2 มี.ค. 2022 เวลา 13:12 • ธุรกิจ
หลายคนอาจจะเคยได้ยิน Personal Resilience ซึ่งสำคัญมากในการมีอิสรภาพทางการเงินอย่างยั่งยืน มันท้าทายมากที่จะสร้างรายได้ให้มากกว่ารายจ่าย จนมีเงินลงทุนที่งอกเงยเพิ่มพูน จนเกิดความมั่งคั่ง และรักษาความมั่งคั่งในท่ามกลางความไม่แน่นอนรอบตัว วันนี้มีข้อคิดดีๆ เพื่อสร้าง Personal Resilience ของเรากันค่ะ
Personal Resilience คืออะไร?
ลองจินตนาการว่า ชีวิตเราจะดีขึ้นแค่ไหน ถ้ารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็รอดและอดทน และเราอาจจะผ่านสถานการณ์นั้นๆ ออกมาได้และดีขึ้นด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีความเจ็บปวด ความยากลำบาก ความล้มเหลว เกิดขึ้นในระหว่างทางก็ตาม และนั่นคือความหมายของ Personal Resilience คือ ความยืดหยุ่นส่วนบุคคลที่มีผลต่อการรักษาสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง ในทุกสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ
Personal Resilence เป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือ Game Changer แทนที่เราจะจมอยู่กับความคิดด้วยความกลัวและความไม่แน่นอน
1
เราจะมีความสงบภายในและมั่นใจว่าเราจะอยู่รอด มั่นใจว่าจะสามารถลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้ และนั่นทำให้เราสามารถตัดสินใจทางการเงินอย่างมีสติและมีเหตุผลในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้น
ถึงตรงนี้ ถ้าพวกเราเห็นด้วยว่า Personal Resilience เป็นสิ่งจำเป็น อยากบอกว่ามันเป็นทักษะที่เราสามารถสร้างและพัฒนาได้เสมอในแต่ละวัน
1
จากงานวิจัยของ American Psychological Association พบว่า ความสามารถในการปรับตัวเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่กระเทือนจิตใจและความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน สุขภาพครอบครัวและความสัมพันธ์ ในกลุ่มคนที่มีความยืดหยุ่นที่ดี ไม่เพียงสามารถจัดการกับวิกฤตในขณะนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ยังสามารถฟื้นตัวและกลับมายืนได้เร็วยิ่งกว่าคนทั่วไป
1
และเราสามารถสร้างและพัฒนา Personal Resilence ด้วยเคล็ดลับ 10 ข้อ
1. การสร้างความสัมพันธ์ ความยืดหยุ่นส่วนบุคคลไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว ความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิด เพื่อน หรือคนอื่นๆ มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในชีวิต วันนี้ถามตัวเองว่า เรามีเครือข่ายที่จะอยู่เคียงข้างเรา ท่ามกลางความท้าทายในอนาคตหรือยัง เครือข่ายความสัมพันธ์นี้ไม่จำเป็นต้องมากมายเลย มันคือคุณภาพของความสัมพันธ์
1
2. อย่าตกหลุมพรางของความคิดชั่ววูบที่บอกว่าทุกสิ่งสมบูรณ์แบบหรือเลวร้าย ในความเป็นจริงมักมี Shades of Grey เสมอ คิดถึงอดีตให้น้อยลง และมองต่อในอนาคตที่ต้องการมากขึ้น มุ่งเน้นที่การแก้ปัญหาที่เกิดจากวิกฤติ แทนที่จะมองเห็นและคิดถึงแต่ตัววิกฤตนั้น และจมอยู่กับความคิดนั้นจนไปต่อไม่ได้
1
3. การยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต รู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้น คนอื่น ๆ ก็ได้เคยประสบมาก่อน และเราไม่ได้อยู่คนเดียว การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใดก็ตาม จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่จำเป็นอย่างมากเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายของเรา ท่ามกลางปัจจุบันที่เป็นเรื่องยาก และนั่นทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง
1
4. ความเพียรพยายามในการมุ่งไปที่อนาคตที่ดี เริ่มต้นจากเราอยากให้ชีวิตเป็นอย่างไร? เรามีเป้าหมายอะไรในการเริ่มก้าวไปสู่อนาคตนั้น? ยิ่งเรามีคำตอบที่ชัดเจนมากเท่าไหร่ในคำถามเหล่านี้ กำลังความมุ่งมั่น ความชัดเจนของเส้นทาง และโอกาสความสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้นไปด้วย
1
5. การกระทำที่เด็ดขาด โดยหลีกเลี่ยงการเดินออกจากสถานการณ์แบบรับสภาพ ไม่ทำอะไร และปราศจากเป้าหมายใดๆ แทนที่จะทำอย่างนั้น ให้เราใช้ทุกกำลังความสามารถที่มีเพื่อควบคุมทุกอย่างที่เรามีภายใต้สถานการณ์นั้น และทำอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน เพื่อลดขนาดของผลกระทบให้มากที่สุดอย่างมีสติ มีเหตุผลในการประเมินทางเลือกในการตัดสินใจ และเตรียมพร้อมด้วยเป้าหมายในการฟื้นตัวในอนาคต
1
6. การมองหาโอกาสในการค้นพบตนเอง บางครั้งเราชนะ และบางครั้งเราเรียนรู้ ความผิดหวังและความเจ็บปวด อาจเป็นโอกาสที่จะประเมินชีวิตของเราใหม่ว่า เราเคยไปที่ไหน และอยากไปที่ไหน ให้ถามตัวเองด้วยคำถามยาก ๆ และมองหาวิธีที่จะเติบโต
1
7. การหล่อเลี้ยงมุมมองเชิงบวกของตัวเอง ระวังคำพูดตัวเองที่จะทำให้ไขว้เขวทั้งตัวเองและคนรอบข้าง อย่ารับโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองทั้งที่มันไม่ควรเป็นอย่างนั้น ให้มุ่งเน้นใช้พลังงานทั้งหมดที่มีในการใช้จุดแข็งและความสามารถของตัวเอง เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากให้ได้
1
8. การมองในแง่ดีเมื่อมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น มันสามารถครอบคลุมทุกด้านของชีวิตเราได้ งานที่สำคัญที่สุดของเรา คือการใส่ใจในมุมมองของตัวเอง อย่าปล่อยให้เหตุการณ์ใดๆ ทำให้มุมมองของเรามีอคติ เพราะมันจะส่งผลกับมุมมองของคุณในด้านอื่นๆ ในชีวิต และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความยืดหยุ่นส่วนบุคคล
1
9. การรักษามุมมองต่ออนาคตอย่างมีความหวัง เพราะมันจะช่วยสร้างพลังให้สรรสร้างสิ่งต่างๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีคำกล่าวของนักปรัชญากรีกโบราณว่า ผู้คนจะไม่ถูกรบกวนจากสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ มากเท่ากับการถูกรบกวนด้วยมุมมองที่พวกเขาใช้เมื่อเผชิญกับสิ่งต่างๆ นั้น และคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านไปด้วยดี
1
10. การทำเท่าที่ทำได้ นอนหลับสบาย กินดี พยายามออกกำลังกาย และทำสิ่งที่เราชอบ ถ้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรสนุก ทำสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแย่น้อยลงในระยะสั้น กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยสร้างความสงบจากภายใน เพิ่มพูนความยืดหยุ่นส่วนบุคคลได้มากขึ้นในทุกวัน
1
Personal Resilience ไม่ได้หมายความว่าเราจะร้องไห้ไม่ได้ หรือต้องแสดงความแข็งแกร่ง หรือปิดบังความรู้สึกด้วยการสวมใบหน้าที่มีความสุข
1
Personal Resilence หมายความว่าเราให้ตัวเองมีอิสระ ในการที่อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ต่างๆ โดยรู้ว่าเรามีเครื่องมือในการก้าวผ่าน และฟื้นตัวกลับมาอย่างแข็งแรงได้เสมอ
1
และแน่นอนว่า ยิ่งเราสามารถพัฒนาทักษะ Personal Resilence ได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมี Financial Unbreakable ที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย และนั่นคือหนทางที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการรักษาสุขภาพทางการเงินอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความไม่แน่นอน และผลกระทบที่อาจจะรุนแรงต่อสุขภาพการเงินของเราในระยะสั้น
1
แล้วมาติดตามกันต่อในตอนถัดไป กับ Manage Your Money ค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา