18 ธ.ค. 2021 เวลา 08:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : คดีฆาตกรรมในญี่ปุ่นที่ค้างคากว่า 14ปี ในที่สุดก็ถูกคลี่คลายได้ด้วยความบังเอิญ
5
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
2
Part 1 : เกริ่นนำ
คดีนี้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น จังหวัดHiroshima ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ Honshu เมื่อนักเรียนสาวระดับมัธยมปลายคนหนึ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยทางตำรวจได้ใช้เวลากว่า10ปีพยายามที่จะคลี่คลายคดีนี้ แต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว จนกระทั้งในปี 2010 ในขณะที่ทุกคนต่างคิดว่าคดีนี้คงไม่ถูกคลี่คลายได้แล้ว ก็มีเรื่องบังเอิญอันน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น
3
Part 2 : เริ่มเรื่อง
ในปี 2004 นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งมีชื่อว่า Kitaguchi Satomi ซึ่งในตอนนั้นเธอมีอายุได้17ปี เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่2ของโรงเรียนมัธยมศึกษา Hatsukaichi ครอบครัวของ Satomi อาศัยอยู่ในเขตต Hirara แบบบ้านเป็นอาคารแยกกันทางซ้ายมืออาคารหลัก ทางขวามือเป็นอาคารเสริม 2ชั้น ซึ่งภายในมีการเชื่อมต่อกัน ครอบครัวของ Satomi มีสมาชิก5คน ได้แก่คือพ่อ, แม่, ยาย, Satomi และน้องสาว แม่ของ Satomi ได้ให้กำเนิดเธอหลังจากแต่งงานได้5ปี ซึ่งเธอเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว
Kitaguchi Satomi
จนกระทั่งในวันที่5ตุลาคมปี2004 ซึ่งวันนั้นเป็นวันอังคาร เช้าวันนั้น Satomi ได้ปั่นจักรยานออกจากบ้านไปโรงเรียนตามปกติ และในวันนั้นถือเป็นวันพิเศษเพราะเป็นวันสอบ ซึ่งเธอมีสอบเฉพาะในช่วงเช้าและในช่วงบ่ายไม่มีคาบเรียน เพราะฉะนั้นในวันนี้ทางโรงเรียนจะเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ3ชั่วโมง ช่วงเที่ยงหลังจากสอบเสร็จแล้ว Satomก็ได้ขี่จักรยานกลับบ้าน
1
ในเวลาประมาณบ่ายโมง Satomiก็ได้กลับถึงบ้านซึ่งในเวลานี้พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำงานข้างนอก โดยมีเพียงยายและน้องสาวเท่านั้นที่อยู่บ้านซึ่งพวกเขากำลังดูทีวีในห้องนั่งเล่นที่ชั้น1 Satomiได้ทักทายพวกเขาหลังเข้ามาในบ้าน และเธอก็เดินขึ้นไปห้องตัวเองซึ่งอยู่บนชั้น 2 และได้นอนลงบนเตียงนอนเพื่อพักผ่อน เพราะในเวลา5โมงเย็น Satomiจะต้องออกไปทำงานพิเศษ
1
บ้านของ Satomi
ประมาณ1ชั่วโมงผ่านไป ในช่วงเวลาประมาณ3โมงเย็น ซึ่งยายและน้องสาวยังคงนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้น1 ทันใดนั่นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงดังของSatomi ดังมากจากห้องนอนของเธอ ยายและน้องสาวได้ยินเสียงกรีดร้อง ก็รีบลุกขึ้นเตรียมไปดูที่ชั้น2ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้เปิดประตูเข้าไปในห้อง และได้เห็นร่างของ Satomi ที่เต็มไปด้วยเลือด นอนนิ่งอยู่บนพื้นข้างเตียง และที่น่ากลัวกว่านั้นคือมีชายแปลกหน้ายืนอยู่ข้างๆร่างของ Satomi ซึ่งชายคนนั้นน่าจะมีอายุประมาณ20ปี ผมสั้นเกรียน ยังถือมีดไว้ในมือ จากภาพตรงหน้าที่ได้เห็นยายและน้องสาวต่างก็ตกใจและหวาดกลัว ผู้เป็นน้องสาวรู้สึกกลัวจนรีบลงไปชั้นล่างและรีบวิ่งออกจากบ้านไปซ่อนตัวอยู่ในร้านทำสวนแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากบ้านประมาณ50เมตร
8
ส่วนยายก็กลัวมากเช่นกันในขณะที่เธอกำลังจะหนีออกมา ทันใดนั้นชายแปลกหน้าก็ได้ใช้มีดที่กำไว้มือแทงเข้าที่หลังของเธอถึง4ครั้ง ทำให้เธอล้มลงกับพื้นหลังจากนั้นชายแปลกหน้าก็รีบวิ่งหนีออกจากบ้านไป และถึงแม้ว่ายายจะถูกมีดแทงหลายครั้งแต่ไม่ได้โดนจุดสำคัญ เธอจึงพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยแรงทั้งหมดที่มี เดินกลับไปห้องนั่งเล่นชั้น1 และโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นเธอก็หมดสติไป
4
Part 3 : เริ่มการสืบสวน
หลังจากที่ตำรวจได้รับสายแล้วก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่รุดไปที่เกิดเหตุทันที เพียงไม่นานรถตำรวจและรถพยาบาลก็มาถึงในที่เกิดเหตุ หลังจากที่เข้าไปในบ้านในพบร่างของยายนอนอยู่ข้างๆโทรศัพท์ที่ชั้น1 จึงรีบพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลและในห้องนอนบนชั้น2พวกเขาได้พบร่างของ Satomi นอนจมกองเลือดซึ่งไม่มีสัญญาณชีพจรแล้ว
3
จากการชันสูตรศพ พบบาดแผลถูกแทงมากกว่า10แห่ง ร่างกายเธอมีบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งเป็นบาดแผลที่ถูกแทงใกล้กับหัวใจ ร่างกายไม่มีร่องรอยข่มขืน จากนั้นตำรวจได้ตรวจสอบลักษณะพื้นที่บริเวณรอบๆเพื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย เพราะในบริเวณใกล้เคียงนั้นมีบ้านคนอยู่หลายหลัง หากมีคนเห็นทิศทางการหลบหนีของคนร้ายก็อาจจะช่วยคลี่คลายคดีได้
2
ตำรวได้เริ่มสืบจากคนที่อยู่ในระแวกใกล้เคียง พวกเขาได้ทำการสำรวจจากการเคาะประตูบ้านของผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้น แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาบ่าย3โมง ซึ่งมีคนเดินอยู่บนถนนน้อยมาก จึงไม่มีใครมองเห็นว่ามีคนวิ่งออกจากบ้านSatomi ตำรวจจึงไม่สามารถระบุทิศทางการหลบหนีของผู้ร้ายได้ จึงทำให้มีความยากลำบากในการสืบคดี
5
ส่วนยายของ Satomi ได้ถูกส่งไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในพื้นที่ เนื่องจากได้ทำการช่วยเหลือทันเวลา เธอจึงรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์ และในเวลาเดียวกันการรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทางตำรวจได้เก็บลายนิ้วมือของบุคคลต้องสงสัยได้สำเร็จ ซึ่งมันอาจเป็นลายนิ้วมือที่ผู้ร้ายทิ้งไว้และยังตรวจพบรอยรองเท้าขนาดเดียวกันหลายรอย บนพื้นในห้องนอนของ Satomi ทางตำรวจสันนิษฐานว่าร่องรอยนี้เป็นของคนร้าย ที่ไม่ทันได้ทำลายหลักฐานก่อนการหลบหนี ดูจากลักษณะของพื้นรองเท้าสามารถตรวจพบยี่ห้อและรุ่นของรองเท้านี้ได้ ซึ่งขนาดของรองเท้าคือ26-27 เซ็นเมตร และยังพบรังแคติดอยู่ในเล็บของ Satomi จากรังแคนี้ ทำให้สามารถตรวจสอบได้ถึงDNAผู้ชาย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วสามารถอนุมานได้ว่า DNA นี้เป็นของฆาตกร
15
แม้ว่าทางตำรวจจะตรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแต่ก็ยังเป็นการยากที่จะคลี่คลายคดีโดยอาศัยหลักฐานเหล่านี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังโชคดีมีน้องสาวและยายของSatomi ได้เห็นหน้าตาของฆาตกรหลังจากการซักถามแล้ว พวกเขาได้ให้การว่าพวกเขาจำหน้าตาของฆาตกรได้อย่างชัดเจน จากคำอธิบายของน้องสาวและยายทำให้ตำรวจสามารถสเก็ตภาพวาดของชายคนนั้นออกมาจากสำเร็จ ชายคนดังกล่าวมีลักษณะผมสั้นและตาตี่ บนใบหน้ามีสิวอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างอวบ สูงประมาณ165 เซ็นติเมตร มีอายุประมาณ20ปี
12
ภาพสเก็ตของคนร้าย
หลังจากสเก็ตภาพว่าเสร็จแล้วทำให้ทางตำรวจมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น พวกเขาคิดว่าเพียงแค่สามารถยืนยันบุคคลในภาพนี้ได้ บวกกับหลักฐานอื่นๆจากในที่เกิดเหตุ ก็จะสามารถที่จะตัดสินลงโทษอาชญากรได้ ดังนั้นทางตำรวจจึงได้มอบภาพดังกล่าวให้กับครอบครัวของ Satomi รวมถึงเพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมชั้น และผู้สัญจรไปมาในบริเวณใกล้เคียงดู พยายามหาคนที่จำเขาได้ แต่ก็ไม่มีใครจำได้ว่าบุคคลในภาพเป็นใครจึงทำให้การตรวจสอบคดีต้องหยุดชะงักอีกครั้ง
5
การจากไปของ Satomi ทำให้ครอบครัวเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดมากขึ้นคือการที่ไม่สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ เขาวิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อแม่ของ Satomi ได้เก็บเงินจำนวน3ล้านเย็นไว้เพื่อเป็นเงินค่าเล่าเรียนสำหรับการเรียนมหาวิทยาลัยของ Satomi แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีเหตุร้ายดังกล่าวเกิดขึ้น เกี่ยวกับเรื่องนี้พ่อของ Satomi รู้สึกเศร้าและโกรธมากเขาบอกว่าในชีวิตนี้จะไม่มีวันให้อภัยฆาตกรเลย เขาจึงได้นำเงินทั้งหมด3ล้านเยนนี้มาเป็นเงินรางวัลมอบให้กับคนที่สามารถแจ้งเบาะแสของฆาตกรได้
1
โปสเตอร์รางวัลแจ้งเบาะแสถูกติดตามถนน และสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านทั่วประเทศ ซึ่งทำให้มีความรู้ข่าวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ว่าจะมีเบาะแสที่จำกัดแต่ทางตำรวจก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ ในช่วงเวลา10ปีต่อเนื่องนี้พ วกเขาทำการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยมากกว่า 40,000คน ปีแล้วปีเล่าข่าวตามกาลเวลา ฆาตกรยังคงลอยนวลอยู่เหนือกฎหมาย ทางพ่อของ Satomi ก็ได้สร้างเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อเขียนบันทึก ซึ่งเขาอัพเดทเกือบทุกวัน และมุ่งมั่นเขียนมาเป็นเวลา10กว่าปี เขาได้เขียนความรู้สึกของตัวเองและเปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของคดีในช่วงเวลา10กว่าปีนี้ โดยเขาได้เขียนไว้กว่ากว่า 4,000บทความ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะพบฆาตกร และคืนความยุติธรรมให้กับลูกสาวของเขา
18
หลังเกิดเหตุแล้ว11ปี ทางตำรวจได้ทำการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากจังหวัดอื่นๆและทีมผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐมาทำการตรวจสอบคดีใหม่อีกครั้ง ทีมคณะผู้เชี่ยวชาญนี้มีชื่อว่า Behavior Analysis Unit หรือ BAU พวกเขาคือทีมวิเคราะห์พฤติกรรมของหน่วยงานFBI แผนกนี้มีเป้าหมายที่จะใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์เพื่อช่วยในการสืบสวนคดีอาชญากรรม และทีมงานนี้ยังเคยช่วยคดีมากมาย ทางทีมสืบสวนได้ทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง พวกได้วิเคราะห์อย่างครอบคลุมผ่านการใช้หลักการทางจิตวิทยาอาชญากรจนได้มาถึงผลสรุป ในปีนั้น ขณะที่ผู้ร้ายได้กระทำความผิดนั้นเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะฆ่าSatomi แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ร้ายได้กระทำความผิด
8
อีกทั้งพวกเขาได้ติดตามจากภาพสเก็ตเดิมของตำรวจ บวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้รูปลักษณ์ของผู้ต้องสงสัยหลังได้ก่อเหตุมาแล้ว11ปีเมื่อเทียบกับภาพสเก็ตเก่าของปีนั้นภาพบุคคลที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์นี้มีความใกล้เคียงกับผู้ต้องสงสัยมากขึ้น แต่จากการช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญBAU คดีก็ยังคงไม่มีความคืบหน้า
3
ภาพสเก็ตของคนร้ายจากการช่วยเหลือของ BAU
Part 4 : บทสรุป
2
ในขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าคดีที่ค้างคามานานกว่า10ปีนี้จะไม่มีวันที่จะสามารถคลี่คลายคดีได้ และในวันหนึ่งของเดือนเมษายนปี 2018 ก็มีเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น ในวันนั้นทางตำรวจในจังหวัด Yamaguchi ประเทศญี่ปุ่นได้รับโทรศัพท์แจ้งความ ผู้ที่โทรมาได้บอกว่าเขาเป็นคนเมืองUbe จังหวัดYamaguchi เป็นพนักงานของบริษัทรับเหมาก่อสร้างซึ่งหัวหน้าของเขาได้อารมณ์เสียอย่างมาก และได้เตะเขาเข้าที่บริเวณสะโพกอย่างแรง
6
ทางตำรวจจึงได้มาที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง คนที่โดนทำร้ายคือ Manabu Kashima ซึ่งในปีนี้มีอายุ35ปี เขาเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทนี้ ทำงานที่นี่มาเป็นเวลา10ปีแล้ว เนื่องจากมีความขัดแย้งในเรื่องการทำงานบางอย่างจึงทำให้เจ้านายโกธร และลงมือทำร้ายร่างกายเขา เขาจึงโทรแจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากที่ทางตำรวจมาถึงบริษัทของพวกเขา อารมณ์โมโหของทั้งสองฝ่ายก็ได้ลดลงจนเกือบหมดแล้วแต่เนื่องจากมีแจ้งความกับทางตำรวจแล้ว ตามกระบวนการกฎหมายทางตำรวจจึงต้องทำบันทึกของคนทั้ง2ไว้
8
Manabu Kashima
เมื่อตำรวจเรียกเก็บลายนิ้วมือของ Kashima เขาก็ได้แสดงอาการกระสับกระส่ายและวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สังเกตุเห็นความวิตกกังวลของเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจคิดว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน จึงได้นำลายนิ้วมือของ Kashima ส่งมอบให้กับหัวหน้ากองบัญชาการตำรวจจังหวัด Yamaguchi
หลังจากการไม่นาน สำนักงานตำรวจ Yamaguchi ได้ป้อนลายมือลงในฐานข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบ ทำให้ตำรวจทราบว่าลายนิ้วมือนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีฆาตกรรมเด็กนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายของจังหวัดHirochima เมื่อ14ปีก่อน ซึ่งตรงกับลายนิ้วมือที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทุกอย่าง, Kashima นั้นอาศัยอยู่ในเมือง Ube จังหวัด Yamaguchi ซึ่งติดกับจังหวัด Hirochima และระยะห่างจากเมือง Ube ไป Hatsukaichi คือประมาณ 100กิโลเมตร ซึ่งเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นผู้ก่อเหตุอาชญากรรม
3
เมื่อ14ปีที่แล้ว Kashima อายุ21ปี จุดนี้ได้คล้ายกับที่น้องสาวและยายของSatomi ได้ให้การไว้ เขาจึงถูกจับกุมและส่งมอบตัวให้กับตำรวจจังหวัด Hirochima ในเดือนมีนาคมปี 2020 คดีดังกล่าวได้ดำเนินถึงชั้นศาลในขณะ Kashima ถูกตำรวจจับ ตอนแรกเขาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่พอมาถึงในชั้นศาลต่อหน้าหลักที่สำคัญ ในที่สุดKashima ก็รับสารภาพกับคดีอาชญากรรมที่เขาก่อขึ้นเมื่อ14 ปีก่อน
8
Manabu Kashima ขณะถูกจับกุม
Kashima ได้บอกว่าตัวเขาไม่ได้รู้จักกับSatomi, ในปีนั้นเขาได้ขี่จักรยานยนตร์จากเมืองUbe ไปยังเมือง Hatsukaichi เนื่องจากเรื่องงานไม่เป็นไปดั่งใจ ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก และในวันนั้นผู้คนบนถนนก็บางตามาก แล้วเค้าได้เจอกับSatomi ที่กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านในตอนเที่ยง และเพราะความใคร่ที่เกิดจากตัณหาทำให้เขากิดความคิดที่ไม่ดี เขาได้สะกดรอยตาม Satomi ไปถึงที่บ้านของเธอ หลังจากที่เฝ้าสังเกตอยู่ด้านนอกประตูสักพักจึงได้ตัดสินใจ แอบเข้าไปในห้องเพื่อทำการข่มขืนเธอ แต่Satomi ได้ต่อต้านและต่อสู้อย่างหนัก นั่นทำให้เขาโมโหมากและหยิบมีดพับในกระเป๋าออกมา จากนั้นเขาก็พลั้งมือฆ่า Satomi
7
ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวว่าการก่อเหตุคดีนี้เกิดขึ้นจากความเครียดสะสมระยะยาวจากการทำงานของ Kashima และยังได้กล่าวอีกว่าสิ่งที่ Kashima ทำไปนั้นเป็นเพียงแค่ความคิดชั่ววูบ ซึ่งหวังว่าจะได้รับการลดโทษจากศาล โดยต่อมาในวันที่18มีนาคมทปี 2020 ศาลจังหวัด Hiroshima ผู้พิพากษาได้ตัดสินจำเลย Kashima ในข้อหาฆาตกรรม และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
8
ในที่สุดคดีใหญ่ซึ่งค้างคามากว่า14ปี ก็ถูกคลี่คลาย หลังจากการตัดสินแล้วพ่อของ Satomi ก็ได้เขียนไว้ในเว็บไซต์ของเขาว่า “พ่อขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้แม้ความยุติธรรมจะมาช้าแต่มันก็ได้มา” จนมาถึงวันนี้พ่อของSatomi ก็ยังคงอัพเดทบันทึกบนเว็บไซต์ของเขาตลอดเวลา เขายังคงรู้สึกผิดต่อลูกสาว และหวังว่าเขาจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้ในเร็ววัน
14
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
17 ธันวาคม 2021
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา