Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
20 ธ.ค. 2021 เวลา 03:59 • หนังสือ
✴️ บทที่ 🔟 ผู้เยียวยา ✴️ (ตอนที่ 1)
บทที่ 🔟 ผู้เยียวยา
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
เราต้องรู้จักแบ่งปันความรู้ของเรากับผู้อื่น...เราทุกคนล้วนมีความสามารถเปี่ยมล้นเหนือกว่าที่เราใช้จริงตอนนี้ เจ้าจะพัฒนาผ่านทางการมีสายสัมพันธ์ และมีบางครั้งที่เราไปมีสายสัมพันธ์กับดวงวิญญาณเบื้องบนที่เลือกลงมาเกิดพร้อมสรรพความรู้ที่สูงกว่า ดวงวิญญาณเหล่านี้จะออกค้นหาผู้คนที่ต้องการการพัฒนา และช่วยพวกเขาบรรลุ
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ในโรงเรียนชั้นรวมที่เราเรียกว่าโลกใบนี้เราไม่ได้เรียนรู้บทเรียนของเราทุกบทได้พร้อมกันในเวลาเดียวกันหรอกครับ ยกตัวอย่างเช่นเราอาจจะเก่ง วิชาเมตตาธรรมหรือการบริจาคทานสร้างกุศลเป็นที่หนึ่งเลย แต่กับเรื่องความรู้จักอดทนอดกลั้นและให้อภัยเรากลับอยู่แค่ขั้นไต่เตาะแตะอยู่เลย เราอาจจะเป็นนักศึกษาสำเร็จปริญญาในเรื่องความศรัทธาและความหวัง แต่ยังอยู่ห้องอนุบาลในเรื่องของอารมณ์โกรธและใจถือหลักอหิงสาคือไม่ใช้ความรุนแรง
เหมือนกันครับ เราอาจจะพกพาเอาความรู้และทักษะที่เราเรียนรู้จากชาติภพก่อนๆติดตัวมากับเราด้วย บางทักษะเราก็เก่งเป็นเลิศเลยทีเดียว แต่ในหลายเรื่องเราก็เหมือนพระหัดใหม่ค่อยๆคลำกันไป ในหมู่พวกเรามีมากมายหลายคนเลยที่เขาช่ำชองเชี่ยวชาญในวิชาและทักษะบางประเภท และพวกเขาก็มาเจอเราเพื่อจะแบ่งปันความรู้ที่เขามีให้กับเราที่เป็นศิษย์ และในบางเรื่องราวเราก็สลับบทบาทผลัดกันช่วย
เพราะเราต่างก็เป็นครูและศิษย์ซึ่งกันและกัน และเราต่างต้องช่วยกันแบ่งปันความรู้มอบให้แก่กันและกันนั่นเอง
แพทย์หลายท่านเลือกเส้นทางสายมาเป็นหมอรักษาคนก็เพื่อจะแสดงความสามารถทางการเยียวยารักษาชีวิตให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อจะได้ช่วยคนและสอนคนด้วยเช่นกัน ในทางตรงข้าม หมอที่มีปัญญาจริงจะเปิดกว้างรับการเรียนรู้จากคนไข้ของตัวเองเสมอ คนไข้อาจจะสอนหมอให้รู้จักคำว่ารัก ความกล้าหาญ รู้จักคำว่าสันติสุขภายในเป็นอย่างไร หรือสอนบทเรียนอื่นใดอีกมากมายที่เรามาเกิดเพื่อจะได้เรียนรู้บทเรียนเหล่านี้ ทั้งหมอทั้งคนไข้ต่างมีแต่ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายเลยครับ
. . .
บ่ายแก่ๆวันหนึ่ง คนไข้ของผมที่นัดมาบำบัดไว้เดินเข้ามาพร้อมกับบ่นว่าแผลฉีดยากันบาดทะยักของเธอเกิดติดเชื้อ แขนระบมไปหมด ไข้ขึ้นและเจ็บมาก แล้วก็ขึ้นเป็นไตแข็งรอบรอยฉีด เธอเพิ่งเจอแพทย์ฝึกหัดที่เธอรู้จักคนหนึ่งตรงทางเดินโรงพยาบาลระหว่างที่จะมายังห้องทำงานผม เขา แนะนำเธอว่าพรุ่งนี้เช้าให้ไปหาเขาที่ห้องทำงานเพื่อจะได้รักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะให้
“อย่างนี้ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะครับ” เขาบอกเธอ “ไม่งั้นแผลจะอาการหนักขึ้น”
ผมตัดสินใจลองช่วยเธอด้วยวิธีสะกดจิตดู เธอเข้าสู่ภวังค์ลึกได้เร็วมาก ผมแนะให้เธอใช้แสง 𝗛𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 𝗟𝗶𝗴𝗵𝘁 หรือแสงเยียวยาอาบไปที่แผลตรงแขน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้คล่อง ทำความสะอาดบริเวณแผล ปล่อยเซลล์เสียหายออกไปเสีย ขจัดแบคทีเรียร้ายออกให้หมด เธอวาดภาพเซลล์ใหม่ๆที่แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นแทนและโรคร้ายหายเกลี้ยงออกจากแขน
พอจบการบำบัด ความเจ็บก็หาย แผลติดเชื้อลดอาการแสบร้อนลง ผมไม่แปลกใจเลยเพราะการสะกดจิตใช้เป็นวิธีลดอาการเจ็บปวดมาตลอดอยู่แล้ว ถึงเวลาเข้านอน แผลที่บวมอยู่ก็ลดลงครึ่งหนึ่ง พอตื่นเช้าแขนของเธอก็กลับหายเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยของการติดเชื้ออยู่เลย แต่หญิงสาวก็ลองไปหาหมอของเธออยู่ดี
“แขนคุณเป็นอะไรไปน่ะ❓” เขาถึงกับอุทานเลย “แผลแบบนี้มันหายเองไม่ได้หรอก”
“คงจะดีขึ้นเองโดยธรรมชาติมั้งคะ” เธอตอบแบบเก็บความลับไว้กับตัว
เธอรู้ดีว่าอธิบายกันแบบนี้เขาจะยอมรับได้มากกว่า เพราะเขาเป็นคนปิดกั้นความคิดไม่ยอมรับการแพทย์แผนทางเลือกหรือรักษาหลายวิธีผสมผสานกันเท่าไหร่ ถ้าเธอขืนไปบอกว่าเธอรักษาด้วยวิธีนำจินตภาพในภาวะสะกดจิตมีหวังต้องโดนหมอเอ็ดเอาแน่
✨ อาการป่วยไข้ไม่ใช่อยู่ดีๆก็หายเองโดยธรรมชาติ คนเราไม่รู้หรอกว่าภายในร่างกายมีระบบกลไกของเขาอยู่ แต่พลังแห่งการรักษาที่เข้มแข็งมากกำลังช่วยเยียวยาส่วนที่เสียหายอยู่อย่าง “ลับๆ” ✨
. . .
ผมรู้จัก ดร.เบอร์นี ซีเกล มานานก่อนที่คุณหมอจะกลายเป็นนักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์หลายเล่มเกี่ยวกับเรื่อง ‘กายกับจิตผูกพันกัน’ (𝗺𝗶𝗻𝗱𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗰𝗼𝗻𝗻𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻) หนังสือชื่อ 𝗟𝗢𝗩𝗘, 𝗠𝗘𝗗𝗜𝗖𝗜𝗡𝗘 𝗔𝗡𝗗 𝗠𝗜𝗥𝗔𝗖𝗟𝗘𝗦 กับ 𝗣𝗘𝗔𝗖𝗘, 𝗟𝗢𝗩𝗘 𝗔𝗡𝗗 𝗛𝗘𝗔𝗟𝗜𝗡𝗚 เป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์ยอดฮิตของคุณหมอทั้งคู่
คุณหมอเบอร์นีเป็นศัลยแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลเยล-นิวฮาเวน คอนเนคติคัต ตอนที่ผมยังเป็นนักเรียนแพทย์อยู่ที่เยลฝึกผ่าตัดอยู่ในช่วงปลายปี 𝟭𝟵𝟲𝟬 ผมขอเลือกมาอยู่ฝึกงานช่วยศัลยแพทย์ดีกว่า เพราะแพทย์ผ่าตัดจะทำงานเร็ว คล่องกว่า แถมสนุกกว่าฝ่ายทำงานนั่งโต๊ะทั้งวันเยอะ
นักวิชาการในออฟฟิศจะชอบสั่งโน่นนี่ ดุ แล้วก็เกร็งกันไปหมด คุณหมอเบอร์นีกับหมอผู้ช่วย ดร.ริชาร์ด เซลเซอร์ ซึ่งก็เขียนหนังสือดังไว้หลายเล่มเช่นกัน คุณหมอทั้งสองเป็นคนตลกกว่าใครๆเลยครับ คนไข้เย็บแผลของสองคุณหมอจะไม่มีวันเหงา เพราะคุณหมอแกจะคิดมุกฮาๆมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องขำขันชวนหัว บางทีก็ร่ายกลอนเปล่าและโป๊ะป๊ะเล่นแก๊กแหย่กันประจำ เป็นคุณหมอจอมตลกเลยจริงๆ แล้วแถมยังเป็นหมอศัลย์ฝีมือเลิศ ผมเองได้เรียนเรื่องผ่าตัดมาตั้งเยอะจากคุณหมอนี่แหละครับ
ตอนเราเล่าเรื่องชวนฮากันนั้นเราไม่รู้เลยว่าคนไข้บางรายที่แม้ว่าตัวเองจะยังสลบเพราะฤทธิ์ยาอยู่กลับได้ยินเรื่องสนุกๆที่เราเล่า เสียงที่เรากระเซ้าเย้าแหย่กัน ตอนนี้เรารู้แล้วครับ ผมเพิ่งได้คุยกับหมอเบอร์นีมาหลังจากคุณหมอเพิ่งเสร็จสัมมนาเชิงปฏิบัติการในไมอามี่ เราตัดสินใจว่าการคุยเล่นเล่าเรื่องตลกในระหว่างผ่าตัดนั้นทำได้ อย่างแย่ที่สุดก็เพียงทำให้คนไข้นึกห่วง คิดว่านี่ ดร.ซีเกล มาทำตลกทำไมเนี่ย❓ สนใจเนื้อตัวของฉันหน่อยซี่ สำหรับฉันเรื่องนี้ ‘สำคัญ’ มากเลยนะ
ให้คนไข้ได้ฟังหมอเล่าเรื่องสนุกๆเสียยังจะดีกว่าได้ยินหมอบอกผลร้ายๆกับคนไข้ว่าโอกาสรอดน้อยแค่ไหน หรือบอกว่าผลจากการผ่าตัดจะทำให้คนไข้หมดสมรรถภาพถาวรด้านไหนบ้าง การประกาศโพล่งออกไปอย่างนั้นมีแต่จะยิ่งทำให้คนไข้ถอดใจ แทนที่จะมีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรคหรือความพิการให้ชนะ
(มีต่อ)
หนังสือ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย