“กรรมทางใด มีโทษมากที่สุด”
ทีฆตปัสสีนิครนถ์ ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ที : ท่านพระโคดม! พระองค์เล่าย่อมบัญญัติทัณฑะ
ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้เท่าไร ?
พ : ทีฆตปัสสี! ตถาคตจะบัญญัติว่ากรรม ๆ ดังนี้ เป็นอาจิณ
ที : ท่านพระโคดม! ก็พระองค์ย่อมบัญญัติกรรม
ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้เท่าไร ?
พ : ทีฆตปัสสี! เราย่อมบัญญัติกรรม
ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้ ๓ ประการ
คือ กายกรรม ๑ วจีกรรม ๑ มโนกรรม ๑
ที : ท่านพระโคดม! ก็กายกรรมอย่างหนึ่ง วจีกรรมอย่างหนึ่ง มโนกรรมอย่างหนึ่ง มิใช่หรือ ?
พ : ทีฆตปัสสี! กายกรรมอย่างหนึ่ง วจีกรรมอย่างหนึ่ง มโนกรรมอย่างหนึ่ง
ที : ท่านพระโคดม! ก็บรรดากรรมทั้ง ๓ ประการที่จำแนกออกแล้วเป็นส่วนละอย่างต่างกันเหล่านี้ กรรมไหน คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่พระองค์บัญญัติว่ามีโทษมากกว่า
ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรม ?
พ : ทีฆตปัสสี! บรรดากรรมทั้ง ๓ ประการที่จำแนกออกแล้วเป็นส่วนละอย่างต่างกันเหล่านี้
เราบัญญัติมโนกรรมว่ามีโทษมากกว่า
ในการทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรม
เราจะบัญญัติกายกรรม วจีกรรม ว่ามีโทษมากเหมือนมโนกรรม หามิได้
ที : ท่านพระโคดม! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?
พ : ทีฆตปัสสี! เรากล่าวว่า มโนกรรม
ที : ท่านพระโคดม! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?
พ : ทีฆตปัสสี! เรากล่าวว่า มโนกรรม
ที : ท่านพระโคดม! พระองค์ตรัสว่ามโนกรรมหรือ ?
พ : ทีฆตปัสสี! เรากล่าวว่า มโนกรรม
ทีฆตปัสสีนิครนถ์ให้พระผู้มีพระภาคทรงยืนยันในเรื่องที่ตรัสนี้ถึง ๓ ครั้ง ด้วยประการฉะนี้ แล้วลุกจากอาสนะเข้าไปหานิครนถ์นาฏบุตรถึงที่อยู่
…
จากนั้นได้มี อุบาลีคหบดี เข้ามาเพื่อสนทนาในเรื่องนี้ต่อจากทีฆตปัสสีนิครนถ์ โดยยังมีความเห็นว่า กรรมทางกายมีโทษมากกว่ากรรมทางใจ และพระผู้มีพระภาคได้ยกอุปมา เพื่อให้เห็นเปรียบเทียบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้ ⬇️