Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
25 เม.ย. 2022 เวลา 10:42 • ปรัชญา
“สมถะเริ่มเมื่อหมดความจงใจ
วิปัสสนาเริ่มเมื่อหมดความคิด
… แต่ก่อนจะหมดความคิด มันก็ต้องคิดก่อน”
“ … ภาวนาโดยไม่คาดหวัง
หลวงพ่อภาวนาตั้งแต่เด็กๆ เริ่มแต่เด็กภาวนาง่าย เริ่มตอนโตแล้วภาวนาลำบากนิดหนึ่ง
ถ้าเริ่มตอนเด็กๆ มันไม่มีมารยา
ไม่มีมารยาว่าภาวนาจะต้องเป็นอย่างนั้น
จะต้องเป็นอย่างนี้ จะต้องได้อันนั้น จะต้องได้อันนี้
หลวงพ่อไปเจอท่านพ่อลี ท่านสอนหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ นับหนึ่งอะไรอย่างนี้ นับสอง นับสาม
ตอนนั้น 7 ขวบเอง ไปแล้วจับนั่งตักสอน ท่านน่ารัก ท่านเมตตา ท่านก็สอนหลวงพ่อก็มาทำหายใจเข้าพุท หายใจออกโธนับหนึ่ง
ไม่ได้คิดว่าทำแล้วมันจะได้อะไร
ไม่ได้มีความอยากว่าทำแล้วจะต้องสุข ต้องสงบ
ต้องบรรลุมรรคผลนิพพานอะไร ไม่เคยคิดเลย
เพราะมันเด็กจนกระทั่งไม่รู้จักอะไรเลย
ครูบาอาจารย์ให้ทำก็ทำ ทำไม่นานจิตก็สงบ
เริ่มจากการนับหายไป
เหลือแต่หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
ต่อไปการบริกรรมพุทโธก็หายไป เหลือแต่ลมหายใจ
ภาวนาไปเรื่อยๆ ลมหายใจก็ระงับเป็นแสงขึ้นมา
ไม่ได้คิดไม่ได้นึกว่ามันจะต้องได้นั่นได้นี่
เด็กๆ มันไม่มีมารยา
ฉะนั้นฝึกตั้งแต่เด็กๆ ฝึกง่าย
โตขึ้นแล้วชั้นเชิงเยอะมารยามาก
ภาวนานิดหน่อยก็อยากได้มรรคผล
อยากได้อภิญญา อยากได้โน้น อยากได้นี้
เริ่มต้นก็อยากเต็มไปหมดแล้ว
มันก็เลยไม่ได้ มันเลยยาก
ก็ต้องอดทนภาวนาไปนานเลย จนมันหมดอยากนั่นล่ะ
ทีแรกภาวนามันอยากสงบ อยากโน้นอยากนี้
มันทำไม่สำเร็จ แต่อดทนไม่เลิก
วันหนึ่งก็ภาวนาไปเรื่อยๆ
โดยไม่ได้อยาก ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้แล้ว
ตรงที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ มันจะได้
ตรงที่คาดหวังอยู่มันไม่ได้หรอก
อย่างหลวงพ่อภาวนามันเคยเห็นจิตมันแหวกออก
มันสว่างขึ้นมา มันว่าง โล่งเลย
ครั้งแรกอินโนเซนต์เลย ไม่ได้คิดฝัน
อีกทีหนึ่งมันก็เป็นไปเอง เราไม่ได้รู้เรื่องอะไร
ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเป็น
คราวนี้มันจำได้แล้ว ก่อนที่จิตมันจะรวมแบบนี้
มันมีอาการอย่างนี้ๆ
พอมันจะเริ่มอย่างนี้ ลุ้นแล้วเดี๋ยวมันจะเกิดอีกแล้ว
นั่งลุ้นอย่างนี้ ไม่มีหรอก ไม่ได้กินหรอก
ฉะนั้นถ้าทำด้วยอยากไม่ได้กินหรอก
แต่ถ้าไม่มีความอยากมันก็ไม่ทำอีกล่ะ
เพราะฉะนั้นเบื้องต้นจะอยากก่อนก็ไม่เป็นไรหรอก
อยากแล้วก็ทนเอาทำไป
จนวันหนึ่งมันหมดความจงใจ
หมดความอยากนั่นล่ะมันจะได้
สมาธิมันก็จะเกิดขึ้นตอนที่เราไม่ได้จงใจ
ค่อยภาวนาไปเรื่อยๆ
แล้วก็พอจิตมันมีสมาธิแล้ว มันว่างๆ นิ่งๆ
เราก็กระตุ้นให้มันเดินปัญญา
เราก็มาคิดพิจารณากาย พิจารณาจิต
แล้วแต่สะดวกแล้วแต่ถนัด
คิดพิจารณาให้มันลงไตรลักษณ์ให้ได้
คือคิดอย่างไรก็ได้ แต่ให้ลงไตรลักษณ์ให้ได้เท่านั้น
อย่างนี้นั่งมโนเอาว่าเราไปประกวดนางงาม
ได้เป็นนางงามจักรวาลแล้ว
เสียดายไม่มีจักรวาลอื่นให้ไปประกวดด้วย ภูมิใจ
นั่งคิดไปเรื่อยๆ เป็นนางงามแล้ว
โอ๊ย สปอนเซอร์ทั้งหลายมาติดต่อ รวย อะไรอย่างนี้
ต่อไปก็หาแฟนได้ เป็นหนุ่มรูปหล่อถูกอกถูกใจ
มีลูกมีหลาน มโนไป
แต่มโนแล้วอย่าไปหยุดอยู่ตรงแค่นี้ คิดต่อไปอีก
อยู่ไปเรื่อยๆ ตีนกามันชักจะขึ้นแล้วจะต้องไปดึง
จะต้องทำอย่างโน้น จะต้องทำอย่างนี้
เริ่มจะวุ่นวายแล้ว
คิดพิจารณาไปเรื่อยๆ จนหนังเหี่ยว ฟันหัก ผมหงอก คิดไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ตาย
พอตายแล้วก็ไม่สวยไม่งามแล้ว
เคยเป็นนางงามจักรวาล ทั้งๆ ที่ตายยังสาว
ตายตอนสาวๆ นี้ก็ได้
สักพักเดียวเราตายปุ๊บ ยกให้ใครเขาก็ไม่เอาแล้ว
คนที่เคยแย่งมันก็วิ่งหนีหมดเลย คราวนี้แย่งกันหนี
ไม่อยากดู ไม่อยากได้
พิจารณาไปเรื่อยๆ ใจให้ลงไตรลักษณ์
เห็นเลยมันเป็นของไม่ดี เป็นของไม่ยั่งยืน
เป็นของที่มีความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
เป็นของที่ควบคุมบังคับไม่ได้
พิจารณาไปให้มันลงไตรลักษณ์ให้ได้
จะพิจารณาอะไรก็ได้
คิดไปแต่ลงไตรลักษณ์แล้วก็ใช้ได้เหมือนกันหมด
จะดูจิตดูใจบางทีจิตมันฟุ้งซ่าน ดูไปจิตมันฟุ้งซ่าน
ทำอย่างไรมันก็ไม่สงบ
นี่ล่ะมันสอนอนัตตาเรา
พิจารณาอย่างนี้แล้วเห็นอนัตตา
ทีแรกก็คิดเรื่องอนัตตา
พอใจมันลงเท่านั้นรวมปุ๊บลงไป
คราวนี้มันเห็นอนัตตาโดยไม่ได้คิดแล้ว
เมื่อไรที่จิตมันหมดความคิด
มันรู้สภาวะอย่างที่กำลังเป็นโดยไม่คิด
ตรงนั้นล่ะวิปัสสนามันจะเกิด
ถ้ายังคิดอยู่ยังไม่เป็นหรอก
มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง
หลวงพ่อพุธท่านสรุปดีนะบอก “สมถะเริ่มเมื่อหมดความจงใจ วิปัสสนาเริ่มเมื่อหมดความคิด”
แต่ก่อนจะหมดความคิด มันก็ต้องคิดก่อน
มันคิดแล้วเราพามันลงไตรลักษณ์ให้ได้
ลงไตรลักษณ์ได้จิตจะรวม จิตจะสงบลงมา
แล้วคราวนี้มันเคยพิจารณากาย
พิจารณาจิตเป็นไตรลักษณ์มาแล้ว
พอมันสงบจิตมันจะพิจารณาเอง
มันจะไปพิจารณากาย พิจารณาจิตเป็นไตรลักษณ์เอง
ตรงที่มันพิจารณาเองนั่นล่ะ
มันเดินปัญญาอย่างแท้จริงแล้ว
ใช้เวลาไม่มากหรอก ถ้าเดินตรงนี้ได้
ที่มากก็คือตอนที่ฝึกให้จิตมันตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู
ตรงนี้เราฝึกกันนาน ให้มันมีสมาธิที่ถูกต้อง
แล้วก็มีสติระลึกรู้ความเปลี่ยนแปลงของกายของใจ
พวกนี้ต้องฝึก
แต่พอจิตมันมีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางแล้ว
ตรงนี้ไม่ต้องฝึกแล้ว
จิตมันเดินของมันเองแล้ว
ฉะนั้นที่หลวงพ่อสอน “มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง” แล้ววงเล็บ “ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”
ถ้าไม่มีจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง
จะรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงไม่ได้
จะทำได้แค่รู้กายรู้ใจ
แต่จะไม่เห็นความจริง คือไตรลักษณ์หรอก
จะเห็นไตรลักษณ์ได้ จิตต้องตั้งมั่นและเป็นกลาง
ค่อยๆ ฝึก สุดท้ายมันก็จะเห็นว่า
โลกนี้คือรูปนาม
หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่แวดล้อมเราอยู่นี่
หาสาระแก่นสารไม่ได้
ใจมันค่อยคลายความยึดถือออกไปเป็นลำดับๆ
ยิ่งเราห่างโลกเท่าไร
เราก็ยิ่งเข้าใกล้ความสงบสุขมากเท่านั้น
เพราะโลกมันไม่สงบ
ความสุขของโลกก็เป็นความสุขที่ไม่สงบ
เราภาวนาเห็นความจริง โลกนี้ไม่มีสาระแก่นสาร
กายนี้ไม่ได้มีสาระแก่นสาร
จิตใจนี้ไม่มีสาระแก่นสาร
อย่างเราอยากได้อารมณ์ที่มีความสุขทางใจ
ก็ไม่มีสาระแก่นสาร
สุขประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวก็ไม่สุขแล้ว
อย่างบางคนเปียแชร์ สมัยหลวงพ่อรับราชการ เขาชอบเล่นแชร์ หลวงพ่อไม่เล่นหรอก ไม่รู้จะเล่นทำไม
เขาเล่นแชร์กันแล้วก็พอเปียได้ หน้าใสอยู่หนึ่งวัน ถัดจากนั้นหน้าซีดคือส่งตลอด ไม่ได้เงินแล้วมีแต่เสียเงิน
ความสุขนะแวบเดียวแล้วทุกข์อยู่ตั้งนาน
เราไม่สนใจสุขอย่างนั้น หาสาระไม่ได้
ความสุขอะไรไม่เท่าความสงบ
ความสงบก็คือพระนิพพานนั่นเอง
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
เราภาวนาของเราทุกวันๆ มีความสุข
เดินไปไหนก็มีแต่ความสุข ทำอะไรก็มีความสุข
เดินไปทำงานมีความสุข
หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน
ใครมาเข้าใกล้เราก็มีความสุขไปด้วย
ถ้าใจเราร่มเย็น ความร่มเย็นมันก็แผ่ซ่านออกไป
ค่อยๆ ฝึกตัวเองก็ได้รับความสุขในปัจจุบัน
มีความสุขอยู่ในปัจจุบัน จะตายไปก็มีความสุข
ในอนาคตอย่างที่บอกเมื่อกี้
นิมิตไม่ดีเกิดสติเกิดเลย
จิตตั้งมั่นขึ้นมาเกิดนิมิตที่ดีขึ้นแทน
ฉะนั้นเราภาวนาทุกวันๆ เรามีความสุขในปัจจุบัน
มีความสุขในอนาคต
และยิ่งถ้าเราภาวนาดีได้มรรคผลนิพพาน
เราจะมีความสุขอันยิ่งใหญ่
ความสุขอะไรก็ไม่เท่าความสงบ
ความสงบก็คือพระนิพพานนั่นเอง …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
8 มกราคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่ :
https://www.dhamma.com/worldly-pleasures/
เยี่ยมชม
dhamma.com
ความสุขในโลกไม่ยั่งยืน
ความสุขในโลกธรรมดาอย่างที่พวกเรารู้จักเร่าร้อนไม่ยั่งยืน ได้มายากเสียไปง่าย รักษาไว้ยาก ไม่ว่าจะเป็นกามโลก รูปโลก อรูปโลก ไม่ยั่งยืนหรอก
Photo by : Unsplash
2 บันทึก
7
4
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
อ่านธรรม : อ่านใจ
2
7
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย