12 ธ.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : คดีปล้น 300ล้านเยน ที่มีผู้ต้องสงสัยกว่า 110,000คน!
5
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
1
Part 1 : เกริ่นนำ
คดีการปล้นครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คนร้ายได้ปล้นเงินไปเป็นมูลค่ากว่า 300ล้านเยน โดยทางตำรวจได้ทุ่มเททรัพยากรมหาศาลเพื่อไขคดีนี้ แต่จนกระทั้งในปัจจุบัน ซึ่งแม้เวลาได้ล่วงเลยมากว่า50ปีแล้ว แต่คดีนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้
4
Part 2 : เริ่มเรื่อง
ในวันที่ 6 ธันวาคม ปี 1968 วันนี้ผู้จัดการธนาคาร Nippon Trust Bank สาขา Kokubunji ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง โดยครึ่งหนึ่งของข้อความในจดหมายเขียนด้วยลายมือ และอีกครึ่งหนึ่งตัดแปะมากจากนิตยสาร มันเป็นจดหมายขู่ที่ได้บอกกับทางผู้จัดการธนาคารว่า ให้มอบหมายพนักงานหญิงคนหนึ่ง ถือเงินจำนวน 3ล้านเยน ไปยังสถานที่ที่กำหนดก่อน 5โมงเย็นวันพรุ่งนี้ ถ้าทำไม่ได้จะระเบิดบ้านของผู้จัดการทิ้งเสีย
3
พอผู้จัดการได้รับจดหมายขู่ก็คิดหนักแต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไปแจ้งความ ตำรวจนั้นไม่นิ่งนอนใจหลังจากได้รับแจ้ง จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่กว่า 50นาย ไปดักซุ่มที่สถานที่ที่คนร้ายบอก และรอให้คนร้ายเข้ามาติดกับ แต่เมื่อตำรวจไปถึงก็ไม่มีวี่แววของคนร้าย จนกระทั้งถึงเวลา 6โมงเย็น จึงได้ถอนกำลังแล้วแยกย้ายกันไป
ผ่านไป3วัน วันที่ 10 ธันวาคม ปี 1968 บริษัท Toshiba กำลังจะจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานทั้ง4,523คนของพวกเขา และผู้รับผิดชอบในการนำเงินโบนัสท้ายปีของบริษัท Toshiba ไปส่ง ก็คือธนาคาร Nippon Trust Bank สาขา Kokubunji นี่เอง ในเวลา9โมงครึ่ง ธนาคารได้ส่งรถขนเงินไปที่ บริษัท Toshiba ซึ่งภายในรถบรรจุหีบเหล็กขนาดใหญ่ทั้งหมด3หีบ แต่ละหีบมีเงินอยู่จำนวน100ล้านเยน คิดเป็นเงินรวมกว่า 300ล้านเยน (ตัวเลขอย่างละเอียดคือ 294,377,000เยน)
12
โดยปรกติแล้วรถขนเงินจะต้องมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันหลายนาย มีระบบ GPS และมีมาตรการป้องกันในระดับสูง แต่ทว่าในตอนนั้นทางธนาคารกลับใช้รถเก๋งยี่ห้อ Nissan รุ่น Cedric ในการขนส่ง โดยในรถนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ดูและอยู่ทั้งหมด 4คน
9
Nissan Cedric รุ่นรถที่ทางธนาคารใช้ในการขนเงิน
พอรถขนเงินขับเข้าใกล้เรือนจำฟุจู ทันใดนั้นก็มีรถจักรยานยนต์ขับตามมาข้างหลัง แม้ว่าฝนจะตกอย่างหนักแต่ก็สามารถดูออกได้ว่าคนที่ขับมานั้นใส่ชุดตำรวจ โดยเขาได้โบกมือเพื่อเป็นสัญญาณให้รถขนเงินนั้นหยุดรถ หลักจากรถขนเงินได้หยุดรถแล้วก็ได้ลดกระจกลง และเห็นว่าตำรวจคนดังกล่าวมีท่าที่วิตกกังวล โดยตำรวจได้บอกกับคนในรถขนเงินว่า “มีคนวางระเบิดที่บ้านของผู้จัดการของพวกคุณ รถคันนี้ของพวกคุณก็ดูเหมือนจะมีปัญกา รีบลงมาจากรถให้ผมตรวจสอบ” และเจ้าหน้าที่ของธนาคารที่ไม่ได้เอะใจอะไรกก็ลงจากรถลงมา
7
จากนั้นตำรวจก็ได้เขาไปตรวจสอบในรถ ทันใดนั้นเองก็มีควันจำนวนมากพุ่งขึ้นมากจากใต้ท้องรถ ตำรวจตะโกนบอกพวกเขาว่า “รถจะระเบิดแล้ว พวกคุณรีบหนีไป” เจ้าหน้าที่ทั้ง 4คนจึงวิ่งรีบวิ่งออกมา ซึ่งเป็นขณะที่ตำรวจนายนั้นได้เข้าไปในรถ แล้วเร่งเครื่องขับหนีไป เจ้าหน้าที่ธนาคารทั้ง4คนเห็นถึงความไม่ชอบมาพากล จึงเดินเข้ามาดู และพบว่าต้นกำเนิดของควันนั้นมาจากพลุ ไม่ได้มาจากตัวรถ และในช่วงนั้นรถจักรยานยนต์ของตำรวจล้วนเป็นของยี่ห้อHonda และมีสีขาว แต่รถที่ตำรวจนายนั้นขับมาเป็นยี่ห้อYamaha จึงรู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นเป็นโจร
9
จักรยานยนต์ Yamahaสีขาว ที่พบในที่เกิดเหตุ
Part 3 : เริ่มการสืบสวน
เมื่อตำรวจได้รับแจ้งแล้วจึงรีบดำเนินการทันที โดยด้านหนึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปที่เกิดเหตุ อีกด้านหนึ่งก็ระดมกำลังกันตามหารถขนเงิน มีการตั้งจุดตรวจตามแยกต่างๆภายในเมือง พาหนะทั้งหมดที่ขับผ่านจะต้องถูกตรวจสอบ แต่จนแล้วจนรอด หลังจากตามหากันทั้งวันทั้งคืน ตำรวจก็คว้าน้ำเหลว และในที่สุดก็ได้เรียกคืนกำลังตรวจ แต่โฟกัสไปยังย่านที่เกิดเหตุการปล้นแทน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้เป็นจำนวนมาก ได้แก่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Yamaha สีขาว โดยตำรวจพบว่าเดิมทีตัวรถนั้นมีสีน้ำเงินแต่ถูกทาสีทับมา พลุควันที่ทำขึ้นเองห่อด้วยกระดาษจากนิตรสาร2ฉบับ เล่มหนึ่งชื่อ “วิทยาศาสตร์คลื่อนวิทยุ” ส่วนอีกเล่มหนึ่งชื่อ “ภาพยนตร์สมัยใหม่”
5
พลุควันที่เจอในที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ยังพบโทรโข่งที่ตำรวจใช้กัน ซึ่งคนร้ายน่าจะขโมยมา โดยที่โทรโข่งมีชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์ขนาด4มิลลิเมตร มีตัวอักษรตัวหนึ่งอยู่ที่มุมขวาล่าง หลังจากการตรวจสอบแล้วคือคำว่า “สินค้า” และในที่สุดก็ตรวจพบว่ามาจากหนังสือพิมพ์ Sankei Shimbun นอกจากนี้ยังพบหมวกแก็บอีก1ใบ ซึ่งเชื่อว่าเป็นของคนร้าย ภายในหมวกยังมีคราบเหงื่อของคนร้ายเหลืออยู่ แต่ตอนนั้นตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุกลับเอาหมวกใบนั้นพลัดกันลองใส่ดู ทำให้มีเหงื่อของหลายคนผสมกัน หลักฐานชิ้นสำคัญนี้จึงถูกทำลายไปแบบงงๆ
10
หมวกที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ
ต่อมาไม่นานก็มีการพบรถขนเงินคันดังกล่าวจริง โดยถูกพบในป่าเล็กๆไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนัก ตอนนี้เองที่ตำรวจรู้ว่าคนร้ายดืทำการเปลี่ยนรถ ตำรสจจึงได้สอบถามชาวบ้านในบริเสณใกล้เคียง โดย2วันก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นว่าตรงตำแหน่งเดียวกันกับรถขนเงิน มีรถ Toyota Corolla สีน้ำเงินจอดอยู่ ไม่นานนักตำรวจก็ตรวจพบ รถ Toyota Corolla สีเขียวคันหนึ่งจอดอยู่ในพื้นที่รกร้างของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันนั้น หลังจากตรวจสอบเลขทะเบียนก็พบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็ตรวจพบเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้ม เป็นเสื้อกันฝนที่ผลิตขึ้นเมื่อ10ปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทที่ผลิตเสื้อยี่ห้อนี้ได้ปิดตัวลงเมื่อ10ปีก่อน บนเสื้อกันฝนมีรอยไหม้จากเตารีดอยู่
7
ตำรวจตรวจพบรถขนเงินที่ถูกทิ้งไว้กลางป่า
เสื้อกันฝนที่พบในที่เกิดเหตุ
ที่ลานรอดรถบริเวณใกล้เคียงตำรวจได้พบ รถ Toyota Corolla สีน้ำเงินที่พยานได้กล่าวถึง ภายในรถตำรวจพบหีบเหล็กเก็บเงินทั้ง 3หีบ แต่ว่าภายในหีบเหล็กนั้นว่างเปล่า นอกจากนี้ยังพบรถยนตร์3คัน และรถจักรยานยนตร์1คันเพิ่มเติมด้วยโดยหลังจากการสืบสวนก็พบว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมาทั้งหมด ตำรวจยังสังเกตุเห็นว่ารถที่ถูกขโมยมานั้นมีผ้าคลุม แต่ผ้าคลุมแต่ละผืนนั้นมีการผูกปมที่ต่างกัน ตำรวจจึงสันนิฐานว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่1คน แต่นี้คือแก๊งอาชญากรที่วางแผนการทำงานได้อย่างรอบคอบ โดยตำรวจยังสงสัยว่าสมาชิกคนหนึ่งน่าจะเป็นผู้หญฺิงเพราะตำรวจพบต่างหูอยู่ภายในรถที่คนร้ายขโมยมา
3
หีบเหล็กบรรจุเงินทั้ง 3หีบที่ว่างเปล่า
ตำตรวจตรวจพบรถยนต์หลายคัน ซึ่งล้วนเป็นรถที่ถูกขโมยมา
การสืบสวนของตำรวจมีความคืบหน้ามาก พวกเขาพบว่าคนร้ายมีการเปลี่ยนรถหลายครั้งระหว่างการหลบหนี ในที่เกิดเหตุทั้ง4จุดตรวจพบหลักฐานมากกว่า120ชิ้น และยังพบอีกว่าสแตมป์บนซองจดหมายขู่ที่คนร้ายส่งถึงผู้จัดการธนาคารนั้นใช้น้ำลายในการติด หลังจากวิเคราะห์องค์ประกิบของน้ำลายก็พบว่า คนนี้มีเลือดกรุ๊ป B ครึ่งหนึ่งของข้อความบนจดหมายที่ใช้ตัดแปะจากนิตรสารก็เป็นนิตรสารเดียวกันกับที่ใช้ทำพลุควัน เจ้าหน้าที่ได้สอบถามทั้ง4คนซึ่งเป็นพยานปากสำคัญที่เคยเห็นหน้าคนร้ายมากก่อน ดังนั้นสภาพเสก็ตของผู้ต้องสงสัยจึงถูกวาดขึ้นอย่างรวดเร้ว จากเบาะแสนี้ทำให้ตำรวจได้ตัวผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก
3
หลักฐานจำนวนมากที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ
ภาพเสก็ตของคนร้าย
คนแรก “ผู้ต้องสงสัย S” อายุ19ปี เป็นหัวหน้าแกงค์เด็กแว้นในพื้นที่ ขับรถและขี่จักรยานยนตร์เก่งมาก เขามีพ่อเป็นตำรวจตรวจการณ์ที่ใช้รถจักรยานยน์เป็นยานพาหนะ แต่กว่ากรุ๊ปเลือดของผู้ต้องสงสัยs เป็นกรุ๊ป A และลายมือก็ไม่ตรงกันกับในจดหมาย โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยs อยู่ในสถานพินิจพอดี ซึ่งมีพยานหลายคนสามารถให้การยืนยันได้ ตำรวจจึงได้คลายความสงสัยในตัวเขา แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ผู้ต้องสงสัย s ได้กินยาพิษฆ่าตัวตาย 5วันหลังเกิดเหตุการณ์ปล้นนี้ โดยต่อมาตำรวจได้นำพยานปากคำสัญทั้ง 4คนไปร่วมงานศพของผู้ต้องสงสัย s ตำรวจสอบถามพยานทั้ง 4ว่าชายคนนี้ใช้โจรในวันนั้นหรือไม่ และคำตอบคือ “ดูคล้ายๆ”
8
คนที่2 “ผู้ต้องสงสัย F” เป็นคนที่ตำรวจสงสัยมากที่สุด เขามีอายุ 25ปี และหน้าตาเหมือนในภาพเสก็ต มีเลือดกรุ๊ป B มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถอยู่ในพื้นที่ และเขายังมีสำนวนการพูด และมีลายมือที่คล้ายกันกับในจดหมายขู่มาก ตำรวจจุงเข้าจับกุมตัวเขา และจัดงานแถลงข่าวว่าผู้ต้องสงสัย F คือบุคคลที่ตำรวจตามหาอยู่ แล้วก็ได้ทำการเผยแพร่ภาพถ่ายของ ผู้ต้องสงสัย F ออกไป ทว่าเมื่อข่าวนี้ได้เผยแพร่ไปสู่สาธารณชน ก็มีบริษัทแห่งหนึ่งเห็นเข้าและได้ส่งมอบหลักฐานที่พิสูจน์ว่า F กำลังสัมภาษณ์งานอยู่ที่บริษัทของพวกเขาในขณะเกิดเหตุ Fจึงได้ถูกปล่อยตัวไป แต่สังคมก็ได้มองFในแง่ร้ายไปแล้ว เขานั้นหางานทำไม่ได้ อีกทั้งยังถูกครอบครัวทิ้ง และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในปี 2008
17
Part 4 : บทสรุป
หลังเกิดเหตุการณ์นี่ ตำรวจไม่กล้าจับผู้ต้องสงสัยมั่วๆอีกต่อไป ตำรวจได้ลงทุนลงแรงกับคดีนี้เป็นอย่างมาก มีเจ้าหน้าที่สืบสวนเข้าร่วมทำคดีนี้ถึง170,000คน และได้ใช้เงินหมดไปกับการสืบสวนถึง 990 ล้านเยน (สูงกว่าที่คนร้ายได้ขโมยไปเสียอีก) และตำรวจยังหาตัวผู้ต้องสงสัยได้ถึง118,000คน แต่ก็ยังไม่สามารถไขคดีนี้ได้จนกระทั้งในปัจจุบันคดีนี้ได้เป็นคดีหนึ่งที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นโดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้
8
1. มีจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีสูงมาก โดย300เยนในปี 1968 สามารถเทียบเท่ากับ 2000ล้านเยนในปัจจุบันหลังปรับอัตราเงินเฟ้อ จำนวนเงินดังกล่าวส่งผลให้คดีนี้เป็นคดีปล้นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น
5
2. กินเวลายาวนาน โดยจนถึงวันนี้เหตุการณ์ก็ล่วงเลยมากว่า 50ปีแล้ว และคดีนี้ก็ยังเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากอยู่
1
3. มีจุดที่น่าสงสัยมากมาย ยิ่งเป็นคดีที่ค้างคาแบบนี้ยิ่งกระตุ้นจินตนาการของผู้คน มีบางคนถึงกับกล่าวว่า คดีนี้เป็นแค่เรื่องแหกตาโดยธนาคาร เพราะมีเพียงพนักงานของธนาคารเท่านั้นที่รู้ถึงเส้นทางลำเลียงของเงิน และภายหลังธนาคารก็ไม่ได้เสียเงิน 300ล้านเยนนี้ไปจริงๆ เพราะมีบริษัทประกันจ่ายค่าชดเชยให้เต็มจำนวน
3
4. ตำรวจได้ตรวจเช็คหมายเลขธนบัตรที่ถูกขโมยไป แต่ทว่าจนถึงขณะนี้เงินดังกล่าวยังไม่ได้ถูกนำออกไปใช้เลย ซึ่งมันก็ดูไม่สมเหตุสมผล
4
5. บางคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าหลักฐานทางกายภาพชิ้นสำคัญอย่างเช่นหมวกแก็ป ทำไมถึงถูกทำลายอย่างไม่สมเหตุสมผลโดยพฤติกรรมที่ขาดสามัญสำนึกของตำรวจเช่นนี้
1
6. คดีนี้ได้ถูกนำมาทำเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายเรื่อง
5
ในปัจจุบันตำรวจญี่ปุ่นได้เลิกสืบสวนคดีนี้ไปแล้ว มันได้กลายเป็นหนึ่งในคดีที่ยังคลี่คลายไม่ได้ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นก็มีผู้อ้างตัวว่าเป็นคนร้ายอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ตำรวจก็สามารถจับได้ เพราะเนื่องจากมีข้อมูลอยู่2ชิ้นที่ตำรวจไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนเลย หนึ่งคือตอนแรกพลุควันไม่ได้ถูกจุดไฟไว้ คนร้ายใช้วิธีอะไรในการจุดชนวน? สองคือในหีบเหล็กทั้ง3หีบนอกจากบรรจุเงินสด 300ล้านเยนไว้แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งด้วย สิ่งนั้นคืออะไร? ซึ่งคนร้ายตัวจริงควรจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ทั้งหมดนั่นเอง
8
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
11 ธันวาคม 2021
3

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา