16 มี.ค. 2022 เวลา 05:49 • หนังสือ
#26 CWG. 4️⃣ — บทที่ 7 (ตอนที่ 4) : พวกเธอแค่ไม่รู้ ว่าพวกเธอได้รับความช่วยเหลือมานานมากแล้ว
ผู้แปล : คุณซิม จากเพจ Books for Life
ผู้เรียบเรียง : แอดมิน (ซึ่งผมอาจแก้ไข เพิ่มคำแปล และ เรียบเรียงประโยคใหม่บางส่วน)
Q: Would we even be able to know the difference? For that matter, are we even able to know that there are Highly Evolved Beings choosing to help us? I mean, you're saying that here, but is it possible for those of us on Earth to know this in our experience without freaking out?
นีล : เราจะสามารถรับรู้ถึงความแตกต่างนั้นได้เหรอครับ❓★ ผมหมายถึง พระองค์กำลังจะบอกว่า เราจะสามารถรับรู้ได้แม้กระทั่งว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงเลือกที่จะให้ความช่วยเหลือเราอยู่หรือไม่❓ แต่มันจะเป็นไปได้เหรอครับที่พวกเราบนโลกเมื่อประสบกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้วจะไม่สติแตกไปเสียก่อน❓
★ใครที่มีพัฒนาการสูง กับ ใครที่มีวิวัฒนาการสูง
—แอดมิน—
And even more important, how are these Highly Evolved Beings helping us? By hovering around us—literally or metaphorically—and watching over us to make sure we don’t hurt ourselves too badly? By actually visiting us, and working with us in a physical way right here on Earth? By planting ideas in our heads from afar?
และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงเหล่านี้จะช่วยเหลือพวกเราอย่างไรครับ❓โดยการวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเรา —ความหมายตามตัวอักษรแบบเป๊ะๆ รวมทั้งในเชิงอุปมาอุปไมยด้วย— และเฝ้าดูพวกเราเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราจะไม่ทำร้ายตัวเองรุนแรงเกินไป❓ หรือจะเป็นการเดินทางมาเยี่ยมเยียนพวกเราที่โลก และมาทำงานร่วมกับพวกเราแบบตัวเป็นๆ❓ หรือโดยการฝังความคิดใส่หัวของพวกเราจากระยะไกล❓
A: Good. Keep going. These are not unimportant questions.
พระเจ้า : เยี่ยม ว่าต่อเลย นี่ไม่ใช่คำถามที่ไม่สำคัญหรอกนะ
.
Q: And the answers?
นีล : แล้วคำตอบคือ❓
A: The answer to all of the above is yes.
พระเจ้า : คำตอบของคำถามทั้งหมดข้างต้น คือ ถูกทุกข้อ
.
Q: Um . . . okaaay. I need you to elaborate. Would you care to expand on that?
นีล : เอ่อออ . . . โอเคครับ พระองค์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมครับ❓
A: We’ll have to take your questions one at a time.
พระเจ้า : เราจะเลือกคำถามมาตอบทีล่ะข้อ
.
Q: Whatever works.
นีล : เอาตามที่พระองค์เห็นสมควรเลยครับ
A: You will know the difference between other life forms who are helpful and may not be helpful by feeling the vibration.
พระเจ้า : เธอจะรู้ถึงความแตกต่างระหว่างรูปธรรมชีวิตอื่นที่ชอบให้ความช่วยเหลือ กับ ที่ไม่ค่อยชอบให้ความช่วยเหลือ ได้ด้วยการรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน
.
Q: Wow, what a “New Age” answer. Excuse me . . . I mean, I’m sorry . . . but I can already hear tons of people saying, “What a sappy New Age answer. Feel the vibe, man.”
นีล : ว้าว ช่างสมกับเป็นคำตอบแบบ "จิตวิญญาณนิยม – นิวเอจ" เสียนี่กระไร ขอประทานโทษนะครับ . . . ผมหมายถึง ขออภัยด้วยครับ . . .แต่ผมสามารถเดาได้เลยว่าจะคนจำนวนมากที่พูดแบบนี้ "ช่างสมกับเป็นคำตอบแบบจิตวิญญาณนิยมเสียจริง รับรู้ถึงความสั่นสะเทือนไปนะพวก เหอะ ไร้สาระ"
A: Have you ever walked into a room, a bar, or a restaurant and decided within seconds that you didn’t want to be there, turned right around and walked back out?
พระเจ้า : เธอเคยเดินเข้าไปในห้อง บาร์ หรือร้านอาหาร และตัดสินใจได้ภายในไม่กี่วินาทีว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นั่น แล้วหันหลังเดินกลับออกไปทันทีบ้างไหม❓
Have you ever put on a shirt or a blouse as you dressed to go somewhere, then took it off immediately, knowing that it was not the right one?
เธอเคยใส่เสื้อผู้ชาย หรือเสื้อผู้หญิง โดยตั้งใจจะออกไปไหนสักที่ แต่แล้วก็ถอดเสื้อตัวนั้นออกทันที เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ตัวที่ใช่บ้างรึเปล่า❓
Have you ever met a person and felt an inner awareness that you really are not supposed to have much to do with them? Or, looked at from the other side, have you ever experienced “love at first sight”?
เธอเคยพบใครบางคน และรับรู้จากภายในว่า คนๆนั้นไม่ใช่คนที่เธอควรใช้เวลาด้วยนานนักบ้างไหม❓หรือ ในทางตรงกันข้าม เธอเคยมีประสบการณ์ “รักแรกพบ” รึเปล่า❓
.
Q: Sure. Most of us have had at least one of those experiences.
นีล : แน่นอนครับ พวกเราส่วนใหญ่ต้องเคยมีประสบการณ์แบบนั้นกันทั้งนั้น อย่างน้อยก็หนึ่งข้อ
A: And did you think of them as “sappy, New Age” experiences—or just part of life?
พระเจ้า : แล้วเธอคิดว่า สิ่งเหล่านั้นคือประสบการณ์ที่ "ไร้สาระ, แบบจิตวิญญาณนิยม" —หรือมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตกันล่ะ❓
.
Q: Thanks, I got it. So if we can feel the vibration of restaurants, blouses, and people, we can feel the vibration of other life forms—and we would know immediately which ones feel good to us, and helpful, and which ones do not.
นีล : ขอบคุณครับ ผมเข้าใจแล้ว ดังนั้น หากเราสามารถรู้สึกหรือสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทือนของร้านอาหาร เสื้อสตรี และผู้คน เราก็สามารถรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนของสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นได้เช่นเดียวกัน —และเราจะรู้ได้ในทันทีว่าใครบ้างที่รู้สึกดีกับเราและเต็มใจให้การช่วยเหลือ และใครบ้างที่ไม่ใช่
A: Yes.
พระเจ้า : ถูกต้อง
If you're paying attention to what you’re sensing, you’ll be able to make sense of it all. People who don’t use the powerful senses that are built into all human beings—what you might call your common sense—may get all mixed up, and in frustration they may call what they are experiencing “nonsense.”
หากเธอให้ความใส่ใจกับสิ่งที่เธอสามารถรู้สึกหรือสัมผัสได้ เธอจะสามารถทำความเข้าใจสิ่งที่เธอรู้สึกหรือสัมผัสได้ทั้งหมด ผู้ที่ไม่ยอมใช้ประสาทสัมผัสอันทรงพลังที่มีอยู่แล้วในตัวของมนุษย์ทุกคน —ที่เธออาจเรียกมันได้ว่า สามัญสำนึก หรือ สำนึกปกติ (ประสาทสัมผัสทั้ง 6) ของเธอนั่นแหละ —อาจผสมปนเปและตีกันมั่วไปหมด และด้วยความขุ่นมัวของการรับรู้ พวกเขาอาจเรียกสิ่งที่พวกเขากำลังรู้สึกอยู่ว่า "เรื่องไร้สาระ"★
★ sense แปลว่า ประสาทสัมผัส , สำนึก, การรับรู้
common sense อาจแปลได้ว่า ประสาทสัมผัสปกติ, สำนึกปกติ, การรับรู้ปกติ หรือ สามัญสำนึก
nonsense อาจแปลได้ว่า เรื่องไร้สาระ หรือ ไม่มีสำนึก, สำนึกไม่ปกติ, การรับรู้ไม่ปกติ
—แอดมิน—
.
1
Q: That’s a very clever play on words, but—
นีล : นั่นเป็นการเล่นคำที่ฉลาดมากครับ แต่ว่า—
A: —it wasn’t a “play” on words, it was the use of words quite accurately, to get across an important message: it may not serve humanity to dismiss what’s being said here out of hand.
พระเจ้า: —นั่นไม่ใช่การ “เล่น” กับคำหรอกนะ แต่เป็นการใช้คำที่ค่อนข้างแม่นยำเลยต่างหาก เพื่อการส่งผ่านข้อความที่สำคัญ: จนมนุษยชาติไม่อาจเพิกเฉยต่อสิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ในที่นี้ได้★
★ ที่พระองค์ให้ใส่ใจกับการรู้สึกหรือการสัมผัสถึงความสั่นสะเทือน — แอดมิน
.
Q: Okay. But how would we even know there are such Highly Evolved Beings helping us?
นีล : โอเคครับ ว่าแต่ เราจะรู้ได้ยังไงว่ามีสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงกำลังให้ความช่วยเหลือเราอยู่❓
A: Don’t worry, you’ll know. You won’t be able to miss it. You might call it something else, but you won’t be able to miss it.
พระเจ้า : ไม่ต้องห่วง เธอจะรู้แน่ เธอจะไม่มีทางพลาด เธออาจเรียกมันด้วยชื่ออื่น แต่เธอจะไม่พลาดมันแน่ๆ
.
1
Q: But if we call it something else, we won’t know what it is.
นีล : แต่ถ้าเราเรียกมันด้วยชื่ออื่น เราก็จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรน่ะสิครับ
A: It’s not necessary to know what something is in order to benefit from it.
พระเจ้า : เธอสามารถได้รับประโยชน์จากบางสิ่ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามันคืออะไรเลยก็ได้
.
Q: Have we already received such help? You’ve said we “won’t be able to miss it.” That puts it in the future tense. Are we just now starting to get this help?
นีล : แล้วพวกเราได้รับความช่วยเหลือที่ว่าแล้วหรือยังครับ❓ พระองค์บอกว่า “เราจะไม่พลาดมันแน่ๆ” คำว่า 'จะ' เป็นเรื่องของอนาคตนี่ครับ เราได้รับความช่วยเหลือตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ❓
A: You are just now becoming more aware of it.
พระเจ้า : พวกเธอเริ่มตระหนักถึงความช่วยเหลือที่ว่าได้มากขึ้นแล้วนะในตอนนี้
.
Q: But it’s been there all along?
นีล : ซึ่งพวกเขาก็ช่วยเหลือพวกเรามาโดยตลอด❓
A: For what humans would call a very long time, yes.
พระเจ้า : ใช่ พูดในภาษามนุษย์ได้ว่า ช่วยมาเป็นเวลานานมากแล้ว
.
Q: So how helpful has it been, if it’s gotten us to this?
นีล : มันจะเรียกว่าความช่วยเหลือได้ยังไงครับ หากมันทำให้เราเป็นแบบนี้❓
A: Your species has actually come to this at exactly the perfect time and in the perfect way.
พระเจ้า : เผ่าพันธุ์ของเธอได้มาถึงจุดนี้ (จุดที่พวกเธอเป็นอยู่) ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ด้วยวิถีทางที่สมบูรณ์แบบที่สุด
You’ve reached this Choice Point, and gained the ability to see it as exactly that, very quickly, in cosmic terms.★
 
หากมองในมุมของจักรวาล★ พวกเธอเดินทางมาถึง "จุดแห่งทางเลือก" นี้ และได้มาซึ่งความสามารถที่จะมองเห็นตามความเป็นจริงถึงทางเลือกนั้น ได้อย่างรวดเร็ว
★ cosmic terms. มีความหมายประมาณว่า ข้อกำหนด คือ คำนิยาม ในระดับจักรวาลก็จะต่างไปจากโลก เช่น สวส. อาจรู้ว่า กาแล็คซี่ของเราหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ ใช้เวลา 26,000 ปี ดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะเรา หมุดรอบดวงอาทิตย์ที่อยู่ใจกลางกาแล็คซี่ของเรา 1 รอบ ต้องใช้เวลา 225 ล้านปี เป็นต้น ไหนจะจักรวาลหมุนรอบตัวเองครบหนึ่งรอบจะใช้เวลาเท่าไหร่? ซึ่ง ความหมายหรือคำศัพท์ที่ใช้กันในระดับจักรวาล หรือ ที่ สวส.ใช้สื่อสารกัน ก็คงมีหลายเรื่องมากๆที่พวกเราชาวโลก ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ เพราะพวกเรายังไม่ได้พัฒนาไปถึงระดับนั้น — แต่ตามที่พระองค์บอกไว้ในย่อหน้าข้างบน มนุษยชาติก็พัฒนาได้เร็วมากๆแล้ว หากมองในมุมของจักรวาล
—แอดมิน—
And the conditions and circumstances that you abnegate are, in fact, ideal, in that they are now sufficiently startling to make your future options unmistakably clear.
และเงื่อนไขกับสถานการณ์ที่พวกเธอไม่ยอมรับว่ามันกำลังเกิดขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว คือสภาพการณ์ในอุดมคติ ที่ในตอนนี้พวกมันน่าตระหนกตกใจมากพอที่จะปลุกพวกเธอให้ตื่นขึ้นมาเห็นความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเธอได้อย่างชัดเจน★★
★★เห็นชัดๆว่ากำลังเดินไปที่ปากเหว (วิจัยไวรัส จะทำสงครามนิวเคลียร์กัน ฯลฯ) ถ้าไม่เปลี่ยนทางหรือหยุด อนาคตก็เป็นที่แน่ใจได้ว่า ต้องฉิบ***แน่นอน
—แอดมิน—
So Highly Evolved Beings have worked very fast, actually, and very efficiently, measured by the clock of the universe.
อันที่จริง สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงได้ทำงานอย่างรวดเร็ว และอย่างมีประสิทธิภาพมากแล้วนะ หากวัดกันด้วยนาฬิกาของจักรวาล★
★ หากใช้ระบบของจักรวาล 3,000 ปี อาจจะเปรียบได้กับ 1 ชม. ในเวลาของจักรวาลก็ได้ครับ ลองคิดตามนะครับ มนุษย์เราใช้สเกลของเวลาที่นานสุดคือ 1 ปี ตามที่พวกเราอาจจะรู้กัน กาแล็คซี่หมุนรอบตัวเอง อาจใช้ เวลา 26,000 ปี แล้วถ้าในสเกลที่ใหญ่กว่านั่นล่ะ? หากเป็นครัสเตอร์ของกลุ่มดาว ที่กาแล็คซี่ทางช้างเผือกของเราอยู่ การหมุนรอบตัวเองของมันอาจใช้เวลา 300,000 ปี (เดานะครับอันนี้) แล้วถ้าใช้สเกลของจักรวาลล่ะ? จักรวาลหมุนรอบตัวเองอาจจะต้องใช้เวลา ล้านล้านล้านปี?
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เพื่อให้พวกเราคิดตามว่า สวส.อาจช่วยเรามาตลอด 10,000 ปี ตามมุมมองของพวกเราแล้วถือว่านานนนนนนโคตรรรรรรร แต่ถ้าใช้มุมมองของ สวส.กับ จักรวาลแล้ว 10,000 ปี ก็แค่พริบตาเดียว
—แอดมิน—
========== จบบทที่ 7 ==========

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา