Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
22 ธ.ค. 2021 เวลา 04:05 • หนังสือ
✴️ บทที่ 🔟 ผู้เยียวยา ✴️ (ตอนที่ 3)
ผมเองได้ยินเรื่องกรณีคนไข้ที่ประสบกับ ‘ภาวะตายแล้วฟื้น’ (𝗻𝗲𝗮𝗿𝗱𝗲𝗮𝘁𝗵 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲) กับ ‘ประสบการณ์ถอดร่าง’ (𝗼𝘂𝘁-𝗼𝗳-𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲)★ มาแล้วจากคุณหมอหลายท่าน เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถอธิบายให้คำตอบได้ด้วยวิชาแพทย์หรือจิตวิทยา คุณหมอเหล่านี้ล้วนแต่มีความรู้เยี่ยม มีเหตุมีผล และเป็นหมอที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนต่างเรียนหมอมาจากคณะแพทยศาสตร์อย่างเข้มงวด และทุกคนที่พูดถึงนี้ต่างบอกผมเป็นเสียงเดียวกันอย่างไม่สงสัยอะไรอีกต่อไปแล้วว่าคนไข้ของพวกเขา แม้ว่าจะอยู่ในสภาพสลบ แต่ก็ลอยออกจากร่าง และ “ได้ยิน” กับ “เห็น” เหตุการณ์ทุกอย่างจากที่ไกลได้
★ 𝗡𝗗𝗘 คนไทยมักจะแปลตรงตัวว่าเฉียดตาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ หมายถึงตายไปแล้วอย่างเป็นทางการเมื่อหัวใจหยุดเต้นเป็น 𝗳𝗹𝗮𝘁𝗹𝗶𝗻𝗲𝗿 จนเลยระยะเวลากำหนดแล้วแพทย์จึงประกาศว่าตายอย่างเป็นทางการแต่กลับฟื้นขึ้นใหม่ คนพบ 𝗡𝗗𝗘 นี้มักจะเข้าอุโมงค์แล้วถูกบอกให้กลับออกมาเพราะยังไม่ถึงเวลา — ซึ่งเป็นคนละอย่างกับประสบการณ์ 𝗢𝘂𝘁 𝗼𝗳-𝗕𝗼𝗱𝘆 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 หรือ 𝗢𝗕𝗘 คือจะเหมือนกับคนไข้ในบทนี้ที่เข้าโคม่าหรือสลบแล้ว “ถอดร่าง” ยังไม่ถือว่าตาย : ผู้แปล
ผมไม่ปักใจเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นน้อยรายอีกต่อไปแล้ว คนไข้ส่วนใหญ่ไม่กล้าบอกหมอเพราะกลัวหมอจะสันนิษฐานเอาว่าคนไข้เกิดเพ้อไปเอง หรือคิดว่าพวกเขาเพี้ยน เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า ทำไมเขาต้องเสี่ยงกับการเสียชื่อด้วยเล่า❓
แล้วทำไมคนเป็นหมอต้องมาเสี่ยงรับรู้ประสบการณ์อย่างนี้ด้วยล่ะ❓ จิตแพทย์ตั้งมากมายไม่กล้าบอกประสบการณ์การย้อนอดีตที่เกิดกับตัวเองให้สาธารณชนรู้ ผมได้รับทั้งโทรศัพท์ทั้งจดหมายนับร้อยฉบับ (หรือถึงพัน จากทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักสะกดจิตบำบัด พยาบาลประจำคลินิก และนักบำบัดอีกมากราย) บอกผมว่าได้ทำการย้อนจิตสู่อดีตชาติ (𝗿𝗲𝗴𝗿𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻) “ในห้องทำงานส่วนตัว” หรือ “แอบทำโดยไม่บอกให้เพื่อนร่วมงานรู้” เข้าไปสู่อดีตชาติ หรือย้อนกลับไปสู่อดีต 𝟱-𝟭𝟬 หรือบางครั้งก็ 𝟮𝟬 ปี
นี่ไงครับเป็นกรณีที่มีแล้วเป็นพันราย เป็นแหล่งข้อมูลที่เก็บรายละเอียดอันมีค่าของทั้งเรื่องราว สถิติ ข้อเท็จจริงเอาไว้ครบ นี่ไงครับ ข้อมูลทางการแพทย์ที่หลายเรื่องยืนยันได้ว่าเกิดจริง จะเอาข้อพิสูจน์อีกหรือครับ–ได้❗ จดหมายหลายฉบับบรรยายเหตุการณ์ระลึกชาติ (𝗽𝗮𝘀𝘁-𝗹𝗶𝗳𝗲 𝗿𝗲𝗰𝗮𝗹𝗹) ของคนไข้ที่ระลึกได้ทั้งชื่อตัวเอง วันที่ และรายละเอียดของชาติที่แล้วในเมืองอื่น ประเทศอื่น กระทั่งทวีปละเอียดครบ คนไข้บางรายค้นจนเจอชื่อ “เก่า” ของตัวเองได้★ ในปูมบันทึกของหมู่บ้านที่ตัวเองในชาตินี้ก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน อย่าว่าแต่เคยไปเหยียบเลย บางรายถึงกับเจอป้ายหลุมศพตัวเองด้วยซ้ำ
★ กรณีคนไข้ที่จำชื่อในอดีตได้แล้วค้นจนเจอ มีกรณีที่โด่งดังมากมาย และที่ดังที่สุดจนเอามาดัดแปลงเป็นหนังทาง 𝗖𝗶𝗻𝗲𝗺𝗮𝘅 สร้างเมื่อปี 𝟮𝟬𝟬𝟬 เจนซีมัวร์แสดงเรื่อง 𝗬𝗲𝘀𝘁𝗲𝗿𝗱𝗮𝘆 𝗖𝗵𝗶𝗹𝗱𝗿𝗲𝗻 คือเรื่องของหญิงสาวอเมริกันที่ฝันถึงบ้านในไอร์แลนด์ จนต้องไปหานักระลึกชาติบำบัด จนรู้ชื่อตัวเอง รู้สถานที่ที่ไอร์แลนด์ รู้ว่าตัวเองตายตอนคลอดลูก ทิ้งลูกคนอื่นๆให้สู้ชีวิตอย่างไม่รู้หนรู้ใต้ เธอก็ไปตะลุยตามหาจนได้เจอลูกๆในไอร์แลนด์ซึ่งอายุแก่เฒ่ากันหมดแล้ว ทอล์กโชว์สัมภาษณ์ มีหนังสือตีพิมพ์เรื่องกันอย่างล้นหลาม : ผู้แปล
การเสี่ยงให้สาธารณชนรับรู้นั้นเป็นเรื่องใหญ่มากเลยครับ หมอก็กลัวเสียชื่อที่อุตส่าห์สร้างสมมา กลัวเสียอาชีพ เสียครอบครัวที่ต้องพลอยเสียความมั่นคงตามไปด้วย แม้แต่สังคมที่รู้จักคบหากันอยู่จะเสียหายกันไปหมด ผมเข้าใจความกลัวแบบนี้ดี เพราะผมเองใช้เวลาอยู่ตั้งเป็นปีๆ กว่าผมจะรวบรวมความกล้าตีพิมพ์สิ่งที่ผมค้นพบได้
ทว่า ก็เพราะความเป็นแพทย์ที่ทุกคนเชื่อถือเครดิตนี่แหละครับ พวกเขาจึงมีโอกาสที่จะช่วยเสริมกำลังให้กับสัจจะความจริงอย่างนี้ให้แข็งแกร่งได้ ด้วยการก้าวออกมาข้างหน้าบอกว่าพวกเขาค้นพบอะไร ด้วยการกล้าก้าวนี่แหละที่คุณหมอจะช่วยคนได้อีกเป็นล้านๆ และเป็นการช่วยตนเองในอีกทางด้วย
การแบ่งปันความจริงให้รู้กันทั่วๆ ไม่ว่าจะเรื่องประสบการณ์ถอดร่าง ตายแล้วฟื้น หรือเรื่องแปลกไม่น่าเชื่อทั้งหลาย เรื่องการรักษาคนให้หายได้โดยปาฏิหาริย์ ตัวอย่างความทรงจำและการบำบัดแบบระลึกชาติ ซึ่งทรงความสำคัญเท่าเทียมกับการแบ่งปันข้อมูลความรู้เรื่องการค้นคว้าวิจัยการแพทย์แผน “โบราณ” ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ เรายิ่งช่วย เหลือคนได้มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น การที่ได้เรียนรู้ความจริงประดานี้ผ่านคนไข้และผ่านประสบการณ์ที่ตัวเองพบมา คนเป็นหมอจะรู้สึกว่ามีความสุขขึ้น รู้สึกพอใจ เต็มอิ่มกว่าเมื่อก่อนทั้งในเรื่องส่วนตัวและในอาชีพของตัวเอง
ผมรู้❗ เพราะผมก็ผ่านมาแล้วเหมือนกันครับ
เรื่องจากปากของแพทย์จะเกี่ยวกับประสบการณ์ 𝗡𝗗𝗘 และ 𝗢𝗕𝗘 น้อยคนนักที่จะย้อนไปเจออดีตชาติ ซึ่งก็มีเหตุผลเพราะว่าหมอกำลังรักษาผู้ป่วยหนักอยู่นั่นเอง
แต่ไม่ว่าจะเจอ 𝗡𝗗𝗘 หรือ 𝗢𝗕𝗘 หรือประสบการณ์ย้อนอดีตชาติ การเยียวยาเกิดได้จากการนี้เหมือนๆกันทั้งสิ้น คนไข้มักจะพบว่าพวกเขาเปลี่ยนชีวิตไปในทางบวก การเยียวยาทั้งทางร่างกายและอารมณ์ดีขึ้นเร็วขึ้นอย่างน่าตื่นใจ
𝗧𝗵𝗲 𝗲𝗹𝗲𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗰𝗼𝗺𝗺𝗼𝗻 – ธรรมธาตุ ที่เหมือนกันกับประสบการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือ “จิตรับรู้” ดำรงอยู่เหนือกว่ากายเนื้อและสมองมนุษย์ จิตรับรู้ (𝗰𝗼𝗻𝘀𝗰𝗶𝗼𝘂𝘀𝗻𝗲𝘀𝘀) จะขยายตัวเองกว้างไกลมากในภาวะละจากร่างที่เป็นกายเนื้อแล้ว เสียงและสีใดๆจะแจ่มชัดขึ้น พอรู้ตรงนี้แล้วจุดประสงค์ของการเดินทางแห่งดวงวิญญาณก็ชัดขึ้นทันตา คือจิต วิญญาณแท้จริงของเราปรากฏแล้ว และวินาทีที่ปรากฏนั้นเอง เราถึงจะเข้าใจว่า เราคือความดำรงอยู่อันเป็นอมตะไม่มีวันตายของปัญญาธรรม ความรักอันอนันต์ และความเมตตานั่นเอง
✨ แล้วที่กลับสวนทางกันจนน่าแปลกคือขณะที่จิตแยกออกจากร่าง ความผูกพันร้อยรัดระหว่างจิต–กายกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้น หรืออย่างน้อยก็ควบคุมเป็นหนึ่งเดียวกันได้มากขึ้นทบทวี การเยียวยาเกิดได้ก็เพราะจิตส่งพลังงานผ่านทางการหยั่งรู้และเจตนาที่จะหายจากอาการไปยังส่วนต่างๆของร่างกายที่ต้องการการซ่อมแซม ✨
. . .
เป็นร้อยๆปีมาแล้วที่วัฒนธรรมเอเชียทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รู้จัก ‘พลังงาน’ หรือ 𝗲𝗻𝗲𝗿𝗴𝘆 กับ ‘กระแส’ หรือ 𝗰𝘂𝗿𝗿𝗲𝗻𝘁 #แห่งการเยียวยารักษาที่ไหลเวียนผ่านทั่วร่างกายเรา คนเอเชียโบราณเหล่านั้นศึกษาพลังงานประดานี้ และยังทำแผนภูมิบอกจุดที่พลังงานไหลเวียนกับจุดที่พลังงานกล้าแข็งเป็นพิเศษไว้ด้วย คนจีนเรียกพลังงานนี้ว่า ‘ชี่’ (𝗰𝗵𝗶 หรือ 𝗾𝗶) คนญี่ปุ่นเรียกว่า ‘คิ’ (𝗸𝗶) วัฒนธรรมเอเชียนี้แหละที่สร้างผู้เชี่ยวชาญด้าน 𝗺𝗶𝗻𝗱-𝗯𝗼𝗱𝘆 𝗖𝗼𝗻𝗻𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻–จิตกับกายสัมพันธ์กัน ไว้มากมาย และผมเองก็โชคดีจริงๆที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับหลายท่านมาแล้ว
ผมมีโอกาสอยู่ 𝟮 ครั้งต่างกรรมต่างวาระ ในการย้อนอดีตนายแพทย์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งสองท่านเป็นระดับปรมาจารย์ทางด้านวิชาพลังและการเยียวยา★
★ ‘ศาสตร์เยียวยา’ คือ 𝗵𝗲𝗮𝗹𝗶𝗻𝗴 หลายท่านอาจสงสัยว่าทำไมถึงใช้คำว่าเยียวยา เพราะศาสตร์ฮิลลิ่งใช้วิธีเยียวยาบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยจริงๆที่ช่วยซ่อมสร้างเซลล์ ฟื้นฟูระบบภายในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น ปลอบโยนบรรเทาอาการ ตรงข้ามกับยาแผนใหม่ที่เป็นยาปฏิชีวนะหรือเพนนิซิลลินที่ใช้ฆ่าเชื้อโรค หรือระงับอาการเป็นหลัก
ยกตัวอย่างเช่น ศาสตร์เยียวยาจะแก้ไขด้วยการรับประทานตำลึงที่เย็นเพื่อดับร้อน ขณะที่ยาแผนใหม่แก้ไข้จะทำให้ง่วงเพื่อร่างกายได้พักผ่อน ซึ่งเป็นการกดประสาทให้ฝืนธรรมชาติในการทำงาน แทนที่จะช่วยซ่อมสร้างระบบลดอาการไข้จากภายในร่างกายที่มีอยู่แล้วให้ทำงานดีขึ้นเต็มที่ขึ้นเอง : ผู้แปล
นายแพทย์ท่านแรกเป็นกรณีที่เกิดจากคณะฟิสิกส์มหาวิทยาลัยนิวยอร์กส่งมาเพื่อศึกษา มหาวิทยาลัยขอให้ผมช่วยติดต่อประสานโครงการให้ เนื่องจากผมเป็นแพทย์ที่เมืองจีนรู้จักชื่อเสียงดีเพราะหนังสือผมเป็นเบสต์เซลเลอร์ที่นั่น ส
นายแพทย์จีนท่านนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เราก็เลยต้องทำงานผ่านล่าม ด้วยความอยากรู้ว่าเทคนิคของผมจะเหมือนกับของอาจารย์ที่เขาเคยร่ำเรียนด้วยสมัยยังหนุ่มหรือไม่ เขาก็เลยขอให้ผมย้อนอดีตให้ เขาหลุดเข้าสภาวะสะกดจิตและมีประสบการณ์ความทรงจำจากอดีตชาติที่น่าสนใจมากทีเดียว
หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเทคนิคของเราคล้ายกันมากเลยจริงๆ แล้วเขาก็ถามผมว่า ผมเคยเห็นเคยรับประสบการณ์เจอภาพอดีตชาติของเขาเหมือนกับว่าเราสองคนกำลังนั่งดูหนังเรื่องเดียวกันอย่างนี้บ้างหรือเปล่า
“ไม่เคยครับ” ผมตอบเขาไป “แต่บางครั้งผมก็เกิดสังหรณ์รู้ขึ้นมาว่ากำลังเกิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่เห็นภาพในจิตคุณหรอกครับ”
“ว้า..น่าเสียดาย” เขาตอบผ่านล่าม “อาจารย์ของผมเห็นแฮะ”
อีกตอนหนึ่ง แพทย์หญิงชาวจีนผู้เลื่องชื่อ มาเยี่ยมผมถึงไมอามี่ และสาธิตวิธีการรักษาแบบชี่กงที่ทรงพลังยิ่ง แล้วเธอก็ขอทำการย้อนอดีตระลึกชาติเป็นการแลกวิชา ผมก็ตกลงเลย เธอเองพูดอังกฤษไม่ได้อีกเช่นกัน แต่เธอก็เดินทางย้อนเวลาไปได้พร้อมกับล่าม
เธอเข้าภวังค์ได้ลึกมากๆ ชั่วไม่กี่นาทีเธอก็ระลึกภาพอดีตชาติในซานฟรานซิสโกร้อยปีกว่ามาแล้ว ระหว่างระลึกชาติเธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเลยครับ
ล่ามที่ฝึกมาอย่างมืออาชีพไม่ยอมให้พลาดแม้แต่คำเดียว เขารีบหันกลับมาหาผมแล้วเริ่มแปลกลับเป็นภาษาจีนทันที ผมจ้องเขาอยู่พักหนึ่งแล้วก็บอกว่าไม่ต้องแปลก็ได้ครับ สีหน้าช็อกตะลึงของเขาบอกเลยว่าเขาเข้าใจแล้ว
เพราะเขารู้ดีว่าเธอพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเลยแม้แต่คำเดียว
(มีต่อ)
หนังสือ
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย