18 ธ.ค. 2021 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : หญิงสาวที่หายตัวไป 17ปี ถูกพบอีกครั้งในห้องใต้หลังคาของโบสถ์!
4
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
1
Part 1 : เกริ่นนำ
ที่เมืองเล็กๆแแห่งหนึ่งในอิตาลีขณะที่บรรดาคนงานก่อสร้างกำลังขึ้นไปยังห้องใต้หลังคาของโบสถ์แห่งหนึ่ง เพื่อเตรียมซ่อมแซมหลังคาที่รั่วอยู่ พวกเขาได้พบกับภาพที่น่าสะพรึงกลัว เพราะมีร่างปริศนาที่กำลังนั่งอยู่ตรงมุมห้อง และน่าจะเสียชีวิตมาเป็นเวลานานแล้ว จนไม่สามารถระบุรูปร่างหน้าตาได้ แล้วคนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
2
Part 2 : เริ่มเรื่อง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โบสถ์ Trinita ตั้งอยู่ใจกลางเมืองPotenza ประเทศอิตาลีซึ่งเป็นย่านที่ค่อนข้างคึกคัก โบสถ์แห่งนี้มีทั้งหมด3ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงอันกว้างขวาง เมื่อขึ้นไปตามบันไดก็จะตรงไปถึงชั้น2 ส่วนชั้น3ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า โดยมีเพียงบาทหลวงของโบสถ์เท่านั้นที่ถือกุญแจไว้ เนื่องจากโบสถ์แห่งนี้ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงมาเป็นเวลานานหลายปี หลังคาจึงมีปัญหารั่วซึมอยู่ตลอดเวลา และเนื่องจากมีฝนตกบ่อยครั้ง ส่งผลให้พื้นที่โบสถ์เต็มไปด้วยความอับชื้น ทั้งพื้นผนังและเพดานล้วนเต็มไปด้วยเชื้อรา
3
โบสถ์ Trinita ในเมือง Potenza ประเทศอิตาลี
ในปีนี้เจ้าหน้าที่ของโบสถ์จึงวางแผนแก้ไขปัญหาหลังคารั่วที่รบกวนมานาน ดังนั้นพวกเขาจึงได้เรียกคนงานจำนวนหนึ่งให้มาช่วยซ่อมหลังคาที่รั่ว จนกระทั่งในวันพุธที่17มีนาคมปี2010 คนงานก่อสร้างจำนวนหนึ่งเดินทางมาที่โบสถ์ Trinita พวกเขาอยากขึ้นไปตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้หลังคารั่วก่อนจะดำเนินการซ่อมแซมต่อไป เมื่อจะหาสาเหตุก็ต้องเข้าไปในห้องใต้หลังคา ทีนทีที่ได้ยินเสียงบานประตูเปิดทุกคนก็ได้กินเน่าโชยมาเตะจมูก เนื่องจากห้องใต้หลังคาถูกปิดตายไว้นานมาก ด้านในจึงไม่เพียงมีกลิ่นแปลก แต่ยังเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ
9
หลังจากรอให้ฝุ่นเหล่านั้นจางลง พวกเขาก็พบร่างคนผู้หนึ่งกำลังนั่งพิงอยยู่ที่ผนัง ทุกคนต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากโบสถ์ไปพร้อมทั้งโทรแจ้งความทันที
1
ห้องใต้หลังคาของโบสถ์
สถาที่พบร่างปริศนา
Part 3 : เริ่มการสืบสวน
เมื่อตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็รีบส่งกำลังเจ้าหน้าที่มายังห้องใต้หลังคาโบสถ์ทันที จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่นิติเวชพบว่าศพดังกล่าวเป็นผู้หญิง ซึ่งเน่าเปื่อยไปค่อนข้างมาก จึงคาดว่าเธอน่าจะอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว กาเกงยีนส์บนร่างของศพถูกปลดออก กางเกงชั้นในมีรอยฉีดขาด ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าหญิงสาวผู้นี้ น่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ยังพบเส้นผมจำนวนหนึ่งในมือของเขาอีกด้วย ข้างๆยังพบฟูกที่นอน แว่นตา รองเท้าแตะ กระดุมสีแดงหนึ่งเม็ด เนื่องจากเสื้อผ้าบนร่างของหญิงสาวที่เสียชีวิตไม่มีกระดุมที่เป็นสีแดง ดังนั้นตำรวจจึงสันนิฐานว่ากระดุมเม็ดนี้ไม่ใช่ของเธอ แจ่อาจจะเป็นของคนร้าย
2
หลักฐานที่ตำรวจพบจากร่างปริศนา
ในรายงานของทางนิติเวชชี้ให้เห็นว่า บนร่างของผู้เสียชีวิตมีบาดแผลทั้งหมด 13จุด ล้วนเกิดจากอาวุธมีคม และที่ส้นเท้าของศพ ก็พบเศษซากบางอย่าง โดยจากการตรวจพิสูจน์พบว่าเป็นกรวดแบบเดียวกันกับพื้นห้องใต้หลังคา คาดว่าขณะที่เหยื่อยังมีชีวิตอยู่ได้เดินมาถึงห้องใต้หลังคาแห่งนี้จากนั้นจึงถูกทำร้าย เนื่องจากสภาพศพเน่าเปื่อยไปมากแล้ว ทางนิติเวชจึงไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ โดยสันนิฐานว่า อาจจะเกิดจากอาวุธมีคม เส้นผมในมือก็เป็นของเหยื่อเอง นอกจากนี้ก็ยังเป็นผมที่ถูกตัดออกมา แว่นตาและรองเท้าแตะที่พบในที่เกิดเหตุก็ล้วนเป็นเหยื่อ นิติเวชยังพบเลือดและน้ำลายที่ไม่ใช้ของเธอบนเสื้อผ้าที่สวมอีกด้วย ส่วนฟูกที่อยู่ด้านข้างศพ พบของเหลวจากร่างกายผู้ชาย ดังนั้นเหยื่อถึงหน้าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนจะเสียชีวิตและสามารถยืนยันได้ว่าห้องใต้หลังคาก็คือสถานที่เกิดเหตุแรก
9
เนื่องจากไม่สามารถยืนยันตัวเหยื่อจากรูปร่างหน้าตา ตำรวจถึงต้องใช้DNAของเหยื่อไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลจำนวนมากก่อนจะตรวจพบว่าเหยื่อก็คือ Elisa Claps หญิงสาวที่หายตัวไปเมื่อ 17 ปีก่อนโดย Elisa เกิดเมื่อเดือนมกราคม ปี1977 เธอเป็นคาทอลิกที่เคร่งมากคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อไปยัง Gildo พี่ชายขอ Elisa ผู้แจ้งความว่าน้องสาวหายตัวไปในขณะนั้น ต่อมา Gildo ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าในปี 1993 Elisa น้องสาววัย16 ปีของเขาได้ย้ายตามครอบครัวมาอยู่ที่ Tito ซึ่งอยู่ห่างจาก Potenza ประมาณ19 กิโลเมตร โดยทั้งสองเมืองตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ห่างกันแค่เพียงประมาณครึ่งชั่วโมง
4
Elisa Claps
ในวันอาทิตย์ที่12กันยายน Elisa บอกกับ Gildo ผู้เป็นพี่ชายว่าจะออกไปโบสถ์ Trinita เพื่อร่วมพิธีมิสซา โดยบอกว่าจะกลับมาก่อนเวลาบ่ายโมงตรง เพื่อกินข้าวเที่ยงร่วมกับครอบครัว แต่ทว่าในความจริงแล้วเป้าหมายที่ Elisa ไปโบสถ์ในวันนั้นไม่ใช่เพื่อเข้าร่วมพิธีมิสซา แต่เพื่อไปพบชายคนหนึ่งพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงเธอ ในเวลา 11.30น เมื่อพิธีมิสซาสิ้นสุดลง ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มทยอยออกจากโบสถ์ Elisa ก็เดินมาที่หน้าประตูใหญ่ก่อนจะบอกกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่า ตนเองจะกลับออกมาหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมงเมื่อพูดจบเธอก็หันกลับเข้าไปในโบสถ์ตามลำพัง
เวลาบ่ายโมงตรงซึ่งเป็นเวลาที่ Elisa รับปากกับพี่ชายว่าจะกลับไปกินข้าวเที่ยงพร้อมครอบครัว ทว่าไม่มีใครพบเห็น Elisa เลยเนื่องจากไม่ได้รับข่าวคราวของน้องสาว พี่ชายจึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เขาจึงออกตามหา Elisa ที่โี่บสถ์ด้วยตัวเอง แต่เมื่อค้นจนทั่วพื้นที่ส่วนกลางโบสถ์แล้วก็ยังไม่พบวี่แววของน้องสาว Gildo จึงได้สอบถามเจ้าหน้าที่ของโบสถ์ แต่บาทหลวง Don mimi Sabia มีธุระด่วนในวันนั้นจึงกลับออกไปก่อนแล้ว และไม่มีใครเห็นร่องรอยของ Elisa เลย
1
Gildo Claps
ต่อมา Gildo จึงติดต่อไปยังเพื่อนๆของน้องสาวจนกระทั่งพอโทรไปหาเพื่อนที่เดินทางไปโบสถ์พร้อมกับ Elisa ซึ่งเธอคนนั้นก็บอกความจริงที่ Elisa ปิดบังกับครอบครัว โดยเธอไปโบสถ์เพื่อแอบพบกับชายคนหนึ่งเธอยังบอกอีกว่าตอน11โมงครึ่ง เธอเห็นกับตาว่า Elisa กลับเข้าไปในโบสถ์อีกครั้ง แต่แปลกตรงที่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบตัว Elisa เลย ผู้ชายที่ Rlisa ออกไปพบในครั้งนั้นมีชื่อว่า Danilo Restivo เกิดปี1972 ต่อมาในปี1993 Danilo ในวัย 21 เข้าเรียนต่อที่หน้าวิทยาลัยในเมือง Napoli ซึ่งอยู่ห่างจาก Potenza ประมาณ 160 กิโลเมตร
1
จากคำบอกเล่าเพื่อนทำให้รู้ว่า Danilo หลงรัก Elisaหัวปักหัวปำ เขาเคยสารภาพความรู้สึกกับเธอ แต่ก็ถูกปฏิเสธ หลังจากนั้นเขาก็ยังตามรังควานไม่เลิก โดยมักจะโทรหาElisa เมื่อเธอรับสายก็จะไม่ยอมพูดแต่กลับเปิดเพลงประกอบหนังสยงขวัญเรื่อง “Profondo Rosso” ซึ่งบอกเล่าเกี่ยวกับคดีเขย่าขวัญต่อเนื่องที่เพลงจะดังขึ้นทุกครั้งก่อนผู้ร้ายจะลงมือกับเหยื่อ
2
Danilo Restivo
เมื่อ Danilo เลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว จึงทำให้ Elisaรู้สึกกลัวอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ในไดอารี่ของ Elisa จึงได้เขียนถึงเรื่องราวที่เธอประสบพบเจอ ไม่เพียงเท่านั้น Elisaยังเคยเล่าให้ครอบครัวและเพื่อนๆฟังถึงพฤติกรรมที่พิลึกพิลั่นต่างๆของ Danilo แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังใจอ่อนเกินไป เมื่อวันนึง Danilo ติได้ติดต่อมาเพื่อขอพบหน้า โดยให้เหตุผลว่าต้องการร่วมฉลองกับความสำเร็จในการสอบของเธอ Danilo ยังบอกอีกว่า จะมอบของขวัญพิเศษให้ สุดท้ายแล้วElisa จึงไม่ได้ปฏิเสธและตัดสินใจออกไปพบเขาในวันอาทิตย์ที่โบสถ์
2
เมื่อ Gildo รู้เรื่องก็ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก คืนนั้น Gildo จึงโทรไปหา Danilo แต่คนที่รับสายกลับเป็นครอบครัวของเขาโดยบอกว่า Danilo กลับไปทำเรื่องวิจัยที่มหาวิทยาลัยแล้วคืนนี้จึงไม่อยู่บ้าน ต่อมา Gildo ก็โทรหาทุกคนที่เขานึกออก แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าElisa อยู่ที่ไหน เมื่อหมดหนทางเขาจึงเข้าแจ้งความว่าน้องสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
1
หลังจากตำรวจทราบเรื่องราวการหายตัวไปของ Elisa เบื้องต้น ก็ไปสอบปากคำ Danilo ที่นัดพบกับเธอในวันดังกล่าว โดย Danilo บอกว่าตนเองได้พบกับ Elisa ตอน 11โมงครึ่งที่โบสถ์จริงเนื่องจากเค้าแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งของ Elisa ดังนั้นในวันดังกล่าวจึงไปปรึกษากับเธอว่า จะจีบเพื่อนคนนั้นอย่างไรดี หลังจากพูดคุยกันพักนึง Elisa ก็กลับออกไปจากโบสถ์ ส่วนเขาอยู่อธิษฐานข้างในต่อ
ในคืนวันเดียวกัน Danilo ก็รีบไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อจัดการเรื่องวิจัยของตัวเอง Danilo ยังบอกตำรวจว่า วันนั้น Elisa บ่นกับเขา ถึงผู้ชายคนหนึ่งที่ตามรังควานก่อนจะเข้ามาในโบสถ์ แต่ Danilo ไม่รู้จักชื่อผู้ชายคนนั้น ทว่าตอนที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ก็พบจุดที่น่าสนใจหลายอย่างในคำให้การของ Danilo อันดับแรกหากเป็นจริงตามที่เขาเล่าคือเวลา11โมงครึ่ง Danilo ได้พบกับ Elisa Elisa ก็กลับออกไป ทว่าทำเลที่ตั้งของโบสถ์เป็นย่านหนึ่งที่มีคนพลุกพล่าน มีผู้คนสัญจรไปมากมายทำไมจะไม่มีใครเห็นร่องรอยของ Elisa ออกจากโบสถ์เลย
2
นอกจากนี้ตำรวจพบอีกว่า บ่ายวันที่ Elisa หายตัวไป เวลา13.45น Danilo ได้ไปโรงพยาบาลใกล้ๆเพื่อทำแผลที่มือ และมีประวัติการรักษาในวันดังกล่าว ตำรวจจึงไปที่โรงพยาบาลแห่งนั้นและได้พบกับแพทย์เจ้าของไข้ โดยหมอเล่าว่าในวันที่เกิดเหตุ เมื่อ Danilo มาถึงห้องฉุกเฉิน เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด เมื่อถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น Danilo ก็เล่าว่าเขาพลัดตกจากลิฟท์ก่อสร้างที่อยู่ใกล้ๆจนได้รับบาดเจ็บ แต่จากประสบการณ์ของหมอแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าแ้ผลแบบนั้นไม่ได้เกิดจากการพลัดตกแต่เป็นแผลที่เกิดจากอาวุธมีคม หมอเองจึงเริ่มรู้สึกสงสัย แต่ Danilo บอกว่าเขามีธุระด่วนจ้องกลับไปทำ ดังนั้นหมอจึงปฐมพยาบาลบาดแผลเบื้องต้นให้ จากนั้น Danilo ก็รีบกลับออกไป
7
เมื่อได้รับเบาะแสดังกล่าวแล้ว ตำรวจจึงได้กลับไปหา Danilo อีกครั้ง แต่เจ้าตัวยืนกรานว่าพลัดตกลงมาจากลิฟท์ก่อสร้างที่อยู่ในโบสถ์จริงๆ ตำรวจจึงถามกับ Danilo ว่าระหว่าง11โมงครึ่ง ตั้งแต่พบกับ Elisa จนถึงเวลา13.45น เขาทำอะไรอยู่ Danilo ก็บอกว่าหลังจา Elisa กลับไปเขาก็อยู่ในโบสถ์ต่อ แต่ไม่มีใครสามารถเป็นพยานยืนยันให้ได้ ดังนั่นทำให้การของเขาจึงไม่น่าเชื่อถือ
6
ต่อมาตำรวจจึงเดินทางไปยังโบสถ์์ พร้อมทั้งพยายามออกค้นหาเธออย่างสุดความสามารถ แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆของ Elisa เลย ทีมสอบสวนจึงเสนอว่าจะขึ้นไปหาบนดาดฟ้าของโบสถ์ดู แต่เพราะประตูขึ้นไปดาดฟ้าได้ถูกล็อคไว้และบาดหลวงSabia เป็นเพียงผู้เดียวที่มีกุญแจเข้าออก แต่เขากลับไม่อนุญาตให้ตำรวจเข้าไปค้นหาในห้องใต้หลังคา์ โดยอธิบายว่าเขาไม่รู้จักเด็กหนุ่มผู้นี้ ดังนั้น Danilo จึงไม่มีทางขึ้นไปข้างบนได้อย่างแน่นอน และหากตำรวจขึ้นไปก็จะเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์ Sabia พยายามกว่าเจ้าหน้าที่อย่างสุดความสามารถ จนทุกคนต้องยอมล่าถอย
ทว่าสอบสวนเพิ่มเติมภายหลังเจ้าหน้าที่ได้พบกับภาพถ่ายใบหนึ่งของ Danilo ที่มีภาพของบาทหลวง Sabia อยู่ด้วย โดย Daniloเล่าว่านี่เป็นรูปในงานวันเกิดครบ18ปีของตัวเองจึงเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่าบาทหลวง Sabia รู้จักกับ Danilo ก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าเขาโกหกเจ้าหน้าที่ แต่จะใช้รูปถ่ายใบเดียวมาฟ้องร้อง Sabia ก็ยังมีน้ำหนักไม่มากพอ
1
ภาพหลักฐานแสดงว่าทั้ง Danilo และ Sabia เคยรู้จักกันมาก่อน
ตำรวจตรวจสอบไดอารี่ของ Elisa พร้อมทั้งวิเคราะห์เปรียบเทียบน้ำหนักของสีปากกาที่เหลือร่องรอยเอาไว้ หลังจากการเขียนของเธอ พวกเขาพบว่าไดอารี่หน้าหนึ่งของ Elisa หายไปจากการตรวจสอบร่องรอยของปากกาด้านหลังที่เหลืออยู่พบว่าเป็นภาษาแอลเบเนียหนึ่งคำ ดังนั้นตำรวจจึงติดตามเบาะแสสำคัญดังกล่าวโดยการเสาะหาชาวแอลเบเนียที่เกี่ยวข้องแต่กลับไม่พบความคืบหน้าใด ทำให้คดีดังกล่าว ยังคงค้างคาอยู่
1
ในปี1996 เมื่อDanilo ให้ปากคำเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของ Elisa แต่ตำรวจพบว่ามีการจุดที่เขาให้การเท็จ ด้วยเหตุนี้ Danilo จึงต้องโทษจำคุกเป็นระยะเวลา20เดือน หลังจากรับโทษระยะสั้นแล้วเค้าก็เดินทางออกจากอิตาลีไปในเดือนพฤษภาคมปี2002 Danilo ในวัย30ปีได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง บนถนนRichmond Park เมืองBournemouthของอังกฤษและเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีหนึ่ง
1
วันที่12พฤศจิกายนปี2002 หญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Heather Barnett ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในบ้านซึ่งตั้งอยู่กันข้ามของบ้านของ Danilo และที่น่าสนใจก็คือ จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า Danilo ได้แวะไปที่บ้านของเหยื่อก่อนเกิดเหตุเพียง 6วัน อีกทั้งหลักฐานที่ตำรวจพบในคดีนี้ยังมีความคล้ายคลึงกับคดีของ Elisa แสดงให้เห็นถึงวิธีการลงมือของคนร้ายทั้ง2คดีมีความใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของตำรวจ และถูกสอบสวนทันที
4
Heather Barnett
Part 4 : บทสรุป
1 ปีครึ่งหลังจากElisa เสียชีวิตก็มีนักศึกษาคนหนึ่งแจ้งตอบว่า Danilo แอบมาตัดผมของเธอไปหนึ่งกำมือเพื่อนำไปเก็บไว้ แต่ทั้งหมดแค่พิสูจน์ว่าเขามีรสนิยมแปลกประหลาดบางอย่างเท่านั้น ไม่สามารถนำเป็นหลักฐานได้ จนกระทั้งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในวันที่17 มีนาคมปี2010 คนงานกลุ่มหนึ่งเตรียมจะเข้าไปซ่อมแซมหลังคาที่รั่ว จนพบกับความลับที่ถูกเก็บงำไว้นานถึง 17ปีโดยบังเอิญ โฉมหน้าที่แท้จริงของ Danilo จึงถูกเปิดโปงในที่สุด
3
ตำรวจเก็บตัวอย่าง DNAของผู้ชาย ที่พบบนตัว Elisa และฟูกที่นอนไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบผล ปรากฏว่า DNA ทั้งหมดตรงกับ Danilo ขณะเดียวกันหลังจากตำรวจสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ17ปีก่อนอย่างละเอียดพวกเขาก็พบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นเสื้อผ้าของบาดหลวงSabia เคยมีชุดหนึ่งที่กระดุมสีแดงหลุดหายไปแต่เนื่องจาก Sabia ได้เสียชีวิตไปแล้วจึงไม่สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้
4
ภาพหลักฐานแสดงว่ากระดุมสีแดงเป็นของเสื้อบาทหลวง Sabia
ในเดือนพฤษภาคมปี2011 สองเดือนหลังจากพบศพ Elisa ศาลอังกฤษจึงได้เปิดการพิจารณาคดีใหม่อีกครั้งโดยสงสัยว่า Danilo จงใจทำร้ายBarnett ผู้เป็นเพื่อนบ้าน ด้านทีมสอบสวนจากอิตาลีก็ได้มาเป็นพยานในชั้นศาลของอังกฤษซึ่งคดีในอิตาลีได้ตรวจพบ DNA ที่ตรงกับของ Danilo บนเสื้อผ้าของ Elisa ดังนั้นคนที่ทำร้ายเธอคือ Danilo นั่นเอง
1
หลังจากศาลฟังธรรมให้การและหลักฐานของพนักงานสอบสวนอิตาลีเกี่ยวและรายละเอียดต่างๆแล้ว ก็พบว่าทั้ง2คดีนี้มีหลายจุดที่คล้ายคลึงกันมาก ประกอบกับพยานบุคคลและหลักฐานอื่นๆ ทางศาลจึงตัดสินว่าด Danilo มีความผิดจริงโทษฐานทำร้าย Barrnet มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ทว่าหลังจากนั้นทนายความของ Danilo กลับบอกว่าขณะที่ศาลตัดสินคดี ได้นำรายละเอียดคดีของ Elisa ที่เกิดขึ้นอิตาลีมาอ้างอิงมากจนเกินไป ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้เป็นจำเลย ดังนั้นการ Danilo จึงยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินดังกล่าว
1
ในเดือนพฤศจิกายน2012 คำอุทธรณ์ของเขาก็เป็นผล เมื่อศาลพิจารณาลดโทษจากจำคุกตลอดชีวิตเหลือเพียง40ปี วันที่8พฤศจิกายนปี2011 Danilo ถูกส่งตัวข้ามแดน ไปยังอิตาลีชั่วคราวเพื่อฟังการพิจารณาโทษคดีของ Elisa ศาลของอิตาลีดำเนินการพิจารณาคดีดังกล่าวโดยอัยการมีหลักฐานที่แน่ชัด สุดท้ายศาลตัดสินว่า Danilo มีความผิดจริงฐานทำร้าย Elisa ด้วยเจตนาจนแก่ความตาย มีโทษจำคุก30ปี ทว่า Danilo ยังคงยื่นเอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลทั้งในอังกฤษและอิตาลี แต่ศาลอังกฤษก็ยึนกรานว่า Danilo จะต้องรับโทษจำคุกตสมที่ตัดสินไป
2
วันที่23ตุลาคมปี2004 ศาลฎีกาอิตาลียืนยันคำตัดสินก่อนหน้าคือจำคุก Danilo 30 ปี ด้านตัวผู้ต้องหาเองสุดท้ายแล้วก็ต้องใช้ชีวิตในคุกที่อังกฤษไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลือของเขา และจะไม่มีวันได้เป็นอิสระอีกต่อไป
1
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
17 ธันวาคม 2021
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา