30 พ.ย. 2021 เวลา 13:17 • การศึกษา

ชีวิตเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

คำพยานของ ผศ. นพ. พิสิฏฐ์ สัณฑ์พิทักษ์
ถ้าจะถามว่า “มด” ตัวเล็ก ๆ กับ “เครื่องบิน” ลำใหญ่ ๆ ที่บินอยู่บนท้องฟ้านั้น อย่างไหนสร้างยากกว่ากัน?...
คำตอบก็คือมดอย่างแน่นอน เพราะว่ามดมันมีชีวิตและสามารถสืบพันธุ์ได้...
และถ้ามีคนๆ หนึ่งพยายามที่จะหาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาอธิบายให้คุณเชื่อว่า เครื่องบินมันเกิดขึ้นเองโดยไม่มีคนสร้าง อยู่ดี ๆ มันก็โผล่ออกมาเป็นเครื่องบินเลย รับรองว่าคุณจะไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด!
เพราะคุณรู้ดีว่าเครื่องบินจะต้องมีคนสร้างขึ้น แต่ต้องมีคนสร้างขึ้นมา แล้วมดตัวเล็ก ๆ ที่สร้างยากกว่าเครื่องบินนี่ละ! มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? ดังนั้นมันจะต้องมีผู้ที่สร้างมันขึ้นมาอย่างแน่นอน... คุณเห็นหรือยังล่ะว่าจักรวาลนี้จะต้องมีพระเจ้าจริง ๆ
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างมด และนอกจากมดแล้ว พระองค์ยังได้ทรงสร้างพืช สัตว์ต่าง ๆ ทะเลอันสวยงาม ภูเขาอันสูงใหญ่ ท้องฟ้าอันกว้างไกล ดวงอาทิตย์ ดวงดาว จักรวาล รวมทั้งมนุษย..
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการทรงสร้างของพระองค์ก็คือ “มนุษย์” นั่นเอง... และหลังจากพระเจ้าที่ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาแล้วพระองค์ก็ปรารถนาให้มนุษย์ดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่พระองค์ทรงกำหนดให้
เพื่อมนุษย์จะไม่ต้องเผชิญกับความตาย และไม่ต้องรับการลงโทษแต่พระองค์ก็ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกหรือตัดสินใจได้เอง แต่น่าเศร้าใจที่มนุษย์กลับปฏิเสธพระเจ้าไม่เชื่อฟังพระองค์ และได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำอยู่เสมอ ๆ ซึ่งนั่นก็คือความผิดบาป
ดังนั้นหลังจากที่มนุษย์จากโลกนี้ไปแล้ว เขาก็จะต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เขาได้กระทำไปในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ซึ่งก็คือจะต้องมีคำถามว่า
“พระเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพิพากษามนุษย์ด้วยล่ะ?”....
คำตอบก็คือ... ถ้าหากพระเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราพระองค์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเรา พระองค์ก็ดำเนินไปตามทางของพระองค์ เราก็ไปตามทางของเราและพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องมาดูแลหรือพิพากษาพวกเรา... แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น... เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ทุกคนขึ้นมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์จึงทรงมีสิทธิ์ที่จะพิพากษามนุษย์... เหมือนกับว่าถ้าเราเป็นเจ้าของโรงงานวิทยุ เมื่อเราสร้างวิทยุขึ้นมา เราก็มีมาตรฐานในการสร้างวิทยุให้ได้ตามที่เราต้องการและตามความพอใจของเรา
แต่ถ้าวิทยุเครื่องไหนมันไม่ได้ตามมาตรฐานที่เรากำหนดไว้ เราก็มีสิทธิ์ที่จะ “ซ่อมแซม” หรือ “ทำลาย” มันได้อย่างแน่นอน... ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเราก็เป็นเหมือนเช่นนี้แหละ พวกเราที่เป็นมนุษย์ได้ทำความผิดบาปต่อพระเจ้าทั้งทางตรงและทางอ้อมคือ เราไม่ได้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่พระองค์ได้ทรงวางกำหนดไว้...เมื่อเป็นเช่นนั้น.. พระองค์จะไม่มีสิทธิ์พิพากษาพวกเราหรือ?...
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บอกว่า... ไม่มีมนุษย์คนไหนจะสามารถช่วยตนเองหรือหาวิธีใด ๆ ที่จะช่วยเขาให้รอดจากการพิพากษาของพระเจ้าได้
และการพิพากษาของพระเจ้าก็ยุติธรรม นั่นก็คือมนุษย์ใช้ร่างกายทำบาปจึงต้องใช้ร่างกายรับโทษบาปในนรก... แต่เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์จึงไม่อยากให้มนุษย์ต้องพบกับความพินาศเลย พระองค์จึงได้ส่งพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ก็เพื่อจะใช้ร่างกายของพระเยซูคริสต์รับการลงโทษบาปแทนมนุษย์บนไม้กางเขน...
ดังนั้น.. หากผู้ใดที่หันกลับมาหาพระเจ้า ยอมสารภาพความผิดบาปต่อพระองค์ และทูลขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ พระองค์ก็จะอภัยโทษความบาปและรับโทษความผิดบาปแทนเขา และเมื่อวันหนึ่งที่เขาจากโลกนี้ไป เขาก็จะไม่ต้องพบกับการพิพากษาอีกต่อไป แต่จะได้อยู่บนสวรรค์กับพระเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์...
ต่อไปนี้เป็นคำพยานของนายแพทย์ท่านหนึ่ง... ซึ่งท่านได้สัมผัสถึงความจริงแห่งการสร้างของพระเจ้า และได้รับการอภัยโทษบาปจากพระเยซูคริสต์ในชีวิตของท่าน....
คำพยานของ ผศ. นพ. พิสิฏฐ์ สัณฑ์พิทักษ์
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน... แต่ก่อนผมไม่ใช่คนที่เชื่อในพระเจ้าซงึ่ ก็คือ ไม่ได้เป็นคริสเตียน โอกาสแรกที่ผมได้ไปสัมผัสกับศาสนาคริสต์ก็คือช่วงคริสต์มาส ตอนนั้นผมอายุ 5 ขวบ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนผดุงดรุณี ซึ่งเป็นสาขาของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนในปัจจุบัน...
เพลงแรก ๆ ที่ผมได้ฟังซึ่งทำให้ผมได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าก็คือเพลง “JOY TO THE WORLD THE LORD HASCOME” ผมเองก็ร้องด้วย เห็นว่าฟังแล้วเพราะดี... ในเวลานั้นผมคิดว่า ไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาคริสต์หรือศาสนาอื่น ๆ ก็เหมือนกันทั้งหมด คือสอนให้เราปฏิบัติตนเป็นคนดี..
.ผมเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะและสนิทกันมาก เป็นคริสเตียนก็มีหรือศาสนาอื่น ๆ ก็มี ถึงแม้จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป แต่เราต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน... เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ผมมีโอกาสไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าวิถีชีวิตเป็นอย่างไรทำให้ผมไปมีความผูกพันกับครอบครัวคริสเตียนอีก
หลังจากนั้นผมก็ไม่ยังได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นไปกันทั้งครอบครัว และต้องหาที่พักซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย UNIVERSITY OF ILLNOIS, MEDICAL CENTER ผมได้ที่พักในราคาที่ย่อมเยาซึ่งเป็นที่พักอยู่ชั้นบนของโบสถ์เอพิสคอเบิลที่ซิคาโกที่เล่าประวัติให้ฟังนี้ ก็เพื่อจะให้เห็นถึงโอกาสที่ได้มีชีวิตผูกพันกับคริสเตียน..
.ตลอดช่วงเวลาที่ผมเติบโตขึ้นมามีความคิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต และตามที่ผมเชื่ออยู่เวลานั้นก็สอนว่าชีวิตนั้นเป็นทุกข์ การที่ชีวิตเกิดมาหรือเป็นอย่างไรในโลกนี้ นั้นก็เพราะมีกรรมหรืออดีตชาติมาเป็นสิ่งที่ปรุงแต่ง
เนื่องจากว่าผมทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ในตอนแรกเป็นสูติแพทย์ซึ่งก็เกี่ยวกับการเกิด แต่ในตอนหลังได้เปลี่ยนแนวทางไปในทางพยาธิวิทยา ซึ่งนอกจากการตรวจชิ้นเนื้อแล้ว ยังเกี่ยวกับการตรวจสอบร่างกายของผู้ที่ตายไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้นในชีวิตของการแพทย์จะเห็นตั้งแต่การเกิดจนถึงการตาย
ผมมักจะสงสัยว่าทำไมเด็กเกิดมาก็ร้องอุแว! ในทันทีก็มีชีวิตขึ้นมาพอคนเจ็บป่วยจนหมดลมหายใจ ความรู้สึกต่าง ๆ ก็สูญไปหมด เพราะฉะนั้นในชีวิตของการเป็นแพทย์ความคิดเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณจึงมีมาก ทำให้ต้องศึกษาหลักการทางศาสนาหรือหนังสืออื่น ๆเพื่อที่จะให้คำตอบแก่ตนเองได้
ชีวิตเกิดขึ้นเองได้จริงหรือ?
เริ่มตั้งแต่มนุษย์มีความฉลาดขึ้นมาก็มีความคิดสงสัยว่าชีวิตนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?... เกิดขึ้นมาเองหรือว่ามีใครเป็นผู้สร้างขึ้น?.... จากการที่ผมได้ศึกษาในวงการแพทย์ ทำให้ผมได้ค้นพบความมหัศจรรย์ต่าง ๆ มากมายของชีวิต
ไม่ว่าเกี่ยวกับประสาทสัมผัสต่าง ๆ ที่ส่งไปยังสมองให้ตีความหมายออกมาได้... ความมหัศจรรย์ของการได้ยิน ส่วนประกอบต่าง ๆ ในการรับฟัง ตั้งแต่ใบหูไปจนถึงกระดูกชิ้นต่าง ๆ ที่ประกอบกัน ทำให้เราสามารถรับรู้ถึงเสียงไพเราะของเพลงและเสียงธรรมชาติต่าง ๆได้ ซึ่งทำให้ผมคิดว่าชีวิตอันมหัศจรรย์นี้มันจะเกิดขึ้นเองได้จริงหรือ?...
ตามหลักวิทยาศาสตร์เองก็สอนว่า ชีวิตนั้นเกิดจากสารออแกนิคและสารเคมีต่าง ๆ เกิดรวมตัวกันด้วยสัดส่วนที่เหมาะสมในตอนแรกเริ่มมีกัมมันตภาพรังสีสูง ก่อให้เกิดประจุขึ้นมาทำให้เกิดการรวมตัวขึ้นมาเป็นอะมิโนแอสิด หรือโปรตีนที่เป็นหน่วยย่อยของ DNA RNA
ที่จะเป็นทฤษฎีของวิวัฒนาการในหลายล้านปี... แต่เวลานั้นผมก็มีความสงสัยว่า ตามที่นักวิทยาศาสตร์บางคน (ไม่ใช่ทุกคน) อธิบายเช่นนี้ สามารถอธิบายต้นกำเนิดของชีวิตได้จริงหรือ?....
มีบางคนถามผมว่าเพราะเหตุไรจึงเปลี่ยนเป็นคริสเตียน?
นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่ผมได้สัมผัสกับศาสนาคริสเตียนจนกระทั่งอายุ 56 ปี ผมก็มีความพิศวงในสิ่งซึ่งเกี่ยวกับประสาทสัมผัสของมนุษย์ซึ่งผมไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้จากทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน
นอกจากนั้นแล้วยังมีความมหัศจรรย์ของร่างกายมนุษย์ในทุก ๆ ส่วน นั่นยิ่งทำให้ผมเชื่อว่าชีวิตไม่น่าจะเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญหรือเกิดขึ้นเองโดยปราศจากการออกแบบ แต่จะต้องได้รับการสร้างขึ้นจากผู้ที่มีสติปัญญาอันล้ำเลิศอย่างแน่นอน....
ชีวิตที่หันกลับมาหาพระเจ้า
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นับว่าผมเป็นคนที่เจออะไรดี ๆ มาตลอด อยู่ในครอบครัวที่ดีไม่มีความทุกข์อะไรมากมายชีวิตก่อนที่จะมาเป็นคริสเตียนก็มีความสุขดี
เพราะฉะนั้นในประสบการณ์ของผมการที่ผมเปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนไม่ใช่เพราะชีวิตนั้นมันทุกข์เหลือเกิน สำหรับผมก็รู้สึกว่ามีความสุขอยู่แล้ว ผมเพียงแต่อยากจะค้นหาความจริงของชีวิตว่าชีวิตนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และผมก็ได้ทราบแล้วว่าชีวิตนี้เกิดขึ้นไม่ได้โดยบังเอิญ แต่มีพระเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมา
พระคริสตธรรมคัมภีร์บอกว่า...
มนุษย์เรานั้นมีความจำกัดในเรื่องสถานที่ ปัญญาและเวลา... ชีวิตคนเราอยู่ในโลกนี้มันสั้นนัก
เราไม่มีทางที่จะพิสูจน์จนแจ่มแจ้งก่อนจึงจะเชื่อว่าโลกนี้มีพระเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้น แต่เราต้องอาศัยความเชื่อเท่านั้น ซึ่งความเชื่อที่ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างทุกสิ่งนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่งมงายเลย... ในที่สุดไม่เพียงแต่ผมเชื่ออีกว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งเท่านั้น
แต่ผมยังเชื่ออีกว่าพระองค์ได้ทรงประทานองค์พระเยซูคริสต์มารับโทษความผิดบาปแทนผมและมวลมนุษย์... ส่วนเรื่องที่ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าที่มารับสภาพในร่างกายของมนุษย์จริงหรือ?...
การที่จะเชื่อในเรื่องนี้ได้นั้น ก็ต้องอาศัยหลักตรรกวิทยาหรือหลักการพิสูจน์แบบประวัติศาสตร์เท่านั้น จึงจะสามารถเชื่อได้ เหมือนกับเราใช้ขบวนการทางประวัติศาสตร์ในการมาพิสูจน์ว่า ศิลาจารึกนั้นเป็นของพ่อขุนรามคำแหงจริงหรือไม? .
มีผู้ถามว่า... เมื่อเป็นคริสเตียนแล้วชีวิตผมมีอะไรดีขึ้น? ผมก็เรียนให้ท่านทราบตามข้างต้นแล้วว่า ผมเป็นคนที่เจอแต่สิ่งที่ดี ไม่ค่อยมีความทุกข์อะไร และก็ดูเหมือนว่าผมเป็นคนรู้จักให้อภัย และให้ความรักได้กับทุก ๆ คน แต่เมื่อผมมาเป็นคริสเตียน แล้ว รู้สึกว่าการให้อภัยหรือการให้ความรักนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายและด้วยความสมัครใจขึ้น เพราะผมได้เชื่อในพระเจ้าแล้ว ผมจึงมีกำลังที่จะทำเช่นนั้นได้...
ผู้อ่านที่รัก... หากท่านต้องการกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงสร้างท่านและปรารถนาที่จะได้รับการอภัย โทษบาปจากพระเยซูคริสต์เหมือนนายแพทย์ท่านนี้ ท่านสามารถอธิษฐานทูลตอ่ พระองค์ดังนี้.
“ข้าแต่พระเจ้า... ข้าพระองค์ได้ทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอยอมรับว่า ที่ผ่านมาข้าพระองค์ได้ทำความผิดบาปมากมายทั้งต่อพระองค์และต่อผู้อื่นขอพระเยซูคริสต์ทรงโปรดยกโทษและรับโทษความผิดบาปแทนข้าพระองค์ด้วยเถิด และขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ด้วย อธิษฐานในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน”.
ถ้าท่านทูลต่อพระองค์ด้วยความจริงใจแล้ว พระองค์ก็ทรงยกโทษบาปให้แก่ท่านแน่นอน
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา