19 ธ.ค. 2021 เวลา 13:09 • ไลฟ์สไตล์
"เห็นโลกตามความเป็นจริง"
" …​ ปกติเราเห็นโลกเป็นสมมติไปหมดเลย
เป็นรูป เป็นร่าง เป็นแสง เป็นสี เป็นตัว เป็นตน เป็นต่าง ๆ ไปหมด
นี่คือเห็นโลกแบบสมมติ
แต่เมื่อใดที่อบรมสติปัฏฐาน ๔ จนเกิดวิปัสสนาญาน
เกิดญานรู้เห็นตามความเป็นจริงขึ้นมา
การมองโลกของเราจะเปลี่ยนไปเลย
จริง ๆ รูปกาย นามกาย มันแตกดับตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่ว่าฆนสัญญามันบังอยู่
ธรรมจักษุยังไม่เกิดขึ้น เราไม่เห็นไง
เราเลยเห็นว่าร่ายกายมันเป็นก้อน เป็นเนื้อ เป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
แต่เมื่อใดที่อบรมสติปัฏฐาน ๔ จนเกิดวิปัสสนาญานขึ้นมา
มันเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง
มันมีแต่สิ่งที่แตกดับ
มันเป็นการแตกดับระดับเซลล์อยู่ตลอดเวลา ยิบยับไปหมด
2
จริง ๆ ธรรมชาติของกายของใจที่แตกดับตรงนี้
นักวิทยาศาสตร์เค้ารู้อยู่แล้วนะ
เค้ารู้เลยว่าร่ายกายประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ
ในอวัยวะต่าง ๆ ก็จะประกอบด้วยเซลล์นับไม่ถ้วน เป็นจำนวนมาก
ทุกเซลล์ก็เปลี่ยนแปลง เกิดดับอยู่ตลอดเวลา
นักวิทยาศาสตร์เค้ารู้ธรรมชาติตรงนี้อยู่
แต่เค้าละกิเลสไม่ได้ เพราะว่าอะไรรู้ไหม ?
ความรู้แบบนี้มันเป็นสัญญาไง
มันเป็นความรู้แบบสัญญาความจำ
มันไม่สามารถถอดถอนอุปาทาน การยึดมั่นถือมั่นได้
จนกว่าเค้าจะอบรมสติปัฏฐาน ๔
จนเกิดวิปัสสนาญานขึ้นมา
เห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง
เห็นการแตกดับของรูปนาม ต่อหน้าต่อตา
สภาวะจะประดุจหยดน้ำบนใบบัว
เวลาหยดน้ำหยดลงใบบัวเป็นยังไง ? กลิ้งออก
มันไม่ซึมซาบเข้าไปในใบบัว
ฉันใด สังขตธรรม รูปนาม ขันธ์ ๕ สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา
กับสิ่งที่เรียกว่า อมตธรรม
เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่ปราศจากการปรุงแต่ง
มันจะไม่ระคนกัน เหมือนน้ำกับน้ำมันจะไม่ผสมกัน
เวลามีเสียง ความคิด ผัสสะต่าง ๆ
มันหลุดออก กลิ้งออก
เกิดสภาวะแยกธาตุแยกขันธ์ แตกดับของใครของมัน
ตอนที่เป็นจิตตั้งมั่น
มันยังเป็นเรารู้ เราคิด เราพูด เราคุย เป็นตัวเราหมด
แต่พอเป็นวิปัสสนาญานปุ๊บ เห็นแค่อาการ
หลุดไปคิด ไปปรุงเป็นการคิด การปรุง การพูด การคุย
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
มันแยกธาตุแยกขันธ์ แตกดับของใครของมันหมดเลย
มันเป็นสภาวะที่หลุดจากการยึดมั่นถือมั่น
และเมื่อสามารถถอดถอนอุปาทาน
หลุดจากการยึดมั่นถือมั่นตรงนี้
จะหยั่งเข้าสู่อมตธรรม เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์
ที่พ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง …​"
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา