จีนครองบัลลังก์ตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปีที่สอง ด้วยรายได้รวม 7.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2021
จากรายงานของเดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์เทอร์ จีนยังคงเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2021 ซึ่งบรรดาสตูดิโอของจีนต่างฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งด้วยแรงหนุนจากภายในประเทศ แต่บรรดาหนังนำเข้าจากฮอลลีวูดรายได้กลับลดลงถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนโรคระบาดจะกระหน่ำ ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว ที่จีนจบปีในฐานะตลาดภาพยนตร์ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยรายได้รวมยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ในจีนปี 2021 ทำได้ราว ๆ 7.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 47.3 พันล้านหยวน (คิดตามอันตราแลกเปลี่ยนเงินที่ 6.45 หยวน = 1 เหรียญสหรัฐ) ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า แต่น้อยกว่า 2019 ปีก่อนเกิดการระบาด ซึ่งทำไว้ 9.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (64.3 พันล้านหยวน) ซึ่งเป็นปีที่รายได้รวมบ็อกซ์ ออฟฟิศจีนมากที่สุด 26%
ขณะที่ยอดขายตั๋วในอเมริกาเหนือ ซึ่งเผชิญกับอุปสรรคมากมายจากการระบาดตลอดทั้งปี รายได้ลดลงเกือบ ๆ 60% จากปี 2019 โดยทำรายได้เพียง 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่หากมองว่านี่เป็นเรื่องเลวร้ายแล้ว ยังมีเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด เมื่อสถานการณ์หนังฮอลลีวูดในจีนตลอดปี 2021 ก็ไม่ได้ดีนัก เมื่อมีส่วนแบ่งรายได้เพียง 12% หรือคิดเป็นเงิน 899 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (5.8 พันล้านหยวน) ลดลงจากที่ทำได้ 30% ในปี 2019 ซึ่งทำเงินไปถึง 2.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (19.4 พันล้านหยวน) โดยในช่วงที่ตลาดภาพยนตร์ของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปลายยุค 2000s – ยุค 2010s สตูดิโอจากฮอลลีวูดต่างเห็นรายได้ในจีนของตัวเองเพิ่มมากขึ้นทุกปี ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดก็อยู่ในระดับ 30 – 50%
ปัญหาใหญ่ที่มองเห็นกันก็คือ มีหนังฮอลลีวูดป้อนโรงในปี 2021 น้อยมาก โดยมีหนังจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวในจีนปีที่ผ่านมาแค่ 20 เรื่อง แต่ในปี 2019 ก่อนจะเกิดการระบาดมีหนัง ‘ใหญ่’ ของฮอลลีวูดเข้าฉายถึง 31 เรื่อง ส่วนในช่วงการระบาดระลอกใหญ่ปี 2020 มีหนังจากสตูดิโอใหญ่ของฮอลลีวูดเข้าฉาย 17 เรื่อง
ในช่วงต้นปี บรรดาสตูดิโอต่าง ๆ ต้องเจอกับปัญหาของการระบาด ทำให้ต้องมีการเลื่อนกำหนดฉายภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องออกไป แต่พอมาถึงช่วงซัมเมอร์ที่หลาย ๆ อย่างกลับมาดีขึ้น ฮอลลีวูดก็ต้องเจอกับปัญหาที่เกี่ยวพันกับเรื่องการเมืองในจีน เมื่อเป็นช่วงครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้มีการเก็บหนังนำเข้าเข้ากรุ เพื่อฉายหนังปลุกใจ ให้รักชาติ ที่ยังตามมาด้วยความขัดแย้งระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน ทำให้กำหนดฉายหนังฮอลลีวูดที่น่าจะทำเงินหลาย ๆ เรื่องหลุดออกไปจากตารางที่วางเอาไว้ โดยหนังที่ได้รับผลกระทบก็มี งานหัวแถวของดิสนีย์/ มาร์เวล ’Black Widow’, ‘Eternals’ และ ‘Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings’ หนังวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ‘Space Jam’ หนังโซนี ‘Venom: Let There Be Carnage’ และ ‘Spider-Man: No Way Home’ ซึ่งล้วนเป็นหนังเรื่องโปรดของผู้ชม ที่สามารถทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมหนังของจีนเองก็ฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว มีหนังท้องถิ่นเปิดตัวถึง 472 เรื่องในปี 2021 มากกว่าปี 2019 ปีก่อนการระบาด ที่มีถึง 428 เรื่อง ส่วนรายได้รวมเฉพาะหนังจีนในปี 2021 อยู่ที่ 39.9 พันล้านหยวน หรือ 6.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าปี 2019 ที่ทำไว้ 41.2 พันล้านหยวน (6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินในตอนนั้น) ไม่มาก
หนังทำเงินสูงสุดในปีนี้ 8 จาก 10 อันดับแรกคือหนังเจ้าถิ่น นำโดยเจ้าของสถิติรายใหม่ ‘The Battle at Lake Changjin’ (899 ล้านเหรียญสหรัฐฯ), ‘Hi, Mom’ (822 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ ‘Detective Chinatown 3’ (686 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ขณะที่หนังฮอลลีวูดทำเงินสูงสุดในจีนก็คือ F9: The Fast Saga ของยูนิเวอร์ซัล ที่ทำเงินไป 216.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, หนังลีเจนดารี/ วอร์เนอร์ฯ ’Godzilla vs. Kong’ (188.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ ‘Free Guy’ ของดิสนีย์ 94.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หนังฮิตหลาย ๆ เรื่องของจีนปีนี้ เช่น หนังสงครามเกาหลี ‘The Battle of Lake Chongjin’ เป็นงานที่มี ‘ท่วงทำนองสอดคล้องกัน’ โดยมีลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ, เฉลิมฉลองความสำเร็จ และความเป็นผู้นำของจีน และออกฉายในช่วงครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์
“ความสำเร็จของหนังท่วงทำนองเดียวกัน ส่งผลต่อหนังท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัด” แรนซ์ พาว (Rance Pow) ประธานของอาร์ทิแซน เกทเวย์ บริษัทในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนกล่าว เขามองว่า มี 3 องค์ประกอบที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของธุรกิจภาพยนตร์จีนในช่วงปีผ่านมา “คนดูหนังชาวจีนมีการรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้น และมีความภูมิใจในความสำเร็จของชาติ รวมถึงสถานะของประเทศในโลก หนังท้องถิ่นยังเป็นงานที่ถูกปากผู้ชมในประเทศ รวมถึงมีพัฒนาการในเรื่องของงานโปรดัคชั่น, การตลาด และระบบการจัดจำหน่าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนและดูแลจากรัฐบาลกลาง”
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนยังได้ประโยชน์จากค่าตั๋วที่เพิ่มขึ้น โดยค่าตั๋วเฉลี่ยปี 2021 อยู่ที่ราว ๆ 40.5 หยวน หรือ 6.37 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มจากปี 2019 ที่ค่าเฉลี่ยใบละ 37.1 หยวน 8.7% โดย จำนวนผู้เข้าชมก็ลดลงจากปี 2019 ที่ทำไว้ 1.7 พันล้านที่นั่ง 29.4%
ขณะที่การสร้างโรงภาพยนตร์ใหม่ ๆ ยังคงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมีโรงเพิ่มขึ้นอีกถึงราว ๆ 6,700 จอ ทำให้จำนวนจอทั่วประเทศเพิ่มเป็น 82,248 จอ ที่น่าสนใจก็คือ โรงส่วนใหญ่จะเปิดในย่านชนบทซึ่งหนังภาษาจีนจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ
รักหว่องกาไว ชอบหนังหว่องกาไว อ่านวิจารณ์งานของหว่อง ที่มีให้ชมทางเน็ตฟลิกซ์ กันได้ที่นี่ >
#wongkarwai #sadaos #moviereview #ChungkingExpress #fallenangels #happytogether #inthemood #2046
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
