Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealth being
•
ติดตาม
11 ก.พ. 2022 เวลา 08:51 • คริปโทเคอร์เรนซี
หลังจากที่ได้ทำความรู้จัก Bitcoin กันในบทที่แล้ว บทนี้จะพาไปต่อกันที่ประโยชน์ของ Bitcoin ในฐานะเงินดิจิทัลครับ
อะไรที่ทำให้สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี กลับมีผู้ใช้งานหลักล้านคน ราคาเติบโตขึ้นจนนับไม่ไหว และผู้คนค่อนโลกกำลังให้ความสนใจกับมันอยู่นี้
การจะเข้าใจความสำเร็จนี้ได้ จำเป็นต้องเข้าใจคุณค่าที่ Bitcoin ได้ให้กับผู้ที่ใช้มัน ไปเริ่มกันเลยครับ
📌Store of value
ความเข้าใจที่ว่าทรัพยากรบนโลกมีจำกัดนั้น จริงๆแล้วเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทรัพยากรเกือบทุกอย่างบนโลกมีมากมายเกินกว่าที่มนุษย์จะรับรู้ได้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เป็นข้อจำกัดจริงๆ คือ “เวลา”
2
อาจกล่าวได้ว่าทรัพยากรในโลกมีแทบไม่จำกัด สิ่งเดียวที่มีจำกัดจริงๆคือปริมาณเวลาของมนุษย์ ในการนำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ต่างหาก เวลาคือทรัพยากรที่มีจำกัดที่แท้จริง
3
ตลอดประวัติศาสตร์ มนุษย์ไม่เคยใช้ทรัพยากรไหนจนหมดเลยแม้แต่อย่างเดียว แถมเมื่อเวลาผ่านไป การหาหรือผลิตทรัพยากรเหล่านั้นยิ่งง่ายขึ้นด้วยซ้ำเนื่องจากเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น
น้ำมันเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต การบริโภค และปริมาณน้ำมันสำรองของโลกตั้งแต่ช่วงปี 1980-2015
จากข้อมูลพบว่า แม้อัตราการผลิตและการบริโภคสูงขึ้นทุกๆปี (เพิ่มประมาณ 50% จากปี 1980) แต่ปริมาณน้ำมันสำรองกลับเพิ่มขึ้นเร็วกว่านั้น (เพิ่ม 146% จากปี 1980) หรือเร็วกว่าประมาณสามเท่า
ซึ่งถ้าจะบอกว่ามนุษย์ผลาญทรัพยากรมากจนอาจเกิดความขาดแคลน ปริมาณน้ำมันสำรองก็ควรจะลดลงเรื่อยๆต่างหาก
เรายังพบสถิติในลักษณะเดียวกันนี้กับทรัพยากรอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งเหล็ก ทองแดง แร่เงิน ทองคำ ฯลฯ
ที่เราส่วนใหญ่เข้าใจกันว่าทรัพยากรเหล่านี้หายาก ขาดแคลนหรือมีจำกัด จริงๆแล้วมันมีเพียง “ความขาดแคลนเชิงเปรียบเทียบเท่านั้น” (Relative scarcity) ซึ่งจะขึ้นอยู่กับต้นทุนในการขุดหา และต้นทุนค่าเสียโอกาสในการขุดหามัน
เมื่อเราเข้าใจว่าทรัพยากรต่างๆนั้นมีเพียง Relative scarcity และสิ่งที่เป็น Absolute scarcity มีเพียงเวลาของมนุษย์เท่านั้น
ดังนั้น ยิ่งมนุษย์มีจำนวนมากเท่าไร ก็ยิ่งมี Human-time มากเท่านั้น จึงยิ่งสามารถผลิตวัตถุดิบได้มากขึ้น
เรื่องที่ว่ามนุษย์ล้นโลกจนผลาญทรัพยากรหมดนั้นไม่จริง เพราะตัวมนุษย์เองนั่นแหละคือทรัพยากร เวลา ความคิด และความสามารถของมนุษย์คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด
สิ่งที่ขับเคลื่อนพัฒนาการของมนุษย์ไม่ใช่วัตถุดิบต่างๆ แต่คือเทคโนโลยีที่เกิดจากความคิดมนุษย์ต่างหาก ในสังคมที่มีประชากรมากจึงมีโอกาสเกิดนวัตกรรมได้มากกว่าสังคมที่มีประชากรเบาบาง
และเนื่องจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้น สามารถทำให้มนุษย์ได้รับประโยชน์และนำไปใช้ตามๆกัน ส่งผลให้เกิดผลผลิตของทั้งสังคมสูงขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคน
ความท้าทายเกี่ยวกับการใช้เวลาของมนุษย์ก็คือ การเก็บรักษามูลค่าที่เขาสร้างขึ้นมา ข้ามผ่านกาลเวลาไปสู่อนาคต ซึ่งนี่คือหน้าที่ของเงิน เงินคือภาชนะเก็บมูลค่าของเวลา
ในขณะที่เวลาของมนุษย์มีจำกัด แต่สิ่งอื่นล้วนมีไม่จำกัด สิ่งใดก็ตามที่ถูกใช้เป็นเงิน มนุษย์จะมีความพยายามที่จะผลิตสิ่งนั้นเพิ่มเสมอ
และถ้าหากมันถูกผลิตเพิ่มมากไป มูลค่าที่ถูกเก็บไว้ก็จะหายไป ดังที่กัปตันโอคีฟใช้เทคโนโลยีขั้นสูงไปผลิตหินราย เพื่อครอบครองมูลค่าที่ชาวแยปรักษาไว้ หรือที่ชาวยุโรปนำลูกปัดไปขโมยมูลค่าที่ชาวแอฟริกันรักษาไว้
เหมือนอย่างที่รัฐบาล ธนาคารกลาง และมายาคติของเศรษฐศาสตร์เคนเซียน คอยกัดกร่อนมูลค่าที่เราเก็บรักษาไว้ในเงินตรารัฐบาลนั่นเอง
Bitcoin เป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีครั้งแรกของมนุษยชาติ ที่เรามีทรัพย์สินที่มีปริมาณจำกัดอย่างแท้จริง (Absolute scarcity)
ไม่ว่าจะมีผู้ใช้งานมากเท่าไร ไม่ว่าราคาจะพุ่งไปขนาดไหน ไม่ว่าจะใช้ความพยายามมากเท่าไร บนโลกนี้ก็จะมีเพียง 21 ล้าน BTC เท่านั้น การผลิตเพิ่มเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
Stock-to-flow ของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอนันต์ เมื่อ Bitcoin ถูกขุดจนหมดแล้ว นี่คือสินค้าชนิดแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำแบบนี้ได้
Bitcoin จึงเป็นหน่วยเก็บรักษามูลค่าที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยมี มันคือเทคโนโลยีการออมที่ดีที่สุดที่มนุษย์เคยคิดค้นขึ้น
📌Sovereignity
คุณค่าสำคัญอีกอย่างของ Bitcoin ในฐานะเงินดิจิทัล คือความสามารถในการมีอธิปไตยทางการเงิน ผู้ที่ถือ Bitcoin จะมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่มีทางสัมผัสได้ในโลกการเงินยุคเก่า
Bitcoin เป็นเงินที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริง เราสามารถส่งเงินมูลค่ามากขนาดไหนให้ใครก็ได้ โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใคร ไม่มีใครสามารถควบคุม ขัดขวาง ทำลาย หรือยึด Bitcoin จากเราได้
นี่คือคุณค่าที่เงินตรารัฐบาลไม่มีทางให้ได้ Bitcoin ได้หยิบยื่นทางหนีทีไล่จากอิทธิพลเหนือระบบการเงินของรัฐบาลได้เป็นครั้งแรก
หากลองถอยออกมามองประวัติศาสตร์ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ
หลังอาณาจักรโรมันล่มสลาย ผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในสภาพยากจน สิ้นหวัง ในเวลานั้นเองที่ศาสนาได้เข้ามาอุ้มชูจิตใจผู้คน และศาสนจักรก็เริ่มเรืองอำนาจมากขึ้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ศาสนาที่เคยเป็นที่พึ่งของประชาชน กลับเริ่มจะใช้อำนาจที่มีในทางมิชอบ มากดขี่ประชาชน
ศาสนจักรในยุคนั้นคือศูนย์กลางอำนาจ ที่คอยควบคุมความคิดผู้คน ใช้อำนาจในเชิงเผด็จการ ใช้ข้ออ้างทางศาสนามาขูดรีดประชาชน จนในที่สุดมันก็ถึงจุดแตกหัก
การเฟื่องฟูของเครื่องจักร แท่นพิมพ์ ทุนนิยม ได้ให้กำเนิดสังคมอุตสาหกรรมและรัฐชาติสมัยใหม่ ซึ่งทำให้ศาสนจักรหมดความสำคัญลงไป ชนชั้นพ่อค้า นายทุน และรัฐบาลจึงเริ่มมีอำนาจมากขึ้น
ห้าร้อยปีต่อมา แนวคิดรัฐชาติสมัยใหม่ที่เคยเป็นพระเอกในตอนนั้นก็กลายเป็นสิ่งเก่าคร่ำครึ รัฐบาลก็ใช้อำนาจในทางมิชอบมากดขี่ประชาชนเช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับศาสนจักรในยุคมืด
และแน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงย่อมมาถึง การพัฒนาแท่นพิมพ์ในยุคมืดทำให้หนังสือและความรู้เป็นสิ่งที่หาง่ายขึ้น เหมือนกับที่อินเตอร์เน็ตทำให้ใครก็ตามสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม
เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ผู้คนสามารถติดต่อ ค้าขาย จ้างงาน และทำธุรกิจข้ามโลกได้ องค์กรสมัยใหม่สามารถขายสินค้าและบริการที่ไหนบนโลกก็ได้
ทุกสิ่งอย่างกำลังถูกแปลงเป็นดิจิทัล ซึ่งอยู่เหนือข้อจำกัดในการควบคุมทางภูมิศาสตร์และรัฐชาติ พัฒนาการทางเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ตั้งคำถามถึงเหตุผลในการมีอยู่ของรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในการหลุดพ้นจากอำนาจรัฐคือเงินดิจิทัล ที่ไม่ถูกรัฐควบคุม ซึ่ง Bitcoin มีคุณสมบัติแบบนั้น
ในปัจจุบันอำนาจในการควบคุมเงินถูกผูดขาดโดยรัฐบาลและกลุ่มธนาคารที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และมันทำให้คนต้องพึ่งพารัฐเพื่อความอยู่รอดและสวัสดิภาพ
Bitcoin มาแก้สมดุลอำนาจที่เอนเอียงไปทางรัฐมากเกินไปนี้ มันเปิดทางให้ผู้คนสามารถเดินหนีจากรัฐได้ หากรัฐทำตัวไม่ดี และรัฐจะไม่มีทางห้ามหรือควบคุมมันได้เลย
Bitcoin คือสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดมาเพื่อเอาอำนาจเงินออกจากมือรัฐ แล้วนำอธิปไตยทางการเงินมามอบให้กับประชาชนอย่างแท้จริง
📌ชำระบัญชีระหว่างประเทศ และ หน่วยวัดมูลค่าของโลก
ในโลกที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศเชื่อมต่อกันมากขึ้น ระบบเงินตรารัฐบาลของแต่ละประเทศดูจะเป็นตัวถ่วงความเจริญมากขึ้นเรื่อยๆ
การค้าขายระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินประจำชาตินั้นทำให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็น
ในปัจจุบัน การส่งเงินเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ข้ามพรมแดน มักมีค่าธรรมเนียมหลักหลายสิบดอลลาร์ ใช้เวลาหลายวัน แถมยังเสี่ยงถูกตรวจสอบโดยสถาบันทางการเงินต่างๆอีกด้วย
Bitcoin ได้มอบทางเลือกสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวกลางใดๆ และทำงานโดยไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินเดิมเลย
Bitcoin ทำให้เราสามารถส่งเงินจำนวนเท่าไรก็ได้ ให้กับคนที่อยู่อีกซีกโลกได้ในเวลาอันสั้น โดยไม่ถูกแทรกแซงหรือตรวจสอบจากบุคคลที่สาม
ในแง่การส่งมูลค่านี้ Bitcoin ถือว่าทำได้ดีกว่าทองคำมากแบบเทียบไม่ติด ในขณะที่การขนย้ายทองข้ามประเทศนั้นยากลำบาก และเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบหรือยึดไประหว่างทางมาก
การส่ง Bitcoin กลับง่ายดายเพียงกดคอมพิวเตอร์ไม่กี่ครั้ง การขนย้าย Bitcoin ข้ามประเทศก็เพียงแค่จำ private key ไว้ในความทรงจำ กระบวนการเหล่านี้ไม่มีใครมาตรวจสอบหรือยึดได้เลย
คุณสมบัตินี้ทำให้ Bitcoin ได้รับความนิยมอย่างมาก เพียงไม่กี่ปีตั้งแต่มันถือกำเนิด มันก็มีสภาพคล่องในตลาดโลกได้สูงอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นความสำเร็จในฐานะเงินที่ใช้ในการชำระบัญชีระหว่างประเทศอย่างไม่น่าเชื่อ
ในอนาคต หาก Bitcoin ถูกใช้งานในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น มันก็จะยิ่งมีสภาพคล่องมากขึ้น ราคาก็ควรจะเสถียรขึ้น และทำให้ผู้คนยอมใช้มันเป็นหน่วยวัดมูลค่าได้
เมื่อถึงตอนนั้น Bitcoin จะกลายเป็นหน่วยวัดมูลค่าทางบัญชีของโลก (Global unit of account) ที่มีความเป็นสากล เหมือนทองคำในยุค Gold standard
ผลที่ตามมาก็คือการค้าระหว่างประเทศจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตลาดสามารถขยายได้โดยทลายข้อจำกัดของพรมแดน เศรษฐกิจเฟื่องฟู โอกาสเกิดสงครามน้อยลง เป็นยุคสมัยที่สวยงามเหมือนตอนช่วงพีคของมาตรฐานทองคำ
หากเปรียบโลกสมัยใหม่เป็นกรุงโรมที่กำลังเผชิญกับการล่มสลายของระบบการเงิน โดยเงินดอลลาร์นั้นเปรียบเสมือนเงินออเรียส
Satoshi Nakamoto ก็คงเปรียบได้กับคอนสแตนติน โดยมี Bitcoin เป็นโซลิดัส และอินเทอร์เน็ตเป็นกรุงคอนสแตนติโนเปิล
Bitcoin ทำหน้าที่เป็นเหมือนเรือชูชีพท่ามกลางหายนะทางการเงิน สำหรับผู้คนที่ถูกบังคับให้ใช้จ่ายและเก็บออมด้วยเงินรัฐบาลที่กำลังเสื่อมค่าลงอยู่ทุกขณะ
Bitcoin เป็นหน่วยเก็บรักษามูลค่าระยะยาวที่เชื่อถือได้ เป็นเงินที่มอบอธิปไตยให้กับผู้ที่ใช้มัน เป็นเงินที่จะเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน และนำพาโลกไปสู่ยุคสมัยที่สวยงามกว่านี้ นี่คือประโยชน์ของ Bitcoin ครับ
References
Saifedean Ammous (2017) The Bitcoin Standard
15 บันทึก
6
11
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สรุปหนังสือ The Bitcoin standard
15
6
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย