✴️ บทที่ 1️⃣4️⃣ ยกระดับจิตสู่ญาณ ✴️ (ตอนที่ 1)
บทที่ 1️⃣4️⃣ ยกระดับจิตสู่ญาณ
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
การปฏิบัติสมาธิและจินตภาพจะช่วยให้เจ้าหยุดคิดมาก และยังช่วยให้เจ้าเริ่มต้นการเดินทางคืนสู่บ้านได้ การเยียวยาจะบังเกิด เจ้าจะได้เริ่มใช้จิตที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อน เจ้าจะได้เห็น เจ้าจะเข้าใจ และเจ้าจะเติบโตเป็นผู้มีปัญญา แล้วเมื่อนั้นเจ้าจึงจะพบสันติสุข
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
หัวใจของเรา รู้จักเส้นทางไปสู่ความสุขและความสงบสันติภายในเป็นอย่างดีครับ การฝึกฝนจิตวิญญาณอย่างการนั่งสมาธิหรือสวดมนต์จะช่วยเตือนใจเราให้รับรู้ในสิ่งที่เรารู้จักอยู่แล้วข้างในตัวเอง ในยามที่เราลืมสารจากหัวใจแล้วตกลงปลักชีวิตที่มันซ้ำซากและแตกระแหง เราเองนี่แหละที่จะรู้สึกว่าชีวิตมันช่างแห้งแล้งถมไม่เต็มและเปล่าว่างร้างไร้ความสุขสิ้นดี เราจะรู้สึกท้อแท้หดหูและจมอยู่แต่กับความกลัดกลุ้ม เราจะมองภาพอะไรก็มีแต่เบลอไม่ชัดเจน ลืมเลือนภาพรวมของชีวิตไปเสียสิ้น และที่สุดคือ ‘หลงทาง’
🛑 ยารักษานั้นแสนเรียบง่ายธรรมดายิ่ง คือ จงหาเวลาจดจำความศักดิ์สิทธิ์งดงามของเราให้ได้ เพราะนั่นคือธรรมชาติที่แท้แห่งจิตวิญญาณของเราเอง จำให้ได้ว่าทำไมเราถึงเลือกมาเกิดที่นี่ ตรงนี้ “การเจริญสมาธิ” คือหนทางหนึ่งที่จะช่วยไขความทรงจำให้เราได้ครับ
การปฏิบัติสมาธิก็คือศิลปะหรือวิธีการหนึ่งในการทำให้จิตเงียบ เพื่อให้เสียงในจิตอันฟุ้งฝอยไม่จบไม่สิ้นทั้งหลายที่เต็มสมองเราไปหมดนั้นมันนิ่งสงบลง ผู้เจริญสมาธิจะกลายเป็น ‘ผู้สังเกตการณ์’ แทน ไต่ไปถึงระดับที่สามารถถอยตัวเองออกมาเป็นผู้เฝ้าดู จนถึงขั้นยกระดับการรับรู้ไปสู่จิตที่ละเอียดสูงขึ้นไปกว่าเดิม
การที่เราจะดึงตัวเองออกจากปัญหาซ้ำซากของชีวิตทุกวี่วันได้นั้น เราสามารถใช้การปฏิบัติสมาธิเป็นประหนึ่งเครื่องเตือนสติให้เราได้เรียนรู้ว่า คุณค่าทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้นเป็นอย่างนี้นี่เอง ทำสมาธิเป็นประจำก็เหมือนได้เตือนใจเตือนตนอยู่สม่ำเสมอเป็นประจำนั่นเอง เหมือนกับเราได้เตือนสติตัวเองว่าภาพรวมชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราเคยมองเห็นมันเป็นอย่างไร และอะไรคือเรื่องสำคัญสำหรับเราในชีวิตนี้ และอะไรที่มันไม่ได้สลักสำคัญเลยสักนิด
การจะกำจัดความคิดฟุ้งซ่านนับร้อยพันเรื่องในหัวต้องอาศัยวินัยและการฝึกฝนอยู่พอสมควรครับ ผมเองต้องนั่งสมาธิทุกวันอยู่สามเดือน ถึงจะไปสู่ขั้นยกระดับจิตรับรู้ที่ลึกซึ้งขึ้นได้ ที่สำคัญคือต้องรู้จักอดทนและพยายามไม่ใจเสียหงุดหงิดเวลาที่ฝึกอยู่ การจะปฏิบัติสมาธิได้สำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นทันตาเห็นชั่วข้ามคืน
🛑 เราไม่จำเป็นต้องนั่งท่าขัดสมาธิเพชร (𝗹𝗼𝘁𝘂𝘀 𝗽𝗼𝘀𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻)★ เพื่อจะทำสมาธิหรอกครับ คุณปฏิบัติสมาธิในท่านอนก็ได้ ตอนที่นั่งเก้าอี้อยู่ก็ได้ หรือกระทั่งเจริญสมาธิระหว่างเดินถนนอยู่ก็ยังได้เลย จุดหมายของสมาธิคือหยุดการคิด ให้สังเกต ให้ถอนจิตออกมาแล้วเฝ้าดู ให้เป็นผู้มีจิตอันรู้ตัวอยู่ทุกขณะและมีสติแทน
★ 𝗹𝗼𝘁𝘂𝘀 𝗽𝗼𝘀𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻 การนั่งขัดสมาธิแบบพระพุทธเจ้า คือขวาทับซ้ายขัดกันเกือบถึงต้นขา มือขวาทับมือซ้ายเป็นท่าสวยงามมากที่บรรดาหนังสือสอนนั่งสมาธิในเมืองไทยชอบนำเสนอกันนัก แต่ทำยากที่สุด จนทำให้หลายคนท้อ เลยคิดว่าการนั่งสมาธินั้นยาก และเลิกล้มความพยายามไปมากมาย เป็นหลุมดักของการ "ทำท่าถูก และสวย" แต่ไม่ได้ช่วยให้คนเข้าถึงสมาธิได้ง่ายขึ้นและกันคนออกห่างจากสมาธิด้วยความยากของการ "ติดรูปแบบ"
ทั้งที่หากเราเริ่มนั่งสมาธิด้วยท่าที่ปลอดโปร่งสบายตามแบบที่เหมาะกับตัวเรา ถึงจุดที่จิตเรานิ่งสงบดีแล้ว จิตของเราจะ "จัดระเบียบ" ท่าสมาธิของเราได้งดงามด้วยตัวเอง ซึ่งผู้แปลยืนยันได้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองหลังจากตั้งใจที่จะ "เจริญสมาธิในเวลาและท่าทางที่สะดวกที่สุด" ตามคำแนะนำของพระสายทิเบตซึ่งก็ตรงกันกับที่ ดร.ไวส์บอกในบทนี้พอดี แล้วทุกอย่างก็ไหลบ่าตามกันมาเองอย่างราบรื่นที่สุด : ผู้แปล
เมื่อคุณอบรมสอนตัวเองให้รู้จักปฏิบัติสมาธิได้แล้ว คุณจะพบว่ามันช่วยเรื่องการจินตภาพและการสะกดจิตได้ดีมากเลย วิธีการสองอย่างนี้คุณต้องฟังเสียงนำของคนที่จะช่วยจูงคุณเข้าสู่ภวังค์ เสียงนำคือการช่วยให้คุณสามารถรวมจิตได้ง่ายขึ้น
ไม่ว่าจะปฏิบัติสมาธิ จินตภาพหรืออยู่ในภวังค์สะกดจิตก็ตาม คุณไม่ได้เสียการควบคุมตนเองให้กับคนอื่นเลย ไม่มี “อำนาจ” อะไรใดๆจะมาครอบจิตคุณหรือร่างกายคุณได้เด็ดขาด คุณไม่ได้กำลังเข้าเครื่องเดินทางข้ามเวลา คุณแค่กำลังรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวในระดับลึกมากๆก็เท่านั้นเอง แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆเลย ในสภาวะจิตระดับลึกอย่างนี้คุณจะเกิดแรงบันดาลใจ จะสามารถสัมผัสกับระดับการรับรู้ที่สูงกว่า สามารถปลุกธรรมชาติอันประเสริฐงดงามภายในให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งหมดที่เอ่ยมานี้คือเส้นทางไปสู่การรู้แจ้งแห่งปัญญาทั้งสิ้นครับ
✨ ผมจะบอกธาตุแท้ของการเจริญสมาธิให้ ทุกขั้นตอนที่คุณกระทำมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ทุกลมหายใจเข้าออกของคุณมีค่าควรเคารพ ถ้าคุณเข้าใจและฝึกปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ คุณจะเป็นผู้มีสติทุกขณะจิต และจิตสำนึกของคุณก็จะยกระดับ “พ้น” จากการคิดโน่นคิดนี่เรื่อยเปื่อยทุกวันสู่มุมมองที่ “สูง” ไปจากเดิม คุณจะกลายเป็นคนรู้จักสังเกตแยกแยะเรื่องราวได้ดี วางตัวเป็นอุเบกขา คือไม่เอาตัวไปหมกมุ่นจมกับเรื่องราวและเป็นอิสระจากการตัดสินเพ่งโทษใครๆได้อย่างแท้จริง ✨
(มีต่อ)
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
