✴️ บทที่ 1️⃣2️⃣ ผู้มีญาณและร่างทรง ✴️ (ตอนที่ 1)
บทที่ 1️⃣2️⃣ ผู้มีญาณและร่างทรง
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
การเรียนรู้ในภาวะจิตวิญญาณนั้นรวดเร็วกว่ามาก ย่นระยะเวลาได้มากกว่าขณะเรียนรู้อยู่ในรูปสังขารมากนัก ทว่า เราเป็นผู้เลือกบทเรียนที่เราจะเรียนเองหากว่าเราต้องการกลับมาเกิดเพื่อจะปฏิบัติให้ผ่านเรื่องสายสัมพันธ์ เราก็ต้องกลับมา เมื่อไหร่ที่เราเรียนจบแล้วก็จะไปต่อไป ในรูปของจิตวิญญาณนี้ เราสามารถติดต่อกับผู้ที่อยู่ในรูปสังขารได้เสมอหากเราเลือกจะทำ แต่จะทำได้เมื่อเรื่องนั้นสำคัญจริงๆ ถ้าเราจะต้องบอกเรื่องสำคัญที่พวกเขาจำต้องรู้
บางครั้งเจ้าสามารถปรากฏตัวต่อหน้าคนผู้นั้น... โดยเป็นรูปร่างเดิมขณะยังอยู่ภพนี้ ในคราอื่นอาจเป็นแค่ติดต่อผ่านทางห้วงความคิดก็ได้ ข่าวสารบางครั้งอาจดูแฝงนัยเข้าใจยาก แต่ส่วนใหญ่แล้วคนคนนั้นจะรู้ว่าสารบอกอะไรแก่เขา พวกเขาเข้าใจถึงการติดต่อจากจิตต่อจิตเป็นอย่างดี
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
จากข้อมูลค้นคว้าของผมและประสบการณ์ที่มีต่อคนไข้นับพันราย จากการสืบเสาะความสามารถของคนทรง (𝗺𝗲𝗱𝗶𝘂𝗺) ที่เปี่ยมพรสวรรค์ที่สุดในโลกบางราย ปรากฏว่า เราไม่ได้อยู่เดียวดายในจักรวาลนี้ เหนือกว่ามิติแห่งกายเนื้อที่เรารู้จักนี้ โลกที่ “มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น” แน่นไปด้วยประชากรวิญญาณนับหมื่นแสนที่มีความสามารถแตกต่าง และมีความก้าวหน้าหลากหลายนั้นมีจริง
วิญญาณบางดวงวิวัฒน์ไปแล้วสูงส่งยิ่ง ดวงอื่นอาจต่ำระดับกว่านั้นมาก บางดวงเคยเกิดมาเป็นกายเนื้อแล้วในโลก และบางดวงกำลังอยู่ใน ‘ภาวะถ่ายภพ’ (𝗯𝗲𝘁𝘄𝗲𝗲𝗻 𝗹𝗶𝗳𝗲𝘁𝗶𝗺𝗲𝘀) คือจากมาแล้วแต่ยังไม่ไปเกิดใหม่ ดวงอื่นๆนั้นเล่าได้ “เรียนจบ” แล้วและไม่ต้องไปเกิดอีกแล้ว นอกจากตนเองจะเลือกมาเพื่อได้กลับไปช่วยมวลมนุษยชาติ และก็มีบางดวงที่ยังไม่ได้มาเกิดในโลกมนุษย์ แต่คอยช่วยเหลือดวงวิญญาณอื่นจากอีกฝั่งฟากของภพไม่ว่าเราจะเรียกพวกเขาว่า ‘วิญญาณ’ (𝗦𝗽𝗶𝗿𝗶𝘁𝘀) หรือ ‘เทวดา’ (𝗮𝗻𝗴𝗲𝗹𝘀) หรือ ‘วิญญาณนำทาง’ (𝗴𝘂𝗶𝗱𝗲𝘀) อย่างไรนั้นไม่สำคัญเลย เพราะมีหลักฐานตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปถึงเรื่องใหญ่มาก พอที่บอกเราว่าพวกเขามีจริง และหลักฐานทั้งหมดนี้ก็ได้รวบรวมกันมาจากหลากหลายวัฒนธรรมหลายศาสนาผ่านเวลาหลายศตวรรษเต็มที่
ทารกกับเด็กน้อยๆ เขารู้ตัวดีว่ามีวิญญาณหรือพลังงานแห่งความรักบางอย่างอยู่รอบตัวพวกเขา แต่ทักษะการสื่อคำของเด็กๆนั้นจำกัดนัก พวกเราผู้ใหญ่ก็เลยไม่ค่อยจะเชื่อพวกเขา หาว่าที่เขาเห็นเขารับรู้มานั้นเป็นเรื่องเพ้อฝันจินตนาการไปเองเสียมากกว่า กระนั้นสิ่งที่เด็กๆรู้เห็นมา ส่วนใหญ่เป็นของแท้เลยครับ
ยามที่เราตายและละร่างที่เป็นกายเนื้อของเราไป เราจะก้าวไปถึงระดับของจิตรับรู้ที่เรารู้สึกปลอดโปร่งสบายที่สุด ยิ่งเราเปี่ยมล้นด้วยปัญญาธรรมและความรักมากเท่าไหร่ เรายิ่งก้าวหน้าในอีกภพหนึ่งมากขึ้นเท่านั้น
ผมยังคงทึ่งได้เสมอว่าความรู้ที่บรรดาคนไข้ส่งผ่านมาหาผมในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในภาวะสมาธิหรือสะกดจิตลึกมันตรงกันเพียงไร คนที่ไม่จบมัธยม นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ทนาย นักกีฬาอาชีพ ต่างก็บอกเล่าเรื่องเดียวกันว่าในภาวะจิตวิญญาณเป็นอย่างไร และวัตถุประสงค์ว่าเราเกิดมาบนโลกนี้เพื่อทำอะไร ยิ่งทำให้ประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับน่า เชื่อถือขึ้นไปอีก
ขอผมย้ำอีกครั้งเถิดครับว่าการค้นพบข้อมูลนี้เป็นวิชาการแพทย์ แน่นอน เพราะเก็บรวบรวมจากคนไข้นับร้อยๆ ราย แล้วในจานวนร้อยๆ นั้นผมพบความตรงกันหรือมีเรื่องเกี่ยวพันกันสูงมากจนถือเป็นสถิติได้เลย
บุคคลบางคนมีความเก่งกาจเป็นพิเศษในการสื่อสารความรู้จากแหล่งจิตวิญญาณ เช่น นักญาณทิพย์ชาวอเมริกันผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง เอ็ดการ์ เคย์ซี เป็นตัวอย่างหนึ่งครับ งานของท่านได้รับการศึกษาและวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอด พวกเราก็เคยรู้กิตติศัพท์ความรู้ของโหราหรืออาจารย์ที่มีทิพยญาณจากตะวันออกมาแล้ว เช่นท่านปรมหังสา โยคานันทะ แต่ความสามารถอย่างนี้ในตะวันตกก็มีเช่นกัน ผมโชคดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้พบกับอาจารย์เหล่านี้สองสามท่าน แล้วยิ่งเหมือนได้รับพรเป็นสองเท่าอีก เมื่อผลงานของท่านสอดคล้องสนับสนุนประสบการณ์ที่คนไข้ของผมพบเจอ
ผมลองใช้ความคิดแบบจิตแพทย์ประเมินคุณค่าประสบการณ์ที่ผมได้รับมา การเป็นคนช่างวิเคราะห์กับการเป็นคนจิตใจเปิดกว้าง จริงๆแล้วมันเข้ากันได้เหมาะเจาะมากครับ เพราะผมได้เจอทั้งคนที่มีความสามารถน่าทึ่งจริงๆ และเจอทั้งคนที่ความรู้ความเชี่ยวชาญคับแคบไปจนถึงไม่ได้มีอะไรเลย วิญญาณก็เป็นเหมือนคนเลยครับ คือมีหลายหลากต่างระดับกันมาก
💢 วิญญาณที่อยู่ในระดับต่ำลงไปสามารถส่งผ่านข่าวสารที่หลงผิดหรือเป็นอันตราย กับคนที่มีความสามารถทางการทรงวิญญาณไม่ถึงขั้น หรือคนทรงที่ขาดการอบรมพัฒนาจิตวิญญาณในทางที่ถูกต้องได้ 💢
✨ วิญญาณในระดับสูงขึ้นไปจะเข้าถึงเฉพาะคนที่พัฒนาจิตวิญญาณได้สูงหรือคนที่มีจิตเจตนาที่ถูกที่ควร กับคนที่ทำโดยไม่แอบแฝงความต้องการของตัวเอง เช่น อยากได้อะไรจากคนอื่น เป็นต้น ✨
เมื่อเราได้พบกับโหราจารย์หรือครูผู้ทรงปัญญาธรรมที่ปรารถนาเพียงแต่จะช่วยเหลือคนอื่นให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต ที่คิดจะเยียวยาหัวใจผู้คนและช่วยสนับสนุนพวกเขาให้เดินบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เมื่อนั้นเราจะยกระดับจิตสำนึกได้อย่างใหญ่หลวงยิ่ง โลกดูเปลี่ยนไปจากเดิม มีแต่ผู้ช่วยเหลือที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเต็มไปหมด เหมือนเราเอิบอาบอยู่ในพลังงานแห่งความรักที่ช่วยชุบความสดชื่นให้แก่ดวงวิญญาณของ เราดังเป็นคนใหม่ไปเลย
ตัวเราเองอาจจะได้เจอประสบการณ์ชนิดเปลี่ยนแปลงจิตใจไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ ทั้งความฝัน เหตุการณ์เดฌาวู (𝗱𝗲𝗷𝗮 𝘃𝘂) ตาทิพย์ หรือปรากฏการณ์ทางวิญญาณ (รวมถึง 𝗡𝗗𝗘) จะสามารถปลุกเราให้ตื่นขึ้นมาสู่ธรรมชาติที่แท้จริงของตนเองได้ชนิดถาวร การเจริญสมาธิช่วยทำให้เราเจอกับประสบการณ์เหล่านี้อาจจะสักหนึ่งเรื่องหรือมากกว่านั้นเลยทีเดียวครับ
ทว่า พวกเรามนุษย์ทั้งหลายกลับชอบลืม หรืออย่างน้อยๆก็ชอบทำเป็นหาเหตุผลมาลดหรือล้างประสบการณ์ที่เราว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้” หรือ “ประหลาดพิสดาร” ไปหน่อยลงเสีย หนักไปกว่านั้นก็คือ เราปล่อยให้ “จิตเจ้าเหตุผล" ของเรามาลบความหมายทางจิตวิญญาณออกจากประสบการณ์ให้หมด ใครคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า เรื่องที่เราเรียก ว่าบังเอิญ แท้จริงคือฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าต่างหาก
ตัวผมเองไม่สามารถย้อนอดีตทุกท่านได้เพียงพอ แล้วก็ไม่อาจจะฝึกสอนนักจิตบำบัดออกมาได้เยอะพอจะย้อนอดีตคุณครบทุกคนในโลกได้หรอกครับ แต่ผมสามารถแบ่งปันเรื่องจริง ประสบการณ์จริงให้คุณได้รู้ เพื่อไว้เตือนใจคุณอีกครั้งให้จำธรรมชาติแห่งจิตวิญญาณของคุณให้ได้ ให้คุณได้รู้จักกับความรักอันอุดมสมบูรณ์และพลังงานที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณอันเปี่ยมล้นและรายล้อมรอบตัวคุณอยู่แล้วตลอดเวลา
ดังที่ผู้วิเศษชาวคริสเตียนเคยสอนไว้ว่า :
✨ เราไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณหรอก หากแต่เราคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างมนุษย์ต่างหากเล่า ✨
(มีต่อ)
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
