Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A WAY OF LIFE : ทางผ่าน
•
ติดตาม
17 เม.ย. 2022 เวลา 05:21 • ปรัชญา
“ปรับทุกข์กัน เพื่อออ … !? ”
“ … รองเท้า หน้าที่ของมัน คือการรองไม่ให้เท้าเจ็บ เวลาเราใช้เดิน เรื่องมันจบแค่นั้น
มันจะผุพัง มันจะเปื่อย มันจะหาย มันจะอะไร
อันนั้นก็ไม่ได้มีใครที่อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น
แล้วอยาก ไม่อยาก
มันก็ทุกข์ในใจคนนั้นเอง
เมื่อทุกคนเข้าใจสภาพความจริงของโลก ของธรรมชาติ ไม่ใช่ไม่รักษาของ คนเหล่านี้จะรักษาของอย่างดี แต่เมื่อมันมีอันเป็นไป จะไปทางไหนก็ตาม จะอยู่อย่างเข้าใจธรรมชาติตามความเป็นจริง
ฉะนั้นก็ไม่มีใครทุกข์กับมันอีก
ไม่งั้นก็บ่น พร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ อะไรอย่างนี้
รองเท้านั่นดีจะตาย ฉันชอบจริง ๆ …
ไม่รู้เพื่ออะไร …
ไม่มีอะไรเลย
ทุกข์ฟรีกันหมด อุตลุดหมด คนในโลกนี้
ความเป็นตัวตนก็อยากจะพูด อยากจะบ่น รู้สึกบ่นแล้วมันรู้สึกดี
หาพวกมาเป็นพวกเราให้ได้ แล้วก็รู้สึกดี มีคนมาอวย มีคนมาเห็นใจ พวกนี้ขาดหมด ไปดูตามป้าย พวกที่ต้องการกำลังใจจากคนอื่น พวกนี้จิตใจขาดพร่องหมด
ต้องให้คนอื่นมาเติม แล้วก็อุ่นใจ พวกนี้จิตใจไม่เต็ม
คนที่เค้าจิตใจเต็ม ไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องปรับทุกข์กับใคร
ผมบอกให้เลยนะ คนที่จิตใจเต็ม ไม่เคยปรับทุกข์กับใครทั้งสิ้น เพราะไม่เห็นประโยชน์ ที่จะเอาเรื่องในใจกวนขึ้นมาใหม่ ข้อที่ ๑ กวนขึ้นมาใหม่
ถ้าเค้าไม่สามารถจัดการกับมันได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เค้าจะไม่กวนมันขึ้นมาอีก เพราะการเล่าให้ใครฟังคือการกวนเรื่องนั้นซ้ำขึ้นมาอีกทีหนึ่ง เพื่อจะได้เล่าให้เค้าฟัง คนฟังของเราจะถูกกวนเรื่องนั้นขึ้นมาด้วย
แล้วก็ต้องมาเข้าข้างเรา เพื่อให้รู้สึก มิตรภาพ
จะต้องเข้าข้างเรา แล้วก็ปลอบใจเรา แล้วก็เห็นอกเห็นใจเรา ตกลงคน ๆ เดียวกวนมันสองจิตเลย
คนที่เต็มนะ ไม่เคยปรับทุกข์ใคร ไม่รู้จะปรับไปทำไม
เพราะคำพูดของเราจะทำให้คนเป็นห่วง คำพูดของเราจะทำให้คนรู้สึก รู้สึกอาจจะเป็นอกุศลขึ้นมาด้วย เพราะฉะนั้นไม่พูดดีกว่า
จะเห็นเลยว่าการไม่พูด ผมไม่ได้บอกว่าการไม่พูดดีที่สุด แต่การไม่พูดในสถานการณ์ต่าง ๆ คน ๆ นั้นจะรู้เอง
หรือบางสถานการณ์ต้องพูด อย่างนี้ คน ๆ นั้นก็จะรู้เอง ต้องพูด บางเรื่องต้องมีเรื่อง ต้องพูดให้มีเรื่อง ไม่งั้นจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
เพราะฉะนั้นการทำอะไร ไม่ได้ทำตามอารมณ์ แล้วก็ไม่ใช่ว่านั่งคิดด้วยเหตุผล เปล่าเลย ไม่มีอะไรมานั่งคิดด้วยเหตุผลเลย ทุกอย่างจะออกมาโดยอัตโนมัติทั้งหมด
ไม่ได้ใช้สภาพการคิดวิเคราะห์ คือกระทบปั๊บ ออกมาได้เลย เป็นการออกมาได้ทันที ไม่ต้องคิดวิเคราะห์
เพราะฉะนั้นในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะฉุกเฉินแค่ไหน จิตที่ได้รับการฝึกแล้ว จะตอบสนองออกมาในมุมของมัคคามัคคญานทัศนะทั้งสิ้น
พอเราสามารถลด ละ เลิก แล้วก็ตัวตนลดลง การตอบสนองทั้งหมดจะไม่ตอบสนองบนตัวตน จะตอบสนองบนความจริง โดยไม่ต้องจับหางเสือก็ได้ เพราะรถมันไปตามนั้นแล้ว
รถวันนี้มันวิ่งเป๋ออกไปนอกทาง ทำไมต้องใช้สติคอยกำกับ ก็เพราะว่าตัวตนนี่แหละ เป็นตัวที่จะดึงให้รถนี่ตกข้างทาง
ตัวตนของเรา ความรู้สึกของเรา ประสบการณ์ของเรานี่แหละตัวแสบ ที่คอยดึงให้ทุกอย่างตกลงไปข้างทาง เพื่อจะตอบสนองแค่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นเอง
ไม่ชอบใคร ก็ไม่อยากจะให้ใคร
ชอบใคร ก็อยากจะให้ใคร
เพราะฉะนั้นมันดึงตกข้างทางหมด
แต่ผู้ที่ … พระพุทธเจ้าตร้สว่า ผู้ที่เห็นธรรม จะไม่มีอคติ
เพราะฉะนั้นไม่มีใครที่เราชอบ หรือ ไม่ชอบ
ก็เห็นทุกคนที่ …
คือถ้ามีคนทำ แล้วบอกว่าเราไม่ชอบใจเนี่ย
คน ๆ หนึ่งทำอย่างนั้น แต่ไปทำต่อหน้าอริยบุคคล
เค้าจะรู้สึกว่า ก็คน ๆ นั้นก็เป็นอย่างนั้นน่ะ เค้าเป็นอย่างนั้นน่ะ
ในเมื่อเค้ามีอย่างนั้น อย่างนี้อยู่ข้างในใจ เค้าก็ต้องแสดงพฤติกรรมออกมาอย่างนั้น ไม่ได้เห็นผิดแผกแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
คนดี ก็มีของดี ๆ อยู่ในประสบการณ์ พฤติกรรมเค้าก็เป็นอย่างนั้น
เข้าใจความจริง ไม่มีบวก ไม่มีลบ
สมมติว่าท่านจะให้ธรรมะ ท่านก็ให้เท่ากันหมด แต่ส่วนใครจะขยับได้ ขยับไม่ได้ หรือแม้แต่คนดีกันหมดเลย ใครขยับ ใครไม่ขยับ ใครจมอยู่กับที่ ท่านก็เห็นละ มันมีของเก่ามาด้วย
บางคนก็ช่วยได้ บางคนก็ช่วยไม่ได้
พอช่วยไม่ได้จนถึงที่สุด แต่ก็ยังช่วย
แต่ก็รู้แล้วว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
จิตไม่เปิดเลย อะไรอย่างนี้
ในเมื่อจิตไม่เปิดเลย ไม่ขยับเลย แต่เค้าก็เป็นคนดีของเค้า ก็ดันช่วยต่อไป
เพราะบนเส้นทางนี้ มันไม่ใช่ว่าต้องบรรลุธรรม ชาตินี้ ท่านอาจจะมาสั่งสมบารมี ท่านอาจจะมาเพื่อเป็นชาติแรกที่เห็นธรรมะ ใครจะไปรู้ล่ะ
เพราะฉะนั้นบนเส้นทางที่เรากำลังเดินทางกันอยู่นะ … แล้วคนนอกศาสนาล่ะ ? คนนอกศาสนาเค้าก็เดินทางของเค้าไป แต่ทางของเค้ามันเป็นวงกลม
ผมไม่ได้มาเชียร์ศาสนาพุทธ แต่วันไหนที่ท่านเห็นความจริง ท่านจะรู้เลยว่า ทุกศาสนามีนิพพานหมด แต่มีศาสนาเดียวที่มีทางเดินไปถึง คือ มรรค นอกนั้นไม่มีเลย
นอกนั้น ถึง แต่ไม่สามารถพาศาสนิกไปได้
มี เหมือนกันหมดเลย แต่ไม่มีทางเดินไป
เพราะทางเดินพระพุทธเจ้าบอกแล้ว มีแต่มรรค
ท่านจึงบอกเลยว่า อริยสาวกของเราจะไม่มีทางไปเคารพศาสนาอื่นเลย เพราะเค้าเห็นแล้ว ว่ามรรคมีอยู่ที่เดียว มรรคมีอยู่ที่เดียว
พระพุทธเจ้าก็บำเพ็ญทุกรกิริยา
อินเดียสมัยนั้นก็มีทุกรกิริยา ทำไมถึงไม่หลุดพ้น
เพราะไม่มีมรรค
เพราะไม่มีมรรค ไม่ใช่ตรัสรู้มรรคแบบที่เราเข้าใจ
เพราะไม่มีมรรคเป็นทางยกระดับจิต
มนุษย์ทั้งหลายทำอะไรก็จะทำอย่างนั้น ไม่ใช่ทำอะไร แต่ไปเห็นอีกแบบหนึ่ง
ฉะนั้นศาสนาพุทธ ในอริยสัจ อย่างนึงเกิดขึ้น ถ้าจะแก้อย่างนึง ไม่ได้ไปแก้ที่อย่างนี้ แต่ไปแก้ที่อย่างอื่น ไปแก้ที่เหตุ แล้วผลจะเปลี่ยน …”
.
บางตอนจาก “ออกจาก Safe Zone”
ธรรมบรรยาย โดย อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๕
ณ สวนยินดีเกาะพะลวย จ.สุราษฏร์ธานี
https://youtu.be/kexJ4k0R1uY
2
youtube.com
25650319 ออกจากSafe Zone
ตอน ออกจากSafe Zoneวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2565โดยอาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิมณ สวนยินดีเกาะพะลวยจ.สุราษฎร์ธานี
เยี่ยมชม
Photo by : Unsplash
6 บันทึก
11
4
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ข้อคิด มุมมอง เพื่อปัญญา
6
11
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย