Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
6 ธ.ค. 2021 เวลา 04:43 • หนังสือ
✴️ บทที่ 6️⃣ ใช้ความเข้าใจเยียวยาชีวิต ✴️ (ตอนที่ 8)
◾ จิตรับรู้ ◾
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
เจ้าควรสำรวจบรรดาอกุศลจิตทั้งหลายก่อนที่เจ้าจะมายังจุดนี้ หากเจ้าไม่ยินยอมสำรวจ เจ้าก็ต้องแบกอกุศลกรรมตามติดตัวเจ้าไปอีกในชาติหน้า การละวางพฤติกรรมเลวร้ายที่เราสั่งสมมาขณะอยู่ในรูปสังขารเป็นหน้าที่ของตัวเราเอง...พระเบื้องบนทำให้เราไม่ได้ หากเจ้าเลือกจะต่อต้าน ไม่ยอมละพฤติกรรมเดิมทิ้งไป เจ้าก็ต้องแบกพฤติกรรมนี้ข้ามภพต่อไปในชาติหน้า มีเพียงยามที่เจ้าตัดสินใจแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นนายเหนือปัญหานอกกายทั้งหลายนั่นเอง ที่เจ้าจะไม่มีพฤติกรรมนี้ติดตัวไปถึงชาติหน้าอีกต่อไป
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
บาทหลวงโทนี่ เดอ เมลโล พระนิกายเยซูอิต★ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาด้วย ท่านมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการตื่นจากหลับ เป็นเรื่องของการรู้ตัวแล้วว่าเรานั้นกำลังหลับใหลอยู่กลางปลักชีวิตซ้ำซากน่าเบื่อหน่ายทุกวี่วัน
★ พระนิกาย 𝗝𝗘𝗦𝗨𝗜𝗧 คือพระนิกายโรมันคาทอลิกที่เรียกว่า 𝗦𝗼𝗰𝗶𝗲𝘁𝘆 𝗼𝗳 𝗝𝗲𝘀𝘂𝘀 ตั้งขึ้นในปี 𝟭𝟱𝟯𝟰 ที่ปารีสเพื่อป้องกันการต่อต้านศาสนจักรโรมันคาทอลิก ด้วยการส่งเสริมพระในนิกายให้ฝึกฝนอย่างจริงจังและรอบรู้จริง ถือพรหมจรรย์และความยากจนสมถะ จากนั้นก็ส่งทีมพระไปเทศน์และสอนหนังสือทุกแห่งโดยเฉพาะในอเมริกาใต้ ดังปรากฏในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ระดับออสการ์ของโรแลนด์ จอฟเฟ เรื่อง 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗶𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 : ผู้แปล
คุณพ่อคนหนึ่งเกิดรู้ว่าลูกชายแกกำลังหลับเพลินจนสาย จะไปไม่ทันโรงเรียนแน่ คุณพ่อกระหน่ำทุบประตูห้องนอนลูก ร้องดังลั่นว่า
“ตื่นได้แล้ว ตื่น เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ❗”
“ผมไม่อยากไปโรงเรียนนี่พ่อก็” ลูกชายตอบกลับมา
“ทำไมไม่ไปละหา❓” พ่อถาม
“เหตุผล 𝟯 ข้อพ่อ" ลูกตัวดีตอบคำ “ข้อหนึ่ง...เพราะโรงเรียนน่าเบื่อมากกก ข้อสอง...เจ้าเด็กที่โรงเรียนมันชอบล้อผมตลอดเลย และข้อสาม...ผมเกลียดโรงเรียน❗”
พ่อย้อนคำลูกอย่างสุขุมคัมภีรภาพ “งั้นพ่อขอให้เหตุผล 𝟯 ข้อว่า ทำไมเจ้าต้องไปโรงเรียน หนึ่ง...เพราะการไปโรงเรียนคือหน้าที่ของเจ้าเอง สอง...เพราะเจ้าอายุตั้ง 𝟰𝟱 แล้ว และสาม...ก็เจ้าเป็นครูใหญ่เองง่ะ❗”
ดังนั้น จงตื่นเถิดครับ และปีนขึ้นมาจากร่องชีวิตที่ซ้ำซากได้แล้ว หากคุณยังคงหลับอยู่ ตัวคุณก็จะแก่เฒ่าไปท่ามกลางการหลับใหลนั้นแล้วพลาดโอกาสที่ชีวิตจะได้ทำอะไรดีๆจนหมดสิ้น
จงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่กับอดีตหรือกับอนาคต อดีตจบไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วปล่อยมันไปเสียเถอะครับ ส่วนอนาคตนั้นหรือก็ยังมาไม่ถึงเลย วางแผนได้แต่ไม่ต้องกลุ้ม การกลุ้มมีแต่บั่นทอนเวลาและพลังงานคุณโดยสูญเปล่า
พระภิกษุเวียดนาม ท่านติช นัท ฮันห์★ พรรณนาถึงการอร่อยกับชาหนึ่งถ้วยไว้ว่า เราต้องอยู่กับ ณ เวลานี้เท่านั้น มีสติ เปิดใจรับรู้ จึงจะเอร็ดอร่อยกับรสชาได้ จมูกจึงหอมกลิ่นกรุ่นชาชื่นใจ ลิ้นจึงดื่มชา ร้อนได้รส มือจึงอุ่นรับความร้อนกรุ่นของชาในถ้วยได้ แต่ถ้าหากเรามัวอ้อยอิ่งอยู่กับเรื่องเมื่อวาน หรือห่วงกังวลกับวันพรุ่งนี้ เมื่อเราก้มลงดูถ้วย ถึงจะเพิ่งรู้ว่าน้ำชาเกลี้ยงถ้วยไปแล้ว เราดื่มชาหมดแล้วแต่จำไม่ได้ ก็เพราะว่าเราไม่เปิดใจรับรู้นั่นเอง
▪️ชีวิตก็เหมือนชาถ้วยนั้นเองครับ▪️
----------------------------------------------------
ยามใดที่เจ้าไม่ยอมอยู่กับ ณ ปัจจุบัน
ยามใดที่เจ้าฝังจมอยู่กับอดีต
หรือกลัดกลุ้มกังวลกับอนาคต
ยามนั้นเจ้ากำลังดึงเอาความเจ็บช้ำ
และความทุกข์หนักหนาเข้าหาตัวเองแล้ว
----------------------------------------------------
★ 𝗧𝗵𝗶𝗰𝗵 𝗡𝗵𝗮𝘁 𝗛𝗮𝗻𝗵 เป็นพระเชื้อสายเวียดนาม ท่านเป็นนักศาสนา นักสังคมสงเคราะห์และนักเขียนที่ยิ่งใหญ่มากของชาวพุทธ ปัจจุบันท่านอยู่ที่อังกฤษ โบสถ์เซนต์เจมส์ โบสถ์เก่าแก่ของลอนดอนยังเชิญท่านไปปาฐกถาในเดือนธันวาคม ปี 𝟮𝟱𝟰𝟯 เลย ผลงานของท่านมีแปลเป็นไทยมากมาย ล้วนกินใจทุกเล่ม : ผู้แปล
. . .
ประตูสู่การขยายจิตรับรู้อาจเปิดกว้างได้ขณะย้อนอดีต ถ้านักบำบัดที่ย้อนอดีตให้คนไข้มีความพร้อมและปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดี เขาก็จะ ปล่อยให้จิตเหนือสำนึกหรือจิตเบื้องบนที่สูงกว่าของคนไข้ (𝗵𝗶𝗴𝗵𝗲𝗿 𝗺𝗶𝗻𝗱) เป็นฝ่ายนำการบำบัดอย่างนุ่มนวล มากกว่าจะตะบึงตะบันทำตามขั้นตอนของคนบำบัดเองท่าเดียว ถ้าทำได้ การเปลี่ยนชีวิตใหม่ก็มีสิทธิ์เกิดได้เลย กรณีของจอห์นคือตัวอย่างนี้เลยครับ
จอห์น เป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนการศึกษาสูง ผมสะกดจิตจอห์นต่อหน้าผู้เข้าสัมมนาเมืองบอสตันหลายร้อยคน ผมรับรู้ถึงกระแสความเงียบงันแผ่จากคนดูจนน่าแปลกใจ พวกเขาเงี่ยหูฟังทุกถ้อยคำอย่างใจจดใจจ่อที่สุด
ผมค่อยๆนำพาเขาถอยกลับข้ามกาลเวลา ภาพแรกที่เขาเห็นคือ ปาร์ตี้คริสต์มาสตอนเขาอายุ 𝟱 ขวบ สีหน้าเขาทอประกายความรู้สึกภูมิใจของเด็กชายตัวน้อยออกมาเต็มที่ยามที่เขาระลึกถึงเหตุการณ์วันนั้น
“ป้าๆ น้าๆ ของผมอยู่ในงานด้วย...ผมเห็นพวกเขา ผมใส่ชุดสูทตัวแรกในชีวิต...สูทสักหลาดสีเทา❗” เด็กชอบรู้สึกภูมิฐานโก้เป็นผู้ใหญ่มากเมื่อสวมสูทตัวนั้น “ผมเห็นต้นไม้แสงพราวไปหมด” เขาบรรยายต่อ
ผมไม่เอ่ยปากเลยเป็นครู่ ปล่อยให้เขาดื่มกับงานเลี้ยงอันแสนนานล่วงแล้วให้เต็มที่ สัมผัสทุกประสบการณ์แห่งความภูมิใจและแสนสุขได้เลย
จากนั้นจึงค่อยนำเขาย้อนเลยไปไกลกว่าเดิมอีก ไกลไปสู่ช่วงเวลาก่อนเขาคลอดออกมา กลับไปสู่สภาพแวดล้อมตัวอ่อนในมดลูกของแม่เขาเอง
ฉับพลันเขาก็โพล่งว่า “ในนี้อึดอัดจัง❗ ผมอยากเหยียดตัวแล้ว”
แล้วจอห์นก็เริ่มส่ายศีรษะไปมา เหยียดขาออก ขยับแขนอย่างระวังตัว ตอนนั้นเองที่เขามองเห็น “ประกายแสงระยิบระยับจับตา” ไหลเป็นระลอกมาตามสายสะดือ คลื่นแสงนี้ช่วยผ่อนคลายเขาให้สบายขึ้น
ผมดึงเขาไปหาช่องคลอด และแม้ว่าเขาจะไม่เจอประสบการณ์รำคาญกายใดๆ เขากลับรำคาญใจด้วยสารพัดเสียงเซ็งแซ่
“คนพูดทับกันไปหมด” จอห์นอธิบายเหตุการณ์
ผมสั่งเขาให้ถอยตัวเองออกมาจากเหตุการณ์คลอดขณะที่ยังคงอยู่ในภวังค์ลึกอยู่ แล้วขอให้เขาจินตภาพประตูพิเศษบานหนึ่งก่อนเดินออกประตูไปด้วยหวังใจว่าเดี๋ยวเขาจะได้ไปเจอความทรงจำอดีตชาติ แต่เปล่าเลยครับ ที่เขาเจอกลับเป็นประสบการณ์แห่งจิตวิญญาณแทน
จอห์นพบว่าตัวเองอยู่ในสวนสวยแห่งหนึ่ง เขาบรรยายลำแสงสวยงามอัศจรรย์ที่ไหลแผ่ซ่านอาบท่วมสวนนั้น แสงที่ซึมซาบสู่ตัวเขาบังเกิดเป็นความรู้สึกสันติสุขท่วมท้น เขารู้ว่ามีเด็กๆ อยู่ ณ ที่นั้นด้วยเต็มไปหมด เขาบรรยายความสัมพันธ์ว่าตัวเขาสูงวัยกว่า ทำหน้าที่เป็นครูให้แก่เด็กๆเหล่านั้น
ครั้นพอมองเห็นม้าขาวปลอดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คำว่า “ไร้ราคี” ก็วาบขึ้นมาในห้วงจิตทันที ต้นไม้เดี่ยวเด่นด้วยร่มเงายืนต้นอยู่ทางขวามือ จังหวะการพูดของจอห์นเนิบช้ามาก ตั้งใจเลือกถ้อยคำอย่างยิ่ง เพราะถ้อยคำใดก็ไม่สามารถจะบรรยายอานุภาพลำแสงและสวนที่เห็นได้ตรงใจเลย ผมสัมผัสได้ทันทีว่าที่เขารู้นั้นมากเกินกว่าที่เขาบอกออกมาให้เราร่วมรับรู้ไปด้วยกัน
“คุณสอนอะไรเด็กๆ หรือครับ❓” ผมถาม
คำตอบของเขาฟังครั้งแรกฉงนไปเลย “ผมสอนให้เด็กๆรู้จักเล่น” เขาตอบคำถามอย่างเนิบช้านุ่มนวล และแล้วกระแสเสียงก็เปลี่ยนเป็นหนักแน่นขึ้นราวกับพวกเราหมู่คนดูเป็นเด็กๆ และเขาตอนนี้เป็นครูกำลังสอนเราไปด้วยกระนั้น
“เราเจอที่นั่นได้เสมอ❗” เขาเอ่ยออกมา ”เราไปถึงสวนนั้นได้ตลอดเวลา”
สุ้มเสียงของจอห์นแผ่วหายจนกลายเป็นเงียบงัน และแล้วเขาก็เริ่มพูดออกมาอีกด้วยเสียงแผ่วหวิวมากจนเป็นกระซิบ คล้ายกับว่าเขาปรารถนาจะให้มีแต่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน ไม่ใช่ใครอื่น
“ความปีติ...ความงาม...ความรับรู้...เยี่ยงนี้...สวนสวยในโลกมนุษย์อย่างนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกเมื่อที่เราเลือกจะให้เกิดให้มี ทำให้สวนเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ณ ปัจจุบันเลยก็ได้ แค่เราเลือกจะให้เกิด...แค่เราจำให้ได้ว่าต้องทำอย่างไร” เขาเงียบเสียงลงอีกแล้วด้วยว่าน้ำตาแห่งความสุขไหลเงียบๆลงอาบแก้ม จอห์นไม่อยากจากสวนไปเลย ผมจึงปล่อยให้จอห์น พักกายในสวนงามนั้นตามสบาย
นี่เองคือสิ่งที่จอห์นสอนเด็กๆทั้งปวง วิมานสวรรค์เกิดบนโลกมนุษย์ได้จริงๆ ถ้าเพียงแต่เรายอมเลือก สารจากจอห์นทรงพลังมากเลยครับ เราสามารถเปิดจิตรับรู้สภาพเป็นจริงของ “ภพอื่น” ได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ขณะที่เราอยู่ในสภาวะปัจจุบันของเรา ในรูปสังขารนี่เองก็ยังได้ เรารู้สึกถึงความปีติสุขแท้จริงได้ รู้สึกถึงความสุขล้นพ้น สันติสุขภายใน และความงดงามเหนือคำบรรยายเหล่านั้นได้เดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
และเมื่อเราล่วงลับ หลุดพ้นรูปสังขารไปแล้วเราก็จะได้ไปรับรู้สภาวะเดียวกัน มุ่งสู่สภาวะเดียวกัน และเป็นสภาวะเดียวกันนี้ในที่สุด จิตที่จำไม่ได้ลืมไปแล้วของเรา กับสภาวะ “ไร้สำนึก” (𝘂𝗻𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀) คือไม่รู้ไม่ตื่นของเราจะกลับกลายหายสิ้น ไม่จำเป็นหรอกครับที่มนุษย์ต้องรอให้ตัวตายก่อน หรือต้องให้มีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นเสียก่อนถึงจะจำได้หรือถึงจะมีประสบการณ์ยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ได้อีกครั้ง น้ำตาแห่งความสุขยังคงหลั่งไหลจากสองดวงตาของจอห์นไม่ขาดสาย
เขาก็เหมือนกับผม คือเข้าใจถ่องแท้แล้วจริงๆ ว่าการยกจิตยกชีวิตตัวเองนั้นเกิดขึ้นได้ในช่วงชีวิตนี้แหละ คือ ยกให้พ้นจากการเอาแต่สมองรู้มาสู่การมีประสบการณ์ ทันทีที่ใจเปิดรับเต็มที่จะไม่มีทางปิดลงอีกแล้วเด็ดขาด เนื่องเพราะประสบการณ์ที่ได้รับมันชื่นใจมากและทรงพลังมหาศาลนัก
สองอาทิตย์ต่อมา จอห์นก็เขียนจดหมายมาหาผมเล่าว่าเกิดเหตุพ้องจอง★ ที่มายืนยันประสบการณ์ที่เขาพบให้เชื่อมากขึ้นไปอีก สัญลักษณ์ของสวนมีให้เห็นแบบไปที่ไหนก็เจอ
★ 𝗦𝘆𝗻𝗰𝗵𝗿𝗼𝗻𝗼𝘂𝘀 𝗲𝘃𝗲𝗻𝘁𝘀 คุณที่เจอเหตุอย่างนี้อาจเคยฉงนงงงวย ตอนนี้ไม่ต้องฉงนงงอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะเหตุพ้องจองไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อคุณผู้อ่านฝันถึง พบเจอ หรือได้ยินข่าวสารใด หากข่าวสารนั้นสำคัญมากสำหรับคุณ จะปรากฎเหตุซ้ำๆเกี่ยวกับสารนั้น 𝟯 ครั้งขึ้นไปเหมือนในเรื่องของจอห์น เช่น ฝันเห็นนกพิราบขาว-สันติภาพ เปิดทีวีเย็นนั้นเจอสารคดีนกพิราบ รุ่งขึ้นขับรถผ่านทางด่วนเห็นโฆษณาสินค้าโลโก้นกพิราบ ฯลฯ เหตุพ้องจองนี้ถือเป็น 𝘀𝗶𝗴𝗻 หรือสัญญาณจากจักรวาลส่งถึงคุณเพื่อช่วยยื่นป้ายบอกทางตลอดเส้นทางชีวิตเพื่อช่วยเหลือสนับสนุนคุณในการเดินทางที่ถูกต้อง อย่างที่ ดร.ไวส์เขียนแหละค่ะ มนุษย์ไม่ได้สู้ชีวิตเพียงเดียวดายโดยไร้ผู้บอกทางบนโลกนี้ : ผู้แปล
เขาเดินเข้าไปในร้านขายซีดี แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเอง “ถูกนำ” ไปเจอซีดีอัลบั้มชื่อ 𝗦𝗲𝗰𝗿𝗲𝘁 𝗚𝗮𝗿𝗱𝗲𝗻★ เขาอ่านก๊อบปี้หลังปก “𝟭𝟰 เพลงแนวเคลติกและท่วงทำนองนอร์วีเจี้ยน ที่จะช่วยให้คุณค้นพบสวนลับภายในตัวคุณเอง”
★ 𝗦𝗲𝗰𝗿𝗲𝘁 𝗚𝗮𝗿𝗱𝗲𝗻 เป็นวงนิวเอจร่วมสมัยที่โด่งดังมาก เล่นเพลงแนวเคลติกหรือไอริชโบราณ แนวใกล้เคียงกับ 𝗘𝗻𝘆𝗮 ที่คอเพลงบ้านเรารู้จักทั้ง 𝟮 ศิลปินนี้เป็นอย่างดีเยี่ยม เพลงเพราะมาก เหมาะสำหรับงานโฆษณาหรือเล่นโยคะก็เพลิดเพลิน : ผู้แปล
แล้วจอห์นของเราก็เดินเข้าร้านหนังสือเพราะกะจะหาซื้อหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน ◾จิตรับรู้◾ ของเขาก็ลากเขาไปเจอหนังสืออีกเล่ม ชื่อบนปกว่า 𝗕𝗲𝘆𝗼𝗻𝗱 𝗧𝗵𝗲 𝗚𝗮𝗿𝗱𝗲𝗻 𝗚𝗮𝘁𝗲 เป็นหนังสือรวมภาพวาดและบทกวีที่งดงามมากเกี่ยวกับสวนตลอดทั้งเล่ม
หลายวันต่อมาเขาเดินเข้าประตูลิฟต์ แล้วก็ปะสายตากับบทกวีโบราณประมาณศตวรรษที่หนึ่งหรือสองแปะติดข้างฝาลิฟต์ บทกวีร่ายไว้ว่า :
𝗔𝗹𝗹 𝗧𝗵𝗼𝘀𝗲 𝗪𝗵𝗼 𝗟𝗼𝘃𝗲 𝗬𝗼𝘂
𝗮𝗿𝗲 𝗯𝗲𝗮𝘂𝘁𝗶𝗳𝘂𝗹
𝗧𝗵𝗲𝘆 𝗼𝘃𝗲𝗿𝗳𝗹𝗼𝘄 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗽𝗿𝗲𝘀𝗲𝗻𝗰𝗲
𝗧𝗵𝗲𝘆 𝗰𝗮𝗻 𝗱𝗼 𝗻𝗼𝘁𝗵𝗶𝗻𝗴 𝗯𝘂𝘁 𝗴𝗼𝗼𝗱
𝗧𝗵𝗲𝗿𝗲 𝗶𝘀 𝘀𝗽𝗮𝗰𝗲 𝗶𝗻 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗴𝗮𝗿𝗱𝗲𝗻
𝗔𝗹𝗹 𝗼𝗳 𝘂𝘀 𝗮𝗿𝗲 𝘄𝗲𝗹𝗰𝗼𝗺𝗲 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗲
𝗔𝗹𝗹 𝘄𝗲 𝗻𝗲𝗲𝗱 𝘁𝗼 𝗱𝗼 𝗶𝘀 𝗲𝗻𝘁𝗲𝗿
คนรอบข้างที่รักเรา
พวกเขาล้วนแต่งดงาม
ปลื้มใจในทุกยาม
ที่มีเราอยู่ข้างกาย
มีแต่ส่งให้เราดี
ไม่เคยมีคิดทำลาย
ในสวนสวยกลางหัวใจ
เว้นที่ให้ไว้รอเรา
สวนต้อนรับเราทุกคน
อยู่ที่ตนจะเลือกเอา
แค่ก้าวแล้วกล้าเข้า
ไปสู่สวนที่แสนงาม
จอห์นเล่าเพิ่มอีกว่า “ไม่ว่าผมหันหน้าไปทางไหน มีแต่สวนเข้ามาสู่การรับรู้ของผมตลอดเลย...ว่าให้เข้าไปหาสวนผ่านทางหัวใจตัวเองแล้วสัมผัสกับสวนในดวงวิญญาณเสียที”
ตอนอยู่กับจอห์นระหว่างที่เขาเปิดจิตรับรู้นั้น จิตรับรู้ของผมก็ยกสูงไปด้วยเช่นกัน
✨ เขาบอกเราไว้แล้วว่า “เราไปถึงที่นั่นได้เดี๋ยวนี้เลย ณ ขณะปัจจุบันของเรานี้แหละ ถ้าเราเลือกจะไป” พวกเราจะต้องไม่ลืมเลือนเด็ดขาด ขอให้พวกเราตั้งสติรับรู้ไว้เสมอว่าพวกเราคือวิญญาณอันดำรงความศักดิ์สิทธิ์แสนประเสริฐที่สามารถพบเจอความปีติสุข ความรัก ความเมตตากรุณาอันหาที่สิ้นสุดมิได้ พบเจอกับความรู้สึกว่าเราปลอดภัยอย่างที่สุดและความสงบสุขอย่างลึกซึ้ง...ได้ที่นี่ ณ บัดนี้เลย ✨
เพียงแค่ได้รู้เห็นเป็นพยาน ร่วมกันดู และร่วมแบ่งปันเหตุการณ์ด้วยกันแบบนี้ ◾จิตรับรู้◾ ของผู้เข้าสัมมนาในบอสตันหลายร้อยชีวิตก็เปิดแล้ว ความรู้สึกเป็นสุขล้ำ สงบใจ ปลอดภัยเหลือเกิน แผ่ซ่านไปทั่วทุกตารางของห้องสัมมนา ประหนึ่งว่าไออุ่นแห่งสัจธรรมจากเบื้องบนกำลังอาบเต็มตัวเราด้วยสารที่ว่า :
💟 เราเป็นอมตะไม่มีวันตาย และ เราเป็นที่รักเสมอตลอดไป เราคือรัก และ รักคือพลังงานที่เต็มล้นทุกอณูแห่งความเป็นเรา ดังนั้น ไม่มีอะไรในโลกนี้อีกแล้วที่เราต้องกลัว 💟
(จบ — บทที่ 6)
หนังสือ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย