29 ม.ค. 2022 เวลา 01:47 • ไลฟ์สไตล์
“EP.04 เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ตอนที่ 1/2”
“ … เวทนาเป็นสิ่งสำคัญในพุทธศาสนา
สำหรับเรื่องเกี่ยวกับเวทนานี้ แม้จะไม่พูดกันในลักษณะที่เป็นสติปัฏฐาน มันก็ยังพูดได้ทั่วไปในฐานะเป็นเรื่องสำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะว่าที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องหัวใจเรื่องหนึ่งทีเดียว
คือว่า กิเลส ตัณหา อุปาทาน ความทุกข์ มันออกมาจากเวทนา ตั้งต้นที่เวทนา เป็นสุขก็ให้เกิดกิเลสไปอย่างหนึ่ง เป็นทุกข์ก็ให้เกิดกิเลสไปอย่างหนึ่ง คือเกิดตัณหานั่นแหละ แล้วมันก็มีอุปาทาน ก็เกิดเป็นทุกข์ขึ้นมา
ถือว่าเรื่องเวทนาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องเบื้องต้นของตัณหา ซึ่งเป็นอริยสัจจ์ เรื่องที่ 2 คือสมุทัย ให้เกิดทุกข์
ที่นี้ตัณหาหรือสมุทัยนั้นก็มาจากเวทนา จึงถือได้ว่าเรื่องเวทนาก็เป็นเรื่องที่สงเคราะห์รวมอยู่ในอริยสัจจ์ อริยสัจจ์ข้อที่ 2 คือสมุทัยนั้นเอง
ถ้าจะรู้ให้ดีว่าตัณหาเกิดขึ้นอย่างไร ก็ศึกษาเรื่องเวทนา แล้วก็จะรู้เรื่องว่าเวทนา
ว่าสุขเวทนาให้เกิดกิเลสประเภทหนึ่ง
ทุกขเวทนาให้เกิดกิเลสประเภทหนึ่ง
อทุกขมสุขเวทนาก็ให้เกิดกิเลสประเภทหนึ่ง ขอให้สนใจกันให้ดี
ทีนี้ถ้าเราจะดูกันอย่างธรรมดาสามัญอย่างเรื่องโลก ๆ ก็ยังมีเรื่องที่จะต้องรู้เกี่ยวกับเวทนาคือปีติและสุข
สิ่งที่เรียกว่า ปีติและสุข นี้จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะคือมนุษย์ ถ้าไม่มีปีติและสุขนี้หล่อเลี้ยงชีวิต มันก็อยู่ไม่ได้ ขอให้มองเห็นว่าเป็นปัจจัยแก่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอย่างยิ่ง
ปัจจัยฝ่ายร่างกาย ปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค 4 อย่างนี้เป็นปัจจัยแห่งชีวิตในด้านร่างกาย ในฝ่ายร่างกาย แต่เท่านั้นมันไม่พอดอก
เพราะว่าชีวิตนี้มันมีเรื่องจิตใจด้วย จึงต้องมีปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริม จึงเรียกว่าเป็นปัจจัยฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณ เรียกต่อท้ายจาก 4 อย่างข้างต้นว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ปัจจัยทั้ง 4 อย่างเป็นเรื่องฝ่ายร่างกาย ต้องถูกต้องและสมบูรณ์
ปัจจัยฝ่ายที่ 5 นี้ฝ่ายจิต คือความรู้สึกเป็นสุข รู้สึกพอใจ ถ้าเรียกรวมกันว่ามันเป็นสิ่งประเล้าประโลมใจให้ปกติ ให้เป็นสุข ถ้าขาดสิ่งประเล้าประโลมใจเอาเสียทีเดียว จิตมันก็กระสับกระส่าย แล้วก็จะผิดปกติ จะเป็นโรคประสาท จะเป็นบ้าก็ได้
ฉะนั้นคนเรานี้มันมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พอใจหล่อเลี้ยงอยู่เสมอไป ไม่ใช่ว่ามีอาหารกิน มีที่อยู่อาศัย มีปัจจัย 4 แล้วมันจะปกติอยู่ได้ จิตใจมันต้องการ เพราะฉะนั้นมันจึงมีอีกส่วนหนึ่งซึ่งดูคล้ายๆ กับว่าเป็นของหลอกให้มีความพอใจ รู้สึกแน่ใจ รู้สึกว่าปลอดภัย รู้สึกว่าพอใจในชีวิต หรืออย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องเพลิดเพลินในฝ่ายจิตใจ
เราจะเห็นว่าคนนี้เขาก็เล่นของเล่น เล่นต้นไม้ เล่นดอกไม้ เล่นเครื่องลายคราม เล่นเครื่องเล่นต่างๆ เพื่อประเล้าประโลมใจ นี้มันก็อยู่ในส่วนนี้ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของโลกเกินไป
ฉะนั้นเราก็มีสิ่งประเล้าประโลมใจสูงขึ้นไป สูงขึ้นไปจะเป็นเรื่องเกียรติยศชื่อเสียงอำนาจวาสนา แล้วสิ่งที่จะประเล้าประโลมใจต่อไป จนถึงเวลาเข้าโลง นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า บุญ
บุญ ผู้ที่สนใจในบุญก็ว่าดี ว่าบุญนี้มันเป็นสิ่งประเล้าประโลมใจให้สบายใจ ให้พอใจ ให้นอนใจได้เท่าไร นี้มันก็เป็นปัจจัยที่ 5 คือสิ่งประเล้าประโลมใจ ชูใจ ส่งเสริมใจ จึงเรียกว่าเป็นปัจจัยส่วนจิตส่วนวิญญาณ ก็ได้แก่เวทนา
ฉะนั้นถ้าเราจะรู้จักมันดีก็หามาให้เพียงพอ มีสิ่งประเล้าประโลมใจอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีความสุข
แต่ว่าสิ่งประเล้าประโลมใจนี้มันอาจจะเป็นฝ่ายผิดก็มี คือเป็นกิเลส เป็นกามารมณ์ สร้างความยุ่งยาก ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งประเล้าประโลมใจ ปัจจัยทางกาย คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค นี้ก็เหมือนกันที่เป็นฝ่ายผิดมันก็มี คือกลายเป็นเหยื่อล่อให้หลงเป็นบ้าไปเลยก็มี มันก็เป็นฝ่ายผิด ฉะนั้นต้องเป็นฝ่ายถูกต้องและพอดี
สิ่งประเล้าประโลมใจนี้ก็เหมือนกัน ต้องเป็นฝ่ายถูกต้องและพอดี คือไม่เป็นของยั่วให้หลงจนเป็นอันตรายจนให้เกิดความทุกข์ ฉะนั้นจึงควรรู้ไว้ว่าเวทนาเวทนานี้ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหรือเครื่องประเล้าประโลมใจให้มีปกติสุขอยู่ได้
เราจะเห็นได้ว่าแม้เราจะมีอะไรที่ช่วยให้ไม่ตายแล้ว แต่ก็ยังมีการแสวงหาสิ่งนั้นสิ่งนี้มาเป็นเครื่องประเล้าประโลมใจอีกส่วนหนึ่งต่างหาก หานั่นหานี่มาทำนั่นทำนี่ขึ้น ซึ่งเป็นส่วนของจิตใจ นี่มันเป็นเรื่องของเวทนา เรียกว่าเครื่องปรุงแต่งจิต
เวทนา เรียกว่า จิตตสังขาร คือปรุงแต่งจิต เป็นปีติและสุข เป็นส่วนสำคัญ คือว่าฝ่ายดีฝ่ายถูกต้องฝ่ายสูงสุด เล็งไปถึงปีติและสุข สิ่งอื่นๆ มันก็มีมันต่ำ หรือมันไม่เป็นความสำคัญอะไรนัก แต่ว่าเรื่องปีติ ความพอใจ ความเป็นสุขนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อเราประสบความสำเร็จในอานาปานสติหมวดที่ (๑) คือกายานุปัสสนามาแล้ว กายสังขารสงบรำงับ มีจิตสงบรำงับ มีส่วนแห่งความเป็นสมาธิ ในส่วนแห่งความเป็นสมาธินั้นก็มีปีติและสุข ซึ่งเป็นองค์ของฌาน แม้ในขั้นต้นคือปฐมฌาน
ปฐมฌานมี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เห็นไหมมันมีปีติและสุขเกิดขึ้นมาตามสมควร แม้จะไม่เต็มที่แม้จะไม่ครบถ้วน แต่มันต้องมีถ้าจิตสงบรำงับถึงขนาดที่จะเป็นฌานแล้ว มันก็ต้องมีปีติและสุขเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยเสมอไป
ที่นี้เป็นการง่ายที่จะปฏิบัติต่อไปในหมวดที่ (๒) ก็เอาปีติและสุขที่เป็นผลของการปฏิบัติหมวดที่ (๑) มาเป็นอารมณ์ของการปฏิบัติในหมวดที่ (๒) มารู้จักว่าจำเป็นจะต้องรู้เรื่องนี้ จะต้องจัดการกับเรื่องนี้ จะต้องควบคุมเรื่องนี้ คือ เวทนานี้ให้ได้
ปัญหาของมนุษย์ มันมาจากเวทนา ปัญหาของมนุษย์มาจากความเป็นทาสของเวทนา คือเวทนามันดึง มันจูงให้คนไปทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง คิดดู จะเป็นบัณฑิตหรือเป็นอันธพาล ก็มีเวทนาตามแบบของตนจูงให้ไปทำอะไรตามที่ต้องการ
คนอันธพาลที่ไปขโมย ไปจี้ไปปล้น ไปหาเงินด้วยวิธีนั้น ก็เพื่อหาซื้อหาเวทนาที่เป็นสุขสำหรับเขา แม้ที่เป็นบัณฑิตเป็นสัตบุรุษ ทำบุญทำกุศลอะไรก็เพื่อสุขเวทนาที่สะอาดที่บริสุทธิ์ที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ฉะนั้น เวทนาจึงเป็นสิ่งที่มีอำนาจ ที่จูงบุคคลให้ประพฤติกระทำสิ่งใด ๆ ในโลกนี้
แต่ในที่นี้เราจะมามองดูว่า มันเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งความคิด ความนึก ศึกษากันอย่างละเอียดในข้อนี้ เราจะทำการควบคุมเวทนานี้ให้ได้ ไม่ให้ครอบงำจิตถึงขนาดที่เรียกว่า เกิดเรื่องยุ่งยากไปหมด
ถ้าเราควบคุมเวทนาได้ จิตก็จะสงบ เป็นสุข เป็นความพักผ่อนอย่างยิ่ง
ถ้าควบคุมไม่ได้ เวทนานั่นแหละมันกระตุ้น มันกระตุ้นผลักไสไป ใช้คำหยาบคายแต่เป็นความจริงที่สุด ก็คือ มันไสหัวไป ความต้องการเวทนามันไสหัวคน ให้ไปทำอะไรตามที่เวทนาต้องการ
หรือที่จะพูดให้ถูกก็ เวทนาที่เป็นเหยื่อของตัณหา นั่นแหละ ก็เรียกว่า ตัณหานั่นแหละมันผลักไสคนให้ไปตามอำนาจ ของมัน โดยใช้เวทนาเป็นเครื่องล่อเป็นเครื่องชักจูง
นี้เรารู้ เรื่องทั่ว ๆ ไปของเวทนา ว่ามันมีความจำเป็นที่จะต้องรู้จัก เป็นความสำคัญที่จะต้องรู้จัก
มีผู้บรรลุความเป็นพระอรหันต์ด้วยการรู้เรื่องเวทนาเรื่องเดียวนี้ก็มี ดูเหมือนจะเป็นพระสารีบุตรหรืออะไรนี้ รู้เรื่องเวทนา เหตุให้เกิดเวทนา โทษของเวทนา อะไรของเวทนา จนสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์ เพราะรู้เรื่องเวทนา อย่างนี้ก็มี
แต่มันก็ยังคงเกี่ยวกันอยู่ในส่วนลึกที่เราจะต้องศึกษา ตามวิธีของสติปัฏฐาน เพื่อกำจัดอำนาจหรืออิทธิพลของเวทนาเสียให้ได้ … “
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระธรรมโกศาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ
โฆษณา