4 มี.ค. 2022 เวลา 03:44 • หนังสือ
#18 CWG. 4️⃣ — บทที่ 5 (ตอนที่ 1) : จงเปิดตาให้กว้าง แล้วมองให้เห็นว่าอะไรบ้างกำลังเกิดขึ้นบนโลกของเธอ
ผู้แปล : คุณซิม จากเพจ Books for Life
ผู้เรียบเรียง : แอดมิน (ซึ่งผมอาจแก้ไข เพิ่มคำแปล และ เรียบเรียงประโยคใหม่บางส่วน)
Q: I don’t want to point to nothing but “what’s wrong,” though. I want to talk about how easy it can be for us to change things with one simple up-shift in our collective consciousness.
นีล : ผมไม่ได้อยากออกนอกประเด็นหรอกนะครับ แต่ว่ามันเกิด "ข้อผิดพลาด" ตรงไหนกันแน่ และผมอยากจะพูดว่ามันง่ายเพียงใดสำหรับพวกเราที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้ด้วยการยกระดับจิตสำนึกมวลรวมของพวกเราขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว
 
A: It will be easy. Remarkably easy.
พระเจ้า : มันเป็นเรื่องง่าย ง่ายจนน่าเหลือเชื่อ★
★ที่มนุษยชาติจะยกระดับจิตสำนึกมวลรวมของตนขึ้น — แอดมิน
Yet you can’t “change things” unless you know what it is you want to change. So some discussion of what’s not going well can be very useful, allowing humanity to know where it may wish to make some improvements.
แต่ทว่า เธอไม่สามารถ “เปลี่ยนอะไรได้” หรอก จนกว่าเธอจะรู้ว่าเธอต้องการเปลี่ยนอะไร ดังนั้นการพูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดีก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก​ มันจะทำให้มนุษยชาติรู้ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ควรต้องปรับปรุง
This is especially true with people who hold a “see no evil, hear no evil, speak no evil” mentality, and don’t normally look at these kinds of things.
เรื่องนี้คือความจริงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับคนที่ยึดถือในคติ "ไม่เห็น ไม่ฟัง ไม่พูด" ในสิ่งชั่วร้าย ก็เลยเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่ใส่ใจในเรื่องพวกนี้★
★เมื่อไม่ใส่ใจก็เลยไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนอะไร — และตรงนี้ทำให้ผมถึงกับต้องคิดทบทวน ว่าตัวผมเองเป็นหนึ่งในคนที่กำลังยึดถือในคติที่ว่านี้อยู่​รึป่าว?​ 🤔 คำตอบก็คือ​ เออ...ใช่ว่ะ​ เพราะผมแทบไม่สนใจในเรื่องที่เสพแล้วทำให้จิตตก หรือ​ รู้สึกลบเลย (เช่น​ ข่าวลบๆทั้งหลาย) มันก็เลยทำให้แทบจะปิดกั้นตัวเองออกจากสิ่งรอบตัว​ อยู่แต่ในโลกสวยของตัวเอง​ (อืม...ผมก็เป็นหนึ่งในพวกโลกสวยเกินไปสินะ)
มันก็เลยไม่ได้คิดจะช่ว​ยปรับปรุง​ แก้ไข​ หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราคิดว่ามันแย่ หรือ​ ไม่โอเค​เลย​ เอาแต่คิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเรา​ เราก็สุขสบายใจดีอยู่แล้ว จะไปหาเรื่องใส่ตัวทำไม ผลักภาระออกนอกตัว​ โยนให้คนอื่น คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนทำเองแหละ เราไม่เอาด้วยหรอก ไม่ทำ แล้วพอเห็นเรื่องที่ไม่ดี ก็ได้แต่บ่น บ่น​ บ่น แค่นั้น แล้วก็ไม่ได้คิดทำอะไร​เพื่อเปลี่ยนแปลงมันเลย
อืม....ผมคงต้องทบทวนตัวเอง 😤 แล้วก็คงต้องช่วย (คนที่ทำอยู่แล้ว) ทำอะไรบางอย่างเพิ่มเพื่อสาธารณะประโยชน์ให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่หลบอยู่ในโซนสบายของตัวเอง
— แอดมิน —
.
Q: Yes. But I can see apologists lining up right now to say, “Wait just a minute! We’ve made huge progress!” They will say we have to look at how far humanity has advanced. And they will be accurate in asserting that things are not as bad as they used to be.
นีล: ใช่เลยครับ และผมฟันธงได้เลยว่าพวกชอบแก้ต่างกำลังดาหน้ากันเข้ามาแล้วแย่งกันพูดว่า "เดี๋ยวก่อนนะ❗ นี่พวกเราก็พัฒนาไปได้เยอะแล้วนะ❗" พวกเขาจะพูดว่า ลองดูสิว่ามนุษยชาติพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว และยังจะยืนกรานด้วยความเที่ยงธรรมอีกด้วยว่า หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนก่อนแล้วนะ
1
A: So what would you say to them?
พระเจ้า : แล้วเธอจะบอกคนเหล่านั้นว่ายังไง❓
Q: I would say, “Yes, but is that it? Is that the most we can say about our global experience? “Things are not as bad as they used to be!” Can we not at least also say that our species has finally become civilized?
นีล : ก็คงเป็น "ก็ถูกของพวกคุณ แต่พวกคุณคิดได้แค่นั้นเองเหรอ❓ นั่นคือสิ่งที่เราสามารถพูดได้มากที่สุดแล้วเหรอเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไปทั่วทั้งโลกของเราตอนนี้❓ "หลายสิ่งหลายอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนก่อนแล้วเนี่ยนะ ❗" ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่พูดไปเลยล่ะว่า ในที่สุดเผ่าพันธุ์ของเราก็กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่พัฒนาแล้วจนได้
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา