"นิโรธ ต่างจากนิพพานอย่างไร ?"
" … เนื้อนิโรธ ที่เรียกว่าเนื้อรองสุดท้าย
กับเนื้อนิพพานธาตุ มันจะมีความแตกต่างกัน
สภาวะนิโรธ ไม่ได้มีอะไรมากเลย
เป็นแค่สภาวะรู้ที่สงบ
ที่ไร้ตัวตน ไร้การปรุงแต่ง
เพราะฉะนั้นเวลาเรามาถึงขั้นนี้
เราต้องแยกให้ออกระหว่าง
อาการรู้ที่เป็นจิตตั้งมั่น ที่เป็นโลกิยธรรม เป็นตัวรู้
กับอาการรู้ที่เป็นอมตธรรม ที่ไร้การยึดติด
มันต่างกันอย่างไร ?
สภาวะตรงนี้ใหม่ ๆ มันจะหลุดชั่วคราว
เวลามันหลุดจะเหลือแค่กิริยา
การคิด การพูด การคุย ความเป็นตัวเราหายไป
แต่เดี๋ยวมันจะกลับมายึดในขันธ์ 5 เป็นตัวเราใหม่
พอเป็นตัวเราปุ๊บ เป็นเรารู้ เราคิด เราคุย
เพราะฉะนั้นถ้าเราพลิกไปมาวิปัสสนากับสมถะได้นี่
เราจะเห็นการทำงานตรงนี้
ระหว่างมีตัวเรา กับไร้ตัวเรา
เป็นตัวเราคิด เราพูด เราทำ
กับการแค่เห็น เห็นการคิด การพูด การคุย
ถ้าเราอยู่กับ รู้ ไปเรื่อย ๆ
รู้ที่เป็นอมตธรรมตรงนี้จะมีความละเอียดขึ้นไป
พลังงานตรงนี้ก็จะเนียน ละเอียดขึ้นไปเรื่อย ๆ
บริสุทธิ์ขึ้นไป
ถ้าละเอียดพอ จะพบกว่าเนื้อนิโรธนี้ยังมี “เหตุ”
เหตุที่ทำให้สรรพสิ่งยังก่อกำเนิดขึ้นมาได้อีก
พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า อุปธิ
หรือเหตุที่ทำให้เกิดอวิชชา
จะเป็นละอองธาตุที่เข้ามาบดบัง
จากนั้นจะเกิดสังขารความปรุงแต่ง
ธรรมชาติจะหมุนเป็นวัฏฏะ
จะหมุนตามเข็มนาฬิกาเหมือนกันหมด
ถ้าใครละเอียดมาก แม้กระทั่งความคิดที่ก่อตัว
จะเป็นวังวนขึ้นมาก่อน
ก่อนที่จะเกิดเป็นความคิดความปรุงแต่งต่าง ๆ
ธรรมชาติจะเหมือนกันหมด เป็นวัฏฏะทั้งหมดเลย
ถ้าสภาวะรู้มีความละเอียดมาก
จะเห็นกระบวนการตั้งแต่
ก่อนที่จะเกิดเป็นจิตหรือความคิดอีก
ที่เรียกว่าเห็นปฏิจจสมุปบาท
ก็เพียงแค่อยู่กับ รู้ ไปเรื่อย ๆ
จะค่อย ๆ ละเอียดขึ้น
การหลุดจากเนื้อธรรมตรงนี้
ต้องไม่มีสิ่งที่ยึดติดอะไรได้อยู่เลย
ตรงนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ปม หรืออะไรก็ตาม
จะคอยดึงให้เราอยู่ในเนื้อนิโรธนี้
แต่ถ้าเราสลัดคืนจากเนื้อนิโรธนี้ได้
เราจะเข้าถึงเนื้อที่บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า นิพพานธาตุ
เนื้อนิพพานธาตุนี้ จะไม่มีอุปธิเหลืออยู่เลย
สภาวะที่ว่างเป็นภราดรภาพ
ข้างในจะมั่นคงเป็นปึกแผ่น
เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมดเลย และบริสุทธิ์มาก
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเนื้อสุดท้าย เพราะว่าบริสุทธิ์
เนื้อตรงนี้ อวิชชาหรือสรรพสิ่งจะก่อกำเนิดไม่ได้เลย
จะมีแต่สิ่งที่เรียกว่าพลังงานความว่างที่บริสุทธิ์
ที่เรียกว่าบารมีธรรม
เนื้อตรงนี้ (นิพพาน) จะละเอียดกว่าเนื้อรองสุดท้าย (นิโรธ) มาก
พลังงานนี้เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์
เราจะพบกับความว่างที่เนียนละเอียดและเป็นปึกแผ่น
ภราดรภาพ
สภาวะตรงนี้ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ก่อตัวขึ้นมาไม่ได้เลย
เป็นความบริสุทธิ์ที่สงบมาก
ใหม่ ๆ ก็หลุดชั่วคราว เดี๋ยวก็จะกลับมาอีก
จนกว่าเราจะปฏิบัติจนเริ่มมีฐานบารมีในเนื้อธรรมนี้
ถึงจะเริ่มอยู่ได้
ก็ค่อย ๆ ปฏิบัติไป จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า บารมีธรรมเต็มรอบ
จะเกิดการหลุดพ้นที่เป็นสมุจเฉทขึ้นมา
ต้องค่อย ๆ ปฏิบัติไป
แต่บางคนมีฐานบารมีตรงนี้อยู่
เพราะฉะนั้นแต่ละคนไม่เท่ากัน
แต่การฝึกสติปัฏฐาน 4 จนหลุดจากการยึดมั่นถือมั่น
จะทำให้เข้าถึงเนื้อสภาวธรรมตรงนี้ที่บริสุทธิ์ได้ … "
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
