ”
เหตุผลเดียวที่คนส่วนใหญ่จำอดีตชาติเองไม่ได้อาจเนื่องเพราะการต้องมาเรียนรู้บทเรียนผ่านการเป็นคนคือข้อสอบภาคปฏิบัติสำหรับเรานั่นเอง จึงต้องแน่ใจว่าความรู้จากจิตวิญญาณที่ได้รับมันฝังจำเข้าไปในเลือดในกระดูกทุกอณูเนื้อในตัวเราจริงๆ
ถ้าหากเราเป็นคนยึดหลักอหิงสา–ไม่ทำร้ายไม่เบียดเบียนเพียงเพราะว่าเราเกิดจำชาติที่แล้วอันโหดเหี้ยมทารุณได้เสียก่อน จนเรากลัวผลที่เกิดตามมาหลังจากประพฤติรอยเดิมแบบนั้น อย่างนี้ก็ถือว่าปิดโอกาสไม่ให้เราได้เรียนรู้บทเรียนของตัวเองครบถ้วนหมดจดจริง เราจะได้ชื่อว่าเรียนรู้บทเรียนได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเรายึดหลักอหิงสาก็เพราะเรารู้ลึกลงไปถึงขั้วหัวใจดีแล้วว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องผิดมหันต์
ส่วนตัวผมเองไม่เชื่อว่าฟ้าลิขิตมนุษย์มาให้ไม่รู้อดีตชาติ การสะกดจิตจะทำให้การระลึกชาติง่ายขึ้น บทเรียนถูกรื้อฟื้นและจำได้จากมุมมองปัญหาที่สูงกว่าเดิม อาการของโรคทุเลาลง ความเข้าใจที่ลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณเกิดเร็วขึ้นอย่างน่าตื่นใจ
ประสบการณ์ของแนนซี่อธิบายกระบวนการนี้ได้เป็นอย่างดีครับ
(มีต่อ)
โฆษณา