✴️ บทที่ 🔟 ผู้เยียวยา ✴️ (ตอนที่ 2)
มีเคมีที่ลึกซึ้งยิ่งใหญ่ให้คนเป็นหมอได้สัมผัสมากกว่าแค่ผลตรวจเลือดกับห้องแล็บ
หมอมากมายหลายท่านมีงานยุ่ง เครียดมาก กลัว คิดถึงตัวเองเป็นที่ตั้ง หรือไม่ก็งกเงินเสียจนหมอเหล่านั้นไม่ยอมใช้เวลารับฟังคนไข้ ไม่มีเวลาไปสุงสิงเสวนากับพ่อแม่ของคนไข้เลย เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเศร้ามากทั้งกับตัวหมอและตัวคนไข้เอง คนเป็นหมอปฏิเสธตัวเองไม่ยอมพบกับความพอใจที่ได้รู้จักคนไข้แบบใจถึงใจ ก็เลยเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรอีกมากจากการรู้จักกันในเชิงบำบัด
พอไร้ซึ่งความรู้สึกอิ่มใจที่ได้รู้จักกันแบบใจแลกใจเสียแล้ว การปฏิบัติของหมอก็แห้งแล้งขาดชีวิตและเหมือนทำตามหน้าที่มากเกินไป แล้วหมอก็จะรู้สึกว่างานมันเร่งเหลือเกิน ทำไม่ทันอยู่ตลอดเวลา อาการหดหูท้อแท้หมดพลังทั้งกายใจก็จะตามมา ส่วนคนไข้เองก็จะรู้สึกว่าหมอรักษาอย่างรีบๆและเหมือนหมอไม่ใส่ใจเขาเลย เขาจะรู้สึกว่าหมอมองเขาเหมือนเป็นโรคโรคหนึ่ง หรืออวัยวะชิ้นหนึ่ง (หรือที่ร้ายกว่านั้นคือมองเขาแล้วเห็นแต่ตัวเงิน) สำหรับหมอเท่านั้นเอง ไม่ได้มองในฐานะเป็นเพื่อนหรือเป็นคนเหมือนกัน เกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไข้ถูกกัดกร่อนทำลายลงเสียแล้ว
คนเป็นหมอทุกคนจะได้รับผลกระทบทางใจมากเลยครับหากพวกเขาใช้เวลาสักนิดรับฟังและเรียนรู้จากคนไข้ มีคุณหมอหลายท่านเลยที่เล่าให้ผมฟังว่าเจอกรณี “ที่ไม่ธรรมดา” กรณีที่เข้าสัมผัสใจพวกเขาอย่างที่โรงเรียนแพทย์ไม่เคยสอนมา
. . .
ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังในไมอามีท่านหนึ่งเล่าเรื่องที่น่าฟังที่สุดให้ผมฟัง ขนาดเรื่องเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้วแต่สีหน้าของคุณหมอยามเล่าเรื่องยังฉายแววความอัศจรรย์ใจไม่รู้หาย
คนไข้รายหนึ่งของคุณหมอประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์คว่ำ เธอบาดเจ็บที่ศีรษะขั้นร้ายแรง เสียโฉมและยังบาดเจ็บภายในอีก แม้กำลังจะได้เข้าผ่าตัดด่วนแต่คนไข้มีวี่แววจะรอดชีวิตได้ยากนัก
ขณะที่กำลังบอกพ่อแม่ของคนไข้ให้เตรียมทำใจรับกับผลที่อาจจะเลวร้ายที่สุดอยู่นั้น คนไข้ก็ลอยออกจากร่าง★ แม้หมอกับญาติของคนไข้จะ ประชุมกันอยู่ในห้องหนึ่งของโรงพยาบาล ห่างจากห้องที่คณะแพทย์กำลังผ่าตัดร่างที่บาดเจ็บของเธออยู่ เธอกลับได้เห็นพวกเขาและได้ยินการพูดคุยกันนั้นทั้งหมด ได้เห็นพ่อแม่ของเธอโศกเศร้าเสียใจและสิ้นหวัง แล้วเธอมองลงมาจากกายละเอียดของเธอ
★ การที่เรายังไม่ตายแต่วิญญาณลอยออกนอกร่าง เรียกว่า ประสบการณ์ 𝗼𝘂𝘁-𝗼𝗳-𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲
“หนูยังไม่ตาย❗” เธอตะโกนบอก แต่ไม่เห็นมีใครได้ยิน ด้วยความโมโหที่ตะโกนแล้วไม่มีใครได้ยินแถมหมอยังบอกพ่อกับแม่อีกว่าเธอตายแน่ เธอก็เลยลอยกลับเข้าร่าง ด้วยฝีมือการรักษาที่ยอดเยี่ยมประกอบกับพลังใจที่จะมีชีวิตสืบต่อไปให้จงได้ เธอจึงเป็นคนไข้กรณีที่หมอมักจะเรียกว่า “หายโดยปาฏิหาริย์” คุณหมอพูดแล้วพูดอีกว่า “บาดแผลสาหัสอย่างเธอไม่มีใครหายได้แบบเธอเลยครับ” ต่อมาเธอยังพูดประโยคที่หมอคุยกับครอบครัวของเธอได้ตรงเป๊ะอีกต่างหาก เธอไม่ใช่ แค่รอดตายเท่านั้น แต่ยังสามารถเร่งกระบวนการรักษาให้เร็วขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งกระดูกและเนื้อเยื่อของเธอเชื่อมต่อกันได้เร็วกว่าอัตราปกติไม่รู้กี่เท่า
. . .
หญิงชราท่านหนึ่งตาบอดเพราะเบาหวาน เธอเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันระหว่างนอนอยู่โรงพยาบาลที่ผมเป็นผู้อำนวยการแผนกจิตเวชอยู่ เธอสิ้นสติอยู่ตอนที่ทีมปั๊มหัวใจระดมช่วยให้เธอฟื้น เธอเล่าให้ฟังภายหลังว่าเธอลอยจากร่างไปยืนอยู่ที่หน้าต่างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่าหมอฉีดยาเข้าเส้น เธอเห็นหมดโดยไม่เจ็บไม่ปวดเลยว่าหมอปั๊มอกต่อท่อหายใจเอาอากาศเข้าปอดเธออย่างไร ระหว่างช่วยปั๊มหัวใจวุ่นวายอยู่นั้น ปากกาของหมอคนหนึ่งก็หล่นจากกระเป๋าตกกลิ้งลงหยุดอยู่ใกล้หน้าต่างที่วิญญาณหลุดจากร่างของเธอยืนดูอยู่ คุณหมอเดินออกมาหยิบปากกาใส่กระเป๋าตามเดิม แล้วก็ไปช่วยกันพยายามทำให้เธอฟื้นต่อ พวกเขาทำได้จริงๆ
สองสามวันให้หลังเธอเล่าให้หมอฟังว่าเห็นอะไรมาบ้างเมื่อทีมปั๊มหัวใจกำลังทำงานตอนที่เธอหัวใจวาย “ไม่ใช่มั้งครับ” คุณหมอย้ำกับเธออย่างนุ่มนวล “คุณป้าคงเกิดอาการเพ้อจากอาการสมองขาดออกซิเจน (𝗮𝗻𝗼𝘅𝗶𝗮) มากกว่า อาการนี้เกิดขึ้นได้ตอนหัวใจหยุดทำงานนะครับ”
“แต่ดิฉันเห็นปากกากลิ้งมาที่หน้าต่างนะคะ” เธอตอบหมอ แล้วยังบรรยายลักษณะปากกาพร้อมกับบรรยายเหตุการณ์การปั้มหัวใจได้ละเอียดอีก
ช็อกไปเลย คนไข้ของเขาไม่ใช่แค่อยู่ในอาการโคม่าเท่านั้น แต่เธอยังตาบอดมาเป็นสิบปีแล้วด้วย
เราล้วนมีหลายหนทางให้มองเห็นได้ไม่ใช่แค่ที่ตาเท่านั้น
. . .
คุณหมอคนหนึ่งในโรงพยาบาลโทรฯเรียกผมมาดูอาการคนไข้คนหนึ่งที่ฟื้นขึ้นมาในห้องพักคนไข้หลังผ่าตัดใหญ่ ทั้งกรีดร้องทั้งตัวสั่นไปหมด ตอนผ่าตัดเธอรับการดมยาปกติทั่วไป จังหวะหายใจอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาสลบและหมดสติตลอดการผ่าตัด ระหว่างกำลังผ่าตัดอยู่นั้น หมอพบว่าความดันเลือดและการเต้นของหัวใจคนไข้ผิดปกติ
ระหว่างผ่าตัดเธอลอยขึ้นมาอยู่เหนือร่างของเธอขณะที่หมอกำลังผ่าตัดอยู่ คนไข้รู้ตัวเลยว่าความดันเลือดกับการเต้นของหัวใจผิดปกติแล้ว เธอจับน้ำเสียงกังวลของวิสัญญีแพทย์ได้เลยลอยตัวไปหาเขาแล้วอ่านบันทึกที่เขาเขียนบนชาร์ตคนไข้
พอฟื้นขึ้นมาในห้องพักฟื้น เธอก็กลัวจนตัวสั่นเพราะเพิ่งเจอเรื่องไม่น่าเกิดขึ้นได้มาหมาดๆ เธอบอกผมได้หมดเลยว่าหมอเขียนบันทึกบนชาร์ตของเธอว่าอะไรบ้างระหว่างทำการผ่าตัด คนไข้สลบอยู่ในตอนผ่า และถึงแม้เธอจะฟื้นแล้วก็จริงแต่ใครจะไปมีเวลาอ่านชาร์ตตัวเองได้ทัน วิสัญญีแพทย์ได้เขียนบนชาร์ตอยู่ข้างหลังเธอห่างจากศีรษะเธอไปตั้งหลายเมตรด้วยซ้ำ
. . .
แพทย์ห้องฉุกเฉินท่านหนึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลใกล้กันรอคิวเซ็นชื่อจากผมตั้งครึ่งชั่วโมงเพราะอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
คนไข้ของเขารายหนึ่งเกิดอาการช็อกเพราะแพ้พิษหลังจากโดนผึ้งต่อย อาการนี้เป็นปฏิกิริยาจากภูมิแพ้ที่ทำให้ถึงตายได้เลยเพราะส่งผลให้ความดันเลือดที่ลดต่ำลง ถึงแม้ทีมช่วยชีวิตที่เก่งกาจในห้องฉุกเฉินจะรีบระดมกันกู้ชีวิตเธออย่างสุดกำลัง หมอก็เชื่อว่าเธอตายแน่
คนไข้บอกเล่าให้ฟังภายหลังว่าเธอลอยตัวออกจากร่างตัวเองตั้งแต่หมอส่งเธอขึ้นรถเข็นเข้าโรงพยาบาลแล้ว เธอได้ยินคำพูดทั้งหมด และก็พูดให้ฟังได้ด้วยว่าหมอถกกันว่าอะไร เสียงสั่งการ เสียงสบถ ความคาดหวังว่าเธอน่าจะรอด รวมทั้งสีหน้ากังวลของทีมงานในห้องฉุกเฉินทั้งหมดด้วย เธอ “เห็น” หน้าพวกเขาจริงๆ เห็นเสื้อผ้าที่ใส่ ใครกำลังทำอะไรแม้ว่าเธอยังโคม่าอยู่ก็ตาม เธอคนนี้ก็เช่นกันที่หายอย่างปาฏิหาริย์ และหมอก็ยืนยันในเวลาต่อมาว่าเหตุการณ์ที่เธอเห็น คำพูดที่ได้ยินทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นคนละห้องกันเลยนั้นเป็นจริงทุกประการ
(มีต่อ)
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
