ซึ่งทางสหราชอาณาจักรก็ได้มองหาพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับออตโตมัน โดยพันธมิตรคนสำคัญก็คือ Ibn Saud ที่ช่วยต่อสู้จนขับไล่คนของออตโตมันออกไปจากดินแดน และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อาณาจักรออตโตมันล่มสลายลงในที่สุด
1
หลังจากขับไล่ออตโตมันออกไปได้ ทาง Ibn Saud ก็ได้ทำการรวบรวมดินแดนโดยได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรด้วย จนสามารถก่อตั้งเป็นประเทศซาอุดิอาระเบีย และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี อับดุลอะซิส ในปี 1932
หลังจากที่ก่อตั้งเป็นประเทศในปี 1932 ถัดมาเพียงปีเดียว ทางซาอุดิอาระเบียก็ได้ทำข้อตกลงร่วมกับ the Standard Oil Company of California (SOCAL) บริษัทน้ำมันสัญชาติอเมริกา เพื่อทำการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันทันที แต่กว่าจะสำรวจค้นพบจนสำเร็จก็ต้องรอจนถึงปี 1938 ซึ่งการค้นพบน้ำมันนี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียไปอย่างมากเลยทีเดียว
โดยบริษัทสำคัญที่ถูกก่อตั้งขึ้นมา เพื่อดูแลการผลิตขุดเจาะและผลิตน้ำมันในซาอุดิอาระเบียในตอนแรกๆ ก็คือ Aramco หรือชื่อเต็ม the Arabia American Oil Company ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงแรก รัฐบาลของประเทศซาอุดิอาระเบียไม่ได้มีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทนี้โดยตรงเลย ก่อนที่ต่อมาทางรัฐถึงเริ่มเข้าซื้อหุ้นส่วนของบริษัท เริ่มตั้งแต่ 25% ในปี 1973 และเพิ่มเป็น 60% ในปีต่อมา และก็เข้าซื้อ 100% ในปี 1980 พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น The Saudi Arabian Oil Company หรือที่รู้จักกันในชื่อ Saudi Aramco
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา Saudi Aramco ก็เป็นผู้นำในการผลิตน้ำมันของโลกมาเสมอ พร้อมทั้งยังลงทุนทั้งกับโปรเจคของบริษัทเอง และก็เข้าไปถือหุ้นส่วนในบริษัทต่างประเทศด้วย โดยมีโครงการครั้งยิ่งใหญ่ ที่แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ใช้งานแล้วแต่ก็ยังเป็นมรดกแห่งชัยชนะสืบทอดให้เห็นต่อมาอย่าง “The Tapline”
The Tapline หรือ ชื่อเต็ม The Trans-Arabian Pipeline เป็นท่อส่งน้ำมันความยาวกว่า 1,648 กิโลเมตร ที่ทำการเชื่อมชายฝั่งตะวันออกของประเทศซาอุฯ เข้ากับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ลดต้นทุนและระยะเวลาการขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางเข้าสู่ยุโรปไปอย่างมาก