18 เม.ย. 2022 เวลา 01:09 • ปรัชญา
“คนมีกิเลสตกนรกทั้งหมดทุกคน จริงหรือ ? 
(บุคคลที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก)”
เช้าวันหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรครองจีวร ถือบาตร เข้าไปบิณฑบาตในนครสาวัตถี
ท่านเห็นว่าเวลายังเช้าเกินไปสำหรับการบิณฑบาต จึงแวะเข้าไปในอารามของพวกปริพาชกลัทธิอื่นได้ทักทายปราศรัยกันตามธรรมเนียมแล้ว นั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
ก็ในเวลานั้นแล พวกปริพาชกทั้งหลายนั้น กำลังยกข้อความขึ้นกล่าวโต้เถียงกันอยู่ ถึงเรื่องบุคคลใด ใครก็ตาม ที่ยังมีเชื้อเหลือ ถ้าตายแล้ว ย่อมไม่พ้นเสียจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต ไปได้เลยสักคนเดียว ดังนี้
ท่านพระสารีบุตร ไม่แสดงว่าเห็นด้วย และไม่คัดค้านข้อความของปริพาชกเหล่านั้น ลุกจากที่นั่งไป โดยคิดว่าทูลถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วจักได้ทราบความข้อนี้
ครั้นกลับจากบิณฑบาต ภายหลังอาหารแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนเช้าทุกประการ
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า สารีบุตร ! พวกปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ
สารีบุตร ! บุคคลที่มีเชื้อ (กิเลส) เหลือ ๙ จำพวก ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ แม้ตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก พ้นแล้วจากกำเนิดเดรัจฉาน พ้นแล้วจากวิสัยแห่งเปรต พ้นแล้วจากอบาย ทุคติ วินิบาต
บุคคลเก้าจำพวกเหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า เก้าจำพวก คือ
(๑) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่าง ในเบื้องต้นให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้จะปรินิพพาน
"ในระหว่างอายุยังไม่ทันถึงกึ่ง"
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๑
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๒) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้จะปรินิพพาน
"เมื่ออายุพ้นกึ่งแล้วจวนถึงที่สุด"
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๒
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๓) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้จะปรินิพพาน
"โดยไม่ต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง"
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๓
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๔) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้จะปรินิพพาน
"โดยต้องใช้ความเพียรเรี่ยวแรง"
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๔
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๕) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
ทำได้เต็มที่ในส่วนสมาธิ
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๕ อย่างในเบื้องต้นให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น อนาคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบน
"ไปถึงอกนิฏฐภพ"
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๕
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๖) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป
และเพราะมีราคะ โทสะ โมหะ เบาบางน้อยลง
เป็น สกทาคามี
"ยังจะมาสู่เทวโลกนี้อีกครั้งเดียว" เท่านั้น
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
1
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๖
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๗) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น โสดาบัน ผู้มีพืชหนเดียว
คือ "จักเกิดในภพแห่งมนุษย์อีกหนเดียวเท่านั้น"
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๗
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัย แห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๘) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป
บุคคลผู้นั้นเป็น โสดาบัน ผู้ต้อง
"ท่องเที่ยวไปสู่สกุล อีก ๒ หรือ ๓ ครั้ง"
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๘
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
(๙) สารีบุตร ! บุคคลบางคนในกรณีนี้
เป็นผู้ทำได้เต็มที่ในส่วนศีล
แต่ทำได้พอประมาณในส่วนสมาธิ
ทำได้พอประมาณในส่วนปัญญา
เพราะทำสังโยชน์ ๓ อย่างให้สิ้นไป
บุคคลนั้นเป็น โสดาบัน ผู้ต้อง
"เที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์อีก ๗ ครั้งเป็นอย่างมาก"
แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
สารีบุตร ! นี้เป็นบุคคลผู้มีเชื้อเหลือพวกที่ ๙
ที่เมื่อตาย ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน
จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
สารีบุตร ! ปริพาชกลัทธิอื่น ยังอ่อนความรู้ ไม่ฉลาด จักรู้ได้อย่างไรกันว่า ใครมีเชื้อเหลือ ใครไม่มีเชื้อเหลือ
สารีบุตร ! บุคคลเหล่านี้แล ที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก เมื่อตายไป ก็พ้นแล้วจากนรก จากกำเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแห่งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต
สารีบุตร ! ธรรมปริยายข้อนี้ ยังไม่เคยแสดงให้ปรากฏแก่หมู่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายมาแต่กาลก่อน ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า?
เพราะเราเห็นว่าถ้าเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมปริยายข้อนี้แล้ว "จักพากันเกิดความประมาท"
อนึ่งเล่า ธรรมปริยายเช่นนี้ เป็นธรรมปริยายที่เรากล่าว ต่อเมื่อถูกถามเจาะจงเท่านั้น ดังนี้แล
นวก. อํ. ๒๓/๓๙๑-๓๙๖/๒๑๖.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา