29 มี.ค. 2022 เวลา 02:00 • หนังสือ
มืดบอดเพราะอ่านข่าว STOP READING THE NEWS
หนังสือออกใหม่ พึ่งแปลไทยมาหมาด ๆ แต่งโดย Rolf Dobelli เจ้าของงานเขียนหนังสือชื่อดัง The Art of Thinking Clearly ที่ขายดีเทน้ำเทท่า เนื่องจากได้ติดตามเล่มก่อนหน้าที่แต่งโดย Rolf Dobelli จึงตัดสินใจซื้อเล่ม STOP READING THE NEWS มาอ่านโดยไม่รีรอ
หนังสือ ชื่อไทย "มืดบอดเพราะอ่านข่าว" เป็นข้อสรุปที่ได้จากหนังสือเรื่องนี้เลยทีเดียว ต้องบอกว่าผู้แต่งตั้งธง บอกตัวเองว่า ห้ามอ่านข่าวเลยนะ และสาธยายถึงเหตุผลที่มาที่ไป ของเหตุที่ข่าวนั้นไม่จำเป็นและไม่มีความสำคัญสำหรับเรา
ปัจจุบันข้อมูลข่าวสารนั้น มีจำนวนมหาศาล ถ่าโถมเข้ามาหาเราตลอดเวลา จะว่าไป เราเองเป็นคนเข้าไปหาด้วยซะส่วนใหญ่ ผ่านสิ่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสื่อเหล่านั้นสร้างอัลกอริธึมขึ้นมา และจัดการข้อมูลข่าวสารให้เข้ากับตัวเรามากที่สุด จะบอกว่า platform เหล่านั้นอาจจะรู้จักตัวเราดีมากกว่าตัวเรา หรือคนสนิทเราซะอีก
เมื่อข้อมูลมากมาขถ่าโถมเข้ามา และเราเปิดรับมัน ผู้แต่งเองบรรยายถึงผลเสียของการรับข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลส่วนใหญ่นั้น นับว่า เป็นขยะมากกว่าสิ่งที่มีคุณค่าเสียอีก (อ้างอิงคำพูดของ Sturgeon หรือ Sturgeon's law ที่ว่า ข่าวที่ถูกสร้างสรรค์ออกมา กว่า 90% เป็นขยะดี ๆ นี่เอง) ดังนั้นเป็นไปได้ว่า การรับข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เราตัดสินใจและประเมินความเสี่ยงต่าง ๆ ผิดพลาด ข้อมูลบางอย่างส่งผลกระทบต่อจิตใจ สร้างความเครียด ทำให้ร่างกายทรุดโทรม ทั้ง ๆ ที่เราเองไม่ได้ไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับข่าวนั้นโดยตรง เช่น การประโคมข่าวเครื่องบินตก และไปสัมภาษณ์คนที่รอด ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินนั้น จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ควรนำเสนอน่าจะเป็นสาเหตุ ที่มาที่ไปของเครื่องบินตกซะมากกว่า
เมื่อเราเสพข่าวต่าง ๆ มากจนเกินไป วันนึง ๆ เราอาจใช้เวลากับการอ่านฟีด Facebook Twitter ราว ๆ 3 ชั่วโมง ถ้าทำทุกวัน เราเสียเวลากับการอ่านข่าวเหล่านี้ ซึ่งกว่า 90% นั้น ขยะล้วน ๆ ปี ๆ หนึ่งเราเสียเวลาไปเป็นเดือน ๆ เชียวเลยนะครับ เสียเวลามากจริง ๆ
ข่าวยังมีผลเสีย อีกมากมาย ทั้งทำให้เรารู้สึกต่ำต้อย เพราะข่าวมักนำเสนอสิ่งสุดโต่ง ทำให้เกิดอคติต่าง ๆ มากมาย ทำลายความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เราเฉีอยชากับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และอีกมากมาย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้แต่ง จึงเสนอความเห็นว่า เราควรเลิกอ่านข่าว กันได้แล้ว แทนที่จะอ่านข่าวที่มีแต่ข่าวขยะ เราเลือกอ่านหนังสือหรือบทความที่มีการเขียนและวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีเลยดีกว่า หรือเลือกดูสารคดีที่เจาะประเด็นไปเลย นอกจากนี้เราไม่ต้องกลัวตกยุคตกเทรนด์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วเราก็จะทราบข่าวนั้นเอง ผู้แต่งยังบอกว่าตัวเองนั้นเลิกอ่านข่าวทั้งสิ่งพิมพ์และออนไลน์มานานร่วม 10 ปี แต่หันไปอ่านหนังสือ บทความ สารคดีต่าง ๆ รวมทั้งพูดคุยกับบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญบ่อย ๆ เขาเองยังไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร แถมยังได้เวลาคืนมา ไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์กว่าเสียอีก
ดังนั้นแล้ว ขึ้นกับตัวเองแล้วครับว่า จะเลือกอ่านข่าวต่อไป หรือจะเลิก ผู้เขียนเพียงแต่นำเสนอความคิดเห็น ซึ่งต้องบอกว่า การเขียนแบบนี้ เข้าได้กับการมี confirmation bias หรือ อคติยืนยันตนเอง คือ พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าข่าวไม่ดีอย่างงั้น ไม่ดีอย่างงี้ จึงเขียนบรรยายมาได้เป็นหลายสิบเหตุผล (ไม่ใช่ว่าไม่ถูกต้องนะครับ บางส่วนก็มีส่วนถูกเช่นกัน เราสามารถพิจารณาดูเองได้)
สำหรับตัวผมเอง คงจะเลือกทางสายกลาง คงจะอ่านข่าวต่อไป เท่าที่จำเป็น โดยเลือกข่าวที่เราคิดว่าเราควรรู้ (พยายามหา 10% ที่ไม่ใช่ข่าวขยะครับ) อาจจะเลิกไม่ได้ทั้งหมด เพราะบริบทบางอย่าง ข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ยังคงจำเป็นบ้างในการคิด การตัดสินใจ หรือการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา