6 เม.ย. 2022 เวลา 05:00 • ไลฟ์สไตล์
7 วิธีชงกาแฟยอดนิยม
หากพูดถึงการชงกาแฟแล้ว คอกาแฟหลายๆ คนต่างก็มีอุปกรณ์หรือรูปแบบการชงกาแฟที่ถนัดและทำอยู่บ่อยๆ ใช่ไหม?
วันนี้ Bluekoff ขอแนะนำ 7 วิธีการชงกาแฟยอดนิยม ที่มาพร้อมกับ Recipe ในการชงแบบง่ายๆ แต่ให้รสชาติแบบฟินๆ เตรียมกาแฟให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย
Espresso
เป็นการสกัดกาแฟที่มีหลายตัวแปรที่ต้องทำการควบคุมพร้อมทั้งปรับสมดุลตัวแปรต่างๆ ในคราวเดียวกันเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด โดยหนึ่งในตัวแปรที่สำคัญและง่ายต่อการควบคุมที่สุดก็คือ อัตราส่วนของการสกัดกาแฟ (Brewing Ratio) หมายถึงน้ำหนักผงกาแฟบดต่อน้ำหนักของช็อตเอสเพรสโซที่สกัดออกมา
การกำหนดปริมาณของผงกาแฟบดหรือน้ำหนักของช็อตเอสเพรสโซที่สกัดออกมาต่อ 1 ช็อต ทำให้เราสามารถปรับแต่งรสชาติของกาแฟ รวมทั้งเนื้อสัมผัสของช็อตเอสเพรสโซได้
Ratio: 1:2
เวลาการสกัด: 20-30 วินาที
ขนาดผงกาแฟ: ละเอียด / บด Espresso
อุณหภูมิสกัด: 93-95°C
Drip / Pour over
เป็นการสกัดกาแฟโดยใช้น้ำร้อนผ่านผงกาแฟคั่วบดและตัวตัวกรอง เพื่อให้น้ำที่ไหลผ่านสกัดเอาสารที่ให้กลิ่นและรสชาติต่างๆ ออกมาจากกาแฟ การสกัดกาแฟด้วยรูปแบบนี้สามารถดึงเอาความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของกาแฟตัวนั้นออกมาได้อย่างดี แนะนำให้นักชงกาแฟมือใหม่ฝึกทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟและทดลองชงด้วยวิธีที่หลากหลาย เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติตามที่ต้องการ และทำให้การชงกาแฟในแต่ละวันสนุกไปอีกแบบ
Ratio: 1:15
เวลาการสกัด: 2-2.30 นาที
ขนาดผงกาแฟ: ปานกลาง / บด Drip
อุณหภูมิสกัด: 88-95°C
Drip Bag Coffee
เป็นรูปแบบการชงกาแฟที่ง่าย และยังสามารถพกพาความอร่อยของกาแฟรสชาติโปรดไปได้ทุกที่ มีขั้นตอนการชงที่ง่ายดาย อุปกรณ์ในการชงน้อย เพียงมีกาแฟดริปแบ็กรสชาติที่ชอบ แก้วน้ำ และน้ำร้อน เท่านี้ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟหอมกรุ่นในทุกช่วงเวลาของคุณแล้ว
Ratio: 1:12-1:15
เวลาการสกัด: 1-3 นาที
ขนาดผงกาแฟ: หยาบ
อุณหภูมิสกัด: 88-95°C
Moka Pot (3 cups)
รูปแบบการชงกาแฟที่มีหลักในการสกัดกาแฟที่คล้ายคลึงกับเครื่องชงเอสเพรสโซ เพราะเป็นการชงแบบใช้แรงดันจากไอน้ำและน้ำร้อนที่ถูกต้มจนเดือด เกิดเป็นแรงดันบาร์ประมาณ 1.5 บาร์ นำพาไอน้ำและน้ำร้อนไหลผ่านผงกาแฟจนเกิดการสกัดตัวออกมาเป็นน้ำกาแฟที่ค่อนข้างเข้มข้นมากกว่าการสกัดด้วยอุปกรณ์ฟิลเตอร์อื่นๆ เมื่อได้น้ำกาแฟที่เข้มข้นแล้ว ก็สามารถนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
Ratio: 1:8-1:9
เวลาการสกัด: 1-2 นาที
ขนาดผงกาแฟ: หยาบกว่า Espresso
อุณหภูมิสกัด: 100°C
French Press
เป็นการสกัดที่เน้นวิธีการแบบแช่สกัด เพื่อให้น้ำร้อนเข้าไปสกัดสารที่ให้กลิ่นและรสชาติในกาแฟออกมา ทำให้ได้ผลลัพธ์ของรสชาติกาแฟค่อนข้างสม่ำเสมอ มีความชัดเจนและจัดจ้าน รวมถึงมีบอดี้หรือเนื้อสัมผัสค่อนข้างมาก ในขั้นตอนของการกรองนั้น จะทำผ่านตัวกรองที่เป็นตะแกรงทำจากสเตนเลสสตีล
การสกัดกาแฟด้วยอุปกรณ์นี้สามารถทำได้ง่าย มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใช้อุปกรณ์น้อย และทำความสะอาดง่าย ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ชงกาแฟที่บ้าน
Ratio: 1:10
เวลาการสกัด: 3-5 นาที
ขนาดผงกาแฟ: หยาบ
อุณหภูมิสกัด: 85-95°C
Aeropress
อุปกรณ์ชงกาแฟที่ผสมผสานระหว่างการแช่สกัด และมีการใช้แรงดันกดผ่านกระดาษกรอง ถือเป็นการชงที่มีเทคนิคการชงหลากหลาย และมีความยืดหยุ่นในการชง ด้วยการชงที่ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ทำให้การชงมีเสน่ห์น่าค้นหา สามารถคิดค้นสร้างสรรค์วิธีการสกัด เทคนิคต่างๆ ออกมาเองได้ เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ดีที่สุด
Ratio: 1:8
เวลาการสกัด: 1-2 นาที
ขนาดผงกาแฟ: ปานกลาง / บด Drip
อุณหภูมิสกัด: 85-95°C
Cold Brew
เป็นการสกัดกาแฟโดยใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง ทำให้การสกัดสารต่างๆ ในกาแฟออกมาได้น้อยกว่าการใช้น้ำร้อน ดังนั้นรสชาติกาแฟจะมีความนุ่มนวล และมีความเปรี้ยวน้อยกว่า แต่ต้องใช้เวลาในการสกัดที่นานมากกว่าการใช้น้ำร้อนในการสกัดกาแฟ
สำหรับวิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก สามารถทำดื่มเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน และหากปรับอัตราส่วนให้กาแฟมีความเข้มข้นขึ้น ก็สามารถนำไปผสมนม หรือน้ำผลไม้ เพื่อให้กลายเป็นเมนูพิเศษต่างๆ ได้อีกด้วย
Ratio: 1:10-1:13
เวลาการสกัด: 6-10 ชม.
ขนาดผงกาแฟ: หยาบ
อุณหภูมิสกัด: อุณหภูมิห้อง / น้ำเย็น
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 วิธีชงกาแฟยอดนิยมที่เหล่านักชงกาแฟสามารถนำไปชง หรือปรับใช้กับการชงกาแฟของทุกๆ คนได้ สำหรับการชงกาแฟนั้นไม่มีผิดไม่มีถูก เพียงสนุกและเพลิดเพลินกับรสชาติกาแฟในแบบที่ชอบก็เพียงพอแล้ว ไปชงกาแฟกัน!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
ช่องทางการสั่งซื้อสินค้า
แนะนำวิธีการชงกาแฟ
#Bluekoff #BluekoffCoffee #Coffee #Specialtycoffee #coffeelovers #coffeetime
โฆษณา