7 ม.ค. 2022 เวลา 04:07 • ไลฟ์สไตล์
“ชีวิตที่มีสิริมงคล … ทำดี ดีกว่าขอพร”
“ … เราพยายามฝึกตัวเอง
ทำอย่างที่หลวงพ่อบอก ทำ 3 อย่างนี้
ตั้งใจรักษาศีล ต้องตั้งใจไว้ก่อน เรียกว่ามีเจตนาวิรัติ
เจตนางดเว้นการทำบาปอกุศลทางกายวาจา 5 ประการ
จะปีใหม่ชอบนักเชียวเคานต์ดาวน์
พากันไปกินเหล้าเคานต์ดาวน์ หาสาระอะไรไม่ได้
กินเหล้าเคานต์ดาวน์ ก็คือยอดเยี่ยมมาก
กินเหล้าตั้งแต่ปี 2564 ยันปี 2565 เลย
บางท่าน ท่านก็โอ้ให้คนไปกินเหล้าเคานต์ดาวน์ไม่ดี
ให้มาสวดมนต์ข้ามปีดีกว่า
ในกรุงเทพฯ ปีนี้เขาไม่ให้สวดมนต์ข้ามปี
วัดหลวงพ่อก็ไม่ค่อยได้จัดหรอกสวดมนต์ข้ามปี
ถ้าจะทำข้ามปีให้ภาวนาข้ามปี
คือทำอย่างอื่นไม่เป็นสวดมนต์ไว้ก็ยังดี ดีกว่าไปกินเหล้า
ก็เป็นอุบายของพระผู้ใหญ่
ท่านก็บอกให้ไปจัดสวดมนต์ข้ามปี
ถ้าทำได้ก็คืออย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ชั่ว
ไม่ใช่เมาตั้งแต่ปี 2564 ยันปี 2565
ได้ทำความดี สวดมนต์ตั้งแต่ปี 2564 ยันปี 2565
เราทำที่บ้านก็ได้ ปีนี้โควิดระบาดทำที่บ้านก็ได้
หรือจะไม่สวดมนต์ จะนั่งสมาธิก็ได้ เดินจงกรมก็ได้
ทำอะไรก็ได้ที่มันดี ๆ
เราอยากได้ชีวิตที่มีสิริมงคล
สิริมงคลให้ใครเขาให้พรเรา ไม่ได้เรื่องหรอก
ต้องทำเอาเอง ความดีทำเมื่อไรมันก็ดี
ยิ่งทำข้ามปีก็คือดีข้ามปี ไม่ใช่เรื่องโชคลางนะ
ทำความดีทำเมื่อไรมันก็ดีเมื่อนั้น ทำไว้
ถ้าเราภาวนา เรารู้เลยว่าทั้งหมดเป็นไปตามกรรม
เราทำกรรมที่ดีไว้ ทำบุญทำอะไรอย่างนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราสามารถปรับทิฏฐิของเราให้ตรงได้
เป็นบุญสูงสุดเลย แล้วก็เป็นกุศลด้วย
การทำทิฏฐิให้ถูกเป็นทั้งบุญ เป็นทั้งกุศลในตัวเองเลย
ถ้าเราทำได้อย่างนี้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ทำบุญรองๆ ลงมา
ทำทาน ถือศีล นั่งสมาธิอะไรอย่างนี้ ก็ได้บุญทั้งนั้น
สังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือคนยากคนจน
ช่วยเหลือสัตว์ลำบากก็เป็นบุญทั้งหมด
ทำแล้วก็ดี ฟังธรรมะก็เป็นบุญ
นั่งฟังธรรมะ แสดงธรรมะก็เป็นบุญ
ฉะนั้นเรื่องบุญมีตั้งเยอะแยะ
บุญจากการช่วยเหลือกิจการที่ดี
อย่างไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ
ที่มันเป็นประโยชน์จริงๆ ก็เป็นบุญ
ฉะนั้นบุญมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เสียสตางค์หรอก
ไม่จำเป็นต้องเสียสตางค์
แล้วบุญสูงสุดจริงๆ ก็ขึ้นไปเป็นกุศลให้ได้
ปรับทิฏฐิให้ตรง
เราไปทำเอาถ้าทำได้
เราจะไม่ขอหรอกพรใครหรอก
หลวงพ่อไม่ขอพรใครมานานแล้ว ไม่รู้จะขอทำไม
เราเชื่อกรรม เชื่อผลของกรรม
ถ้าเราทำกรรมชั่ว เราไปขอพรผู้วิเศษที่ไหนให้พรเราว่าจงมีความสุข
เป็นไปไม่ได้หรอกมันผิดกฎแห่งกรรม
ถ้าเราทำความดี เราก็ไม่ต้องขอพรใคร
เดี๋ยวเราก็มีความสุข มันเป็นเรื่องของกรรม
ฉะนั้นชาวพุทธเราไม่สนใจหรอก
เรื่องขอพรรับพรปีใหม่อะไรอย่างนี้
แต่บางทีครูบาอาจารย์พระผู้หลักผู้ใหญ่ท่านก็ให้นะ
อนุเคราะห์โลก คนที่อินทรีย์อ่อนๆ เขายังอยากได้พรแบบนั้นอยู่
แต่พวกเราเป็นนักกรรมฐาน ไม่เอาพรเหลวไหลพวกนั้น
ไม่ได้ประโยชน์อะไร ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านพูดดี
ท่านบอก “ทำดี ดีกว่าขอพร” ท่านพูดตรงเป๊ะเลย
ฉะนั้นเราพยายามทำบุญที่ดี ทำสิ่งที่ดีของเราไว้
มันเป็นพรให้ตัวของเราเอง
คือชีวิตเราจะได้มีความสุข
ทำดีแล้วอย่างไรก็มีความสุข ทำชั่วอย่างไรก็ทุกข์
แล้วถ้าเราดีสุดขีด ถึงขนาดเราปรับสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นมาได้
พัฒนาสัมมาทิฏฐิได้เราจะพ้นทุกข์
ตรงที่เราพ้นทุกข์นั่นล่ะ เรามีความสุขที่ปลอดภัย
เป็นความสุขที่เกษมเลย ปลอดภัย
ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระนิพพาน
พรไม่ให้หรอกปีนี้ เสียเวลา
สอนถึงขนาดนี้ ถ้ายังอยากได้พรก็ไม่ฉลาดเท่าไรแล้ว
แต่คนไม่ฉลาดมันก็เยอะ เอา ให้สักหน่อย
“ทำความดีนะ ทำความดีให้เยอะๆ แล้วเป็นการให้พรตัวเราเอง” เท่านี้ล่ะ
นี่ล่ะพรตัวจริง ขอให้อย่างโน้น ขอให้อย่างนี้ ไม่จริงหรอก. …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์​ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
31 ธันวาคม 2564
ติดตามการถอดไฟล์ฉบับเต็มจาก :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา