20 มี.ค. 2022 เวลา 02:55 • ไลฟ์สไตล์
"เป็นคนดีแล้วเคร่งเครียด ใช้ไม่ได้ ยังไม่ดีจริง
ถ้าดีจริง จิตใจมันโปร่ง โล่ง เบา สบาย"
1
“ … กิเลสมีหลายระดับ
บางคนไม่ทำชั่ว ไม่เบียดเบียนใครแต่เซลฟ์จัด
เชื่อมั่นในความคิดความเห็นตัวเอง
บางทีมีลูกมีหลาน
มันกลายเป็นเบียดเบียนลูกหลานโดยไม่รู้ตัว
ไปกดขี่ไปบังคับลูกหลานจะต้องอย่างนี้ๆ
เมียจะต้องเป็นอย่างนี้ๆ
1
ถามว่าจิตใจชั่วร้ายไหม ไม่ได้ชั่วร้ายแต่เซลฟ์จัด
เซลฟ์จัด จริงๆ มันก็กิเลส แต่มันไม่ใช่กิเลสหยาบๆ
ฉะนั้นถ้าเราเป็นคนที่ใครค้านเราไม่ได้
เรายึดถือแต่ความคิดความเห็นของเรา
ไม่ได้รู้ว่าคนอื่นเขาก็มีจิตใจของเขา
จะเอาแต่ใจของเรา
ใครอยู่ใกล้เราเขาก็อึดอัด เขาก็ลำบาก
อันนี้เราก็สะสมวิบาก
4
เรารู้สึกไม่ได้ชั่วอะไรเลย
เราเจตนาดีแท้ๆ เลยกับลูกกับเมีย
แต่เราบังคับเขาเสียทุกเรื่องเลย
ทำให้เขาลำบากใจ แต่เราไม่รู้สึก
เราคิดว่านี้ดีกับเขา
สิ่งที่ดีกับเขา เขาไม่ได้รู้สึกว่าดีด้วย เขาทรมาน
เราก็ทำกรรมไปเรื่อยๆ
1
ฉะนั้นอย่างสมมติเราเป็นผู้นำครอบครัว
เราเซลฟ์จัดมากเลย
เราก็ทำกรรมแบบละเอียดๆ มองไม่ออก
ถามว่าอยู่ใกล้คนเซลฟ์จัดมีความสุขไหม
ไม่มีใครมีความสุขหรอก
ไม่มีใครมีความสุข
ฉะนั้นเราทำความทุกข์ให้เขาโดยเรารู้ไม่ทันเลย
เราคิดว่าทำดีให้เขาแล้ว
เราอุตส่าห์ทำดีให้แทบตาย
ทำไมเขาไม่ชอบ ทำไมเขาไม่พอใจ ไม่เข้าใจเสียอีก
ที่จริงก็คือไม่ได้คิดถึงใจเขา
เขาเป็นอย่างไร เขาต้องการอะไร
แค่นี้เรื่องเล็กๆ อย่างนี้ในบ้านเรา
ก็ยังทำกรรมไปโดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย
1
หรือบางคนชอบบังคับพ่อแม่
พ่อแม่จะอยู่อย่างนี้จะทำอย่างนี้ ว่าเสียตลอดเวลาเลย
บางทีไม่รู้ใครเป็นพ่อใครเป็นลูก
หลวงพ่อเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งท่านบ่น
ลูกชอบสอน ชอบสอนแกมากเลย
แกหัวเราะ แกไม่โมโหแกหัวเราะ บอกว่า
“เอ็งกับข้า ใครเป็นแม่เป็นลูกกันแน่”
ค่อยๆ สังเกตตัวเองไป กิเลสมันมีหลายระดับ
โลภ โกรธ หลง รุนแรงอะไรพวกนี้ มันยังดูง่าย
กิเลสของคนหวังดีมันก็มี ใครอยู่ใกล้เขาก็อึดอัด
คอยสังเกตไปเรื่อยๆ ตัวเอง
อย่างเรายึดความคิดความเห็นของเราเอง
ให้รู้ทันเข้าไปเลย
หรือบางคนก็มีมาตรฐานอย่างนี้ดี อย่างนี้ไม่ดี
มีชีวิตที่มีมาตรฐานสูง ใครลำบาก
ตัวเองลำบากแต่ไม่เห็นหรอก
ชีวิตที่เต็มไปด้วยมาตรฐาน
ก็กลายเป็นการทำตัวเองให้ลำบาก
ถามว่าจำเป็นไหม
บางทีก็ไม่ได้จำเป็นอะไร
ลำบากเกินกว่าความจำเป็น แต่ดูไม่ออก
บางคนรู้สึกว่า โอ๊ย ทำไมเราเหนื่อยเหลือเกิน
ทำไมคนในบ้านเรามันสบายเหลือเกินอย่างนี้
เพราะตัวเองมีมาตรฐานสูง
อะไรๆ ก็ต้องทำเองทุกอย่าง
ปล่อยไม่เป็น ปล่อยไม่ได้ ตัวเองก็ทุกข์ไปเอง
ค่อยๆ สังเกตตัวเอง ค่อยๆ ให้มันละเอียดๆ เข้าไป
จนรู้นิสัยตัวเอง รู้สันดานตัวเองที่แท้จริงเลย
แล้วใจมันจะค่อยๆ คลาย
กิเลสตัวไหนที่เรารู้ทันแล้ว มันจะมาหลอกเราไม่ได้
กิเลสตัวที่เราไม่รู้ทัน มันยังหลอกเราได้อยู่
กิเลสหยาบๆ โลภ โกรธ หลง มันก็พาเราไปอบาย
กิเลสที่ละเอียดขึ้นมาแล้วเราก็ทำความดีด้วย
มีกิเลสด้วยดีด้วย
ความชั่วที่ทำไม่รุนแรงมากก็ไปสุคติได้
กระทั่งไปพรหมโลกก็ยังไปได้
พระพรหมมีกิเลสอะไร
พระพรหมก็ยังมีราคะ
พอใจในฌานสมาบัติในความสงบนี้
เห็นไหม พอใจในความสงบมันเลวหรือ
ไม่มีใครรู้สึกว่ามันเลวหรอก
แต่ว่ามันเป็นภาระของจิต
ถ้าภาวนาแล้วมันถึงจะเห็น
อย่างติดใจในรูปฌาน อรูปฌาน มีมานะมาก
เรานี้ถูก อย่างนี้ดี อย่างนี้ถูก
คนอื่นไม่ดี คนอื่นไม่ถูกเท่าเรา ไม่รู้สึก
ถ้าไปเป็นพรหมก็ยังได้
1
เห็นไหมมีกิเลสอย่างนี้
มันไม่ได้รุนแรงแบบโลภ โกรธ หลงแรงๆ
แล้วไปละเมิดศีล 5
มันเป็นกิเลสละเอียดก็ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไปได้
แต่ก็ต้องคอยซักฟอกใจตัวเอง
ค่อยๆ สังเกต
กิเลสมันละเอียด
สติ สมาธิ ปัญญา มันก็ต้องละเอียดตามไปด้วย
มันถึงจะเป็นคู่ต่อสู้กันได้
ถ้ากิเลสมันละเอียด
แต่สติ สมาธิ ปัญญาเราหยาบ
เรามองไม่เห็น คิดว่าเราไม่มีกิเลส เรานี้ดี๊ดี
ดี๊ดีอะไรยังทุกข์อยู่
ถ้าดีจริงก็ต้องไม่ทุกข์
ค่อยๆ ดูตัวเองเรื่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ
แล้วต่อไปเราก็จะค่อยๆ ละความชั่วไป
ความชั่วทั้งหลายมันทำด้วยกิเลสทั้งนั้น
กิเลสหยาบก็ทำความชั่วอย่างหยาบ ไปอบาย
กิเลสละเอียดก็เป็นความชั่วชั้นละเอียด
ไม่ได้เบียดเบียนใคร
แต่เบียดเบียนจิตใจตัวเองให้มีภาระ
แล้วสร้างความดีก็ทำไปด้วย ก็ไปสุคติ
อยากนิพพาน ดูให้ละเอียด ค่อยสังเกตค่อยๆ ฝึกไป
ทีละเล็กทีละน้อยทุกวันๆ อย่ารีบ
ถ้าโลภมากอยากบรรลุมรรคผลเร็วๆ ล่ะก็
ชาตินี้ไม่บรรลุหรอก
มรรคผลไม่ได้ได้มาด้วยความโลภ
แต่ได้มาด้วยการเจริญศีล สมาธิ ปัญญาให้แก่รอบไป
เป็นระดับๆ ไป
ฝึกตัวเองนะ ฝึกตัวเองไป
ดูสิอันไหนที่เรายึดถือในความเห็นของเรามาก
สมมติอย่างนี้
มันกิเลสละเอียดแล้วเรื่องยึดถือความคิดความเห็นตัวเอง
ไม่ฟังเหตุผลใครทั้งสิ้น
ก็ฟังสังเกตตัวเองนี่มันยึดใน … มันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
เห็นความจริงก็ไม่งมงาย
ไม่เชื่อตามที่ตัวเองอยากเชื่อ
ค่อยๆ ลดไป รู้ทันใจตัวเอง สะสมไป
ชีวิตมันจะได้สบายขึ้น
ถ้าชีวิตยังเคร่งเครียดอยู่ยังใช้ไม่ได้หรอก
เป็นคนดีแล้วเคร่งเครียดใช้ไม่ได้ ยังไม่ดีจริง
ถ้าดีจริงจิตใจมันโปร่ง โล่งเบา สบาย
เมื่อวันพฤหัสหลวงพ่อไปเยี่ยมพระอุปัชฌาย์ ไปเยี่ยมครูบาอาจารย์ที่โรงพยาบาล เห็นครูบาอาจารย์บางองค์ท่านแก่มาก ท่านนอนไม่มีเรี่ยวมีแรง
โอ๊ย จิตใจท่านมีความสุข
ร่างกายก็ไม่ใช่ภาระของท่าน
เป็นภาระของลูกศิษย์ ของหมอ ของพยาบาล
จิตท่านก็ไม่เป็นภาระของท่าน
จิตใจท่านก็มีความสุขของท่าน
ของเราร่างกายก็เป็นภาระ
จิตใจเราก็เป็นภาระ
ครอบครัว ลูก เมีย สามี ก็เป็นภาระ
ทรัพย์สมบัติก็เป็นภาระ
อะไรๆ มันเต็มไปด้วยภาระ เครื่องรุงรังเต็มไปหมดเลย
ไม่ได้มีความสุข
ถ้าฉลาดก็ค่อยๆ วาง
อะไรไม่จำเป็นก็วางๆ ไป
วางได้แล้วก็ใจมันสบาย มีความสุข
ยิ่งฝึกก็ยิ่งมีความสุข
เป็นความสุขที่สงบ มีความสันโดษ
มีความสงบอยู่ในตัวเอง. …”
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
12 มีนาคม 2565
อ่านธรรมบรรยายฉบับเต็มที่ได้ :
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา