Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God Journey (การเดินทางของเหล่าพระเจ้า)
•
ติดตาม
17 ม.ค. 2022 เวลา 03:18 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1️⃣4️⃣ ยกระดับจิตสู่ญาณ ✴️ (ตอนที่ 5)
◾ การฝึกทำจินตภาพแบบย่อ — 𝗕𝗿𝗶𝗲𝗳 𝗩𝗶𝘀𝘂𝗮𝗹𝗶𝘇𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗘𝘅𝗲𝗿𝗰𝗶𝘀𝗲 ◾
𝗛𝘆𝗽𝗻𝗼𝘀𝗶𝘀 หรือ ‘การสะกดจิต’ แท้จริงแล้วก็คือ #การรวมจิตเพ่งไป_ณ_เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่วแน่ เท่านั้นเองครับ ไม่ใช่ปริศนาลับดำมืด ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวขนหัวลุกชันแต่ประการใดเลย ลองหลับตาแล้วนึกภาพคุณกำลังกัดผลมะนาวลูกใหญ่น้ำมะนาวฉ่ำดูสิครับ ให้เปิดสัมผัสทุกส่วนของคุณให้หมด ลิ้มรสมะนาว ดมกลิ่นมะนาว เห็นผลมะนาว แล้วกัดลงไปในเนื้อเต็มๆ
พอผมให้ทำถึงตอนนี้ทีไร คนส่วนใหญ่จะทำหน้า “เปรี้ยวจี๊ด” ปากย่นกันทุกที พวกเขาลิ้มรสชาติของมะนาวกันแล้วครับ ผมเองไม่ได้เอามะนาวจริงๆเข้าปากให้เขากัดเสียหน่อย พวกเขากำลังเจาะเข้าไปในธนาคารความทรงจำของตัวเองต่างหากครับ
💥 ถ้าคุณลิ้มรสชาติของมะนาวได้ แสดงว่าคุณกำลังถูกสะกดจิตแล้วครับ 💥
ตอนนี้ให้คุณยื่นแขนออกมาตรงๆต่อหน้าคุณ หงายฝ่ามือขึ้นนะครับ ไม่ต้องงอข้อศอกเลย
พอคุณหลับตาลงแล้ว ให้เห็นภาพว่าผมกำลังวางหนังสือหนักอึ้งลงบนมือข้างซ้ายของคุณหนึ่งเล่ม แล้วก็วางหนังสือหนักอึ้งลงบนมือซ้ายคุณอีกเป็นเล่มที่สอง แล้วทีนี้ให้เห็นภาพผมกำลังผูกลูกโป่งอัดลมเบาหวิวลูกใหญ่ที่มือข้างขวาของคุณ ปล่อยให้แขนอยู่ในสภาพของตอนนี้จริงๆแล้วลืมตาขึ้นสิครับ
💥 ร่างกายก็จะเป็นเหมือนกับจิตของเราแหละครับ คือเข้าไปอยู่ในกระบวนการสะกดจิตเรียบร้อยแล้ว 💥
. . .
𝟮𝟬𝟬 ปีล่วงแล้ว ที่ยุครุ่งเรืองทางปัญญา (𝗔𝗴𝗲 𝗼𝗳 𝗘𝗻𝗹𝗶𝗴𝗵𝘁𝗲𝗻𝗺𝗲𝗻𝘁)★ ถือกำเนิดขึ้นและแผ่ขยายไปทั่วยุค ผู้คนเอาแต่เน้นหลักตรรกะเหตุผลและมุ่งยกวิทยาศาสตร์มากเกินไป ไม่ว่าจะในสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ ในวัฒนธรรม ในเรื่องสุขภาพความเป็นอยู่ หรือในปรัชญาก็ตาม พวกเราเอาแต่คิดว่าวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่เป็นยารักษาความเจ็บไข้และแก้ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงได้หมดจด
★ 𝗔𝗴𝗲 𝗼𝗳 𝗘𝗻𝗹𝗶𝗴𝗵𝘁𝗲𝗻𝗺𝗲𝗻𝘁 ในอังกฤษและยุโรปคือยุคศตวรรษที่ 𝟭𝟵 เริ่มตั้งแต่ปี 𝟭𝟴𝟬𝟭 เป็นต้นมาถึงปี 𝟭𝟵𝟬𝟬 ที่เรียกว่ายุครุ่งเรืองทางปัญญาก็เพราะอิทธิพลของศาสนจักรที่ข่มขู่ครอบงำคนด้วยการสอนว่าทุกอย่างสุดแต่อำนาจพระเจ้า จนเกิดการสังหารผลาญชีวิตผู้คนมากมายด้วยโทษฐานเป็นแม่มดพ่อมดนั้นเสื่อมอำนาจลง วิทยาศาสตร์และการแพทย์เริ่มเฟื่องฟูทรงอิทธิพลมากขึ้น นิยายอมตะที่ตอบโจทย์ยุคนี้ก็มี 𝗙𝗿𝗮𝗻𝗸𝗲𝗻𝘀𝘁𝗲𝗶𝗻 ของแมรี่ เชลลี่ ที่ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระเจ้า นิยายไซไฟของจูลส์ เวิร์น ที่เปิดโลกจินตนาการอนาคต เช่น ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ คือผลผลิตของยุครุ่งเรืองทางปัญญาเช่นกัน : ผู้แปล
แต่จริงๆแล้วกลับเป็นว่า เพราะวิธีการคิดแบบนี้แหละที่ทำให้เราเสียสมดุล เราพากันไม่ใส่ใจปัญญาญาณ (𝗜𝗻𝘁𝘂𝗶𝘁𝗶𝘃𝗲 𝗪𝗶𝘀𝗱𝗼𝗺) ละเลยหัวใจและทิ้งแรงกระตุ้นจากความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจไปเสียหมดสิ้น พวกเราพากันเชิดชูเทคโนโลยีเสียเลิศลอย แต่คุณธรรม ศีลธรรม และการเติบโตทางจิตวิญญาณของพวกเรากลับไม่ได้พัฒนาไปข้างหน้าด้วยก้าวที่เท่าเทียมกันเลยแม้แต่นิดเดียว เราก็เลยต้องมาเจอตัวเองในจุดที่เทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นมาก้าวหน้ามากพอจนสามารถทำลายโลกที่เราอยู่ได้เลย และมีแต่คนที่ขาดภูมิปัญญา ไร้ซึ่งความตื่นรู้ทั้งนั้น ที่มีสิทธิวางนิ้วบนปุ่มทำลายล้าง
เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์มีสภาพเป็นกลางครับ ขึ้นอยู่กับคนต่างหากว่าจะเลือกทำอะไรกับมัน การที่คนจะเลือกปรับมันมาใช้อย่างไร เอาไปใช้กับสถานการณ์ไหนต่างหากครับที่เป็นตัวกำหนดคุณค่าของสองสิ่งนี้ ตอนนี้เราเรียนรู้แล้วว่าวิทยาศาสตร์ไม่อาจรักษาโรคภัยแห่งมนุษยชาติได้ทุกโรคไป มีแต่ผู้นำที่มีภูมิปัญญา มีเมตตา มีความรัก และรู้จักรับผิดชอบเท่านั้นที่จะไปถึงเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
เหตุนี้เองครับที่ลูกตุ้มต้องเหวี่ยงกลับมาจนได้ ไม่ใช่เหวี่ยงกลับมาแรงสุดจนไปหาการถือโชคลางผีสางนางไม้หรือความกลัวขนาดนั้นหรอกครับ แต่ต้องเหวี่ยงกลับมาหาตรงกลาง ตรงจุดที่เกิดความสอดคล้องกลมกลืนและสมดุล กลับมาสู่จุดที่วิทยาศาสตร์กับญาณในกลมกลืนเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ #ณ_จุดที่หัวใจกับสมองสองอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว แล้วช่วยกันทำหน้าที่อย่างราบรื่นงดงามในการนำเราไปสู่ความผาสุกทางกายและความสงบทางจิตใจ
✨ แต่การรู้ว่าญาณในของเราทำงานได้อย่างไรเป็นเรื่องสำคัญมากเลยครับ ✨
ก่อนที่ผมจะได้เห็น เจมส์ แวน ปราห์ ให้สารที่เยียวยาแผลในใจแก่คุณผู้หญิงท่านนั้นไม่ว่าจะเรื่องสวนกุหลาบหรือแหวนของสามีก็ตาม ผมเองเคยมีโอกาสเห็นเขาสอนเวิร์กชอปที่นิวออร์ลีนส์มาก่อนนี้แล้ว เขาบอกรายละเอียดที่แม่นยำยิ่งเกี่ยวกับผู้ตายให้แก่ญาติมิตรพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อหน้าคน 𝟰𝟬𝟬 คนในห้องที่แน่นขนัดนั้น เจมส์จะเห็นภาพหรือรับสารบางเรื่องแล้วพูดออกไปให้คนดูกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นได้ยิน เมื่อมีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกสักเรื่องหรือสองเรื่องก็จะมีคนยืนขึ้นมาแล้วบอกว่าสารที่เขาพูดนั้นถูกต้องตรงความจริงทุกอย่าง
ผมเองนั่งอยู่หลังห้อง แอบลองทำอย่างที่เจมส์ทำอยู่เหมือนกันคือ ลองเดาคำถาม ลองให้ความเห็น ลองบอกสารอะไรออกไปกับเขาบ้าง แต่ไม่ค่อยจะแม่นจะตรงเลย นี่เขากำลังโน้มนำกลุ่มคนดูอยู่หรือเปล่า❓ หรือเขาพูดกว้างเสียจนใครก็ได้ในกลุ่มคนดูมากขนาดนั้นจะต้องมีคนที่โดนคำพูดของเขาตรงเข้าสักคนกันแน่❓ หรือว่าเขาเก่งเรื่องอ่านภาษากายคนเสียจนเดาได้❓
เขาได้รับข้อมูล ได้รับความรู้จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่มาจากกลุ่มคนดูแน่นอนครับ แล้วเขาก็ใช้มันช่วยเหลือคนเหล่านั้นเยียวยาความทุกข์ในใจ แล้วผมก็นึกว่าเออ...มีคนที่เก่งขนาดนี้ไม่กี่คนในโลกหรอกนะที่เจาะเข้าถึงเรื่องพวกนี้ได้ ตัวเราไม่เก่งได้อย่างเขาแน่ๆ
อีก 𝟮 อาทิตย์ให้หลัง ผมกำลังสอนสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่องจิตวิญญาณและการบำบัดจิตด้วยวิธีย้อนอดีตชาติให้กลุ่มเข้าสัมมนา 𝟳𝟬𝟬 คน ที่เวสต์ปาล์มบีช ฟลอริด้าฟังอยู่ ก็มีคนในกลุ่มผู้ฟังถามคำถามเรื่องคนทรงขึ้นมา ผมก็เลยพยายามอธิบายว่าการเป็นสื่อวิญญาณเขาทำอย่างไรด้วยการยกตัวอย่างขึ้นมาสักเรื่อง
“เป็นอย่างนี้ครับ” ผมพูดไปด้วยแล้ววาดภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาตอนนั้นเลย “คนทรงที่เป็นสื่อวิญญาณอาจจะพูดขึ้นมาว่า : ‘ผมรับรู้ถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อโรเบิร์ต อายุประมาณ 𝟭𝟵-𝟮𝟬 ปี รถคว่ำตาย เขาอยากให้คุณรู้ว่าเขาสบายดี ไม่เป็นไรแล้ว เขารักคุณมากแล้วก็ไม่อยากให้คุณต้องเศร้าเสียใจเพราะเขาขนาดนี้เลย เขาสบายดีและเขาอยู่ใกล้ๆคุณนี่เอง แล้วเขาอยากให้คุณเอาเสื้อหนังสีดำที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าให้แกรี่ด้วย’ ” ผมสร้างเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมดเลยครับ
แล้วผมก็เปลี่ยนไปพูดหัวข้ออื่นต่อไป
โดยที่ผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย แคโรลนั่งอยู่ข้างหลังห้อง คิดว่า...
ขอให้เขารู้เรื่องนี้มาก่อนจากปากเจมส์ แวน ปราห์เสียจริงๆ เพราะมีคนในกลุ่มผู้ฟังเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว
พอเสร็จสัมมนาแล้ว ผมกำลังเซ็นชื่อในหนังสืออยู่ก็มีหญิงสาวสองท่านเดินเข้ามาหาผม คนหนึ่งมีน้ำตาคลอ
“คุณหมอทราบเรื่องโรเบิร์ตกับรถคว่ำได้ยังไงคะ” คุณผู้หญิงที่ร้องไห้ถามผมเบาๆ
ผมบอกไปว่าตัวเองแต่งเรื่องขึ้นเองทั้งหมดจริงๆ
“ไม่ใช่เลยค่ะคุณหมอ” เธอตอบเสียงหนักแน่นมั่นคง “น้องชายของดิฉัน โรเบิร์ตรถคว่ำตายตอนอายุ 𝟮𝟬 ปี เราคิดถึงเขามากๆเลย แล้วตัวดิฉันเองก็เพิ่งให้เสื้อหนังสีดำที่แขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าของเขาให้น้องชายที่ชื่อแกรี่ไปเอง ดิฉันรู้สึกว่าเค้าอยากให้ดิฉันทำให้เค้าค่ะ”
(มีต่อ)
หนังสือ
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
𝗠𝗲𝘀𝘀𝗮𝗴𝗲𝘀 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝘀
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย