28 เม.ย. 2022 เวลา 13:00 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 25 : ผีเหรียญ

เป็นเรื่องคาใจทุกครั้งที่เห็นคนไปตามหาผีหรือหาวิธีต่าง ๆ เพื่อจะได้เห็นผี นึกย้อนไปสมัยเด็ก ๆ เราก็เคยท้าผีเหมือนกัน
เรื่องมันเกิดช่วงประมาณ ป.4 - ป.5 อาจเพราะอยากรู้ว่าผีจะมาลงเหรียญมั้ย จะมายังไง จะมีจริงมั้ย เหรียญจะเคลื่อนได้ยังไง เพื่อนคนไหนเเกล้งดันหรือเปล่า
ตอนเเรกเราเป็นเเค่คนดูอยู่ห่าง ๆ พอเพื่อนมันร้องเสียงฮือฮาเวลาเหรียญขยับว่า “เฮ้ย ใครดัน” อีกคนก็บอกว่า “กูเปล่า ๆ” จากนั้นทุกคนก็ถามคำถามนั่นนี่ พอเราเห็นว่าเหรียญมันเลื่อนไปมาได้จริงเลยขอเล่นบ้าง
พอเราได้เล่น เราก็ทดสอบหลายอย่างเลยว่าจริงมั้ย อย่างลองเเช่งเพื่อนว่าใครดันเหรียญขอให้พ่อตาย บางทีเราก็ลองให้เพื่อนที่ไม่ได้เล่นถามคำถามกับวิญญาณที่เชิญมา ซึ่งคำถามนั้นจะมีเเค่เจ้าตัวเท่าที่รู้ คนอื่น ๆ ที่กำลังเล่นอยู่จะไม่รู้ ปรากฏว่าเหรียญที่มีผีก็ตอบถูก เพื่อน ๆ ที่เล่นก็เริ่มกลัว ในขณะที่เรานั้นสนุกมาก เล่นไม่เลิกเลย
ถ้าใครเคยเล่นผีเหรียญจะพอนึกออก ตอนเเรกเรายังไม่ได้เป็นคนเชิญวิญญาณเข้าออก จะมีอีกคนที่คอยตั้งจิตบอกว่าขอเชิญวิญญาณ....มาที่เหรียญนี้ด้วย หรือ เชิญออกไปด้วย ทีนี้พอเราสนุกเราก็สั่งให้เพื่อนมาเล่น คือพักตอนไหนก็เล่น ว่างเมื่อไหร่ไม่เคยพลาด เริ่มพูดเชิญผีญาติเพื่อนอะไรไม่รู้มั่วซั่ว ผลคือเพื่อนกลัวมาก ก็จะเหลือหน่วยกล้าตายเเค่ไม่กี่คน
มีวันนึงตอนเย็น ๆ จำได้ลาง ๆ ว่ามีญาติของเพื่อนในห้องเพิ่งเสีย เลยเชิญเเกมาลงเหรียญ มาจริงหรือเปล่าไม่รู้ เเต่เหมือนเเก (เหรียญ) จะตอบคำถามนั่นนี่ได้ พวกเด็ก ๆ อย่างเราก็สนุกกันมาก พอเล่น ๆ ไปไม่รู้จะถามอะไรก็เริ่มเบื่อ เลยเชิญให้ออกจากเหรียญ
เเล้วเราก็อยากเล่นอีกรอบนึง เเต่ก็ไม่รู้จะเชิญใคร พอมีเพื่อนคนนึงถามขึ้นว่า “เชิญใครดีวะ” เราเลยพูดอย่างคะนองเลยว่า “เอาผีตายโหงตายห่าเเถวเนี้ย ยังไงก็ได้มาเลย” เเล้วเหรียญที่ตอนเเรกเเค่เอานิ้วจิ้มกันไว้เฉย ๆ ก็กระชากเเรงมาก พอเห็นอย่างนี้เราก็คึกมาก รู้สึกเเบบ อย่างนี้สิวะที่รอคอย มันต้องสนุก ๆ อย่างนี้
ทีนี้เราก็ถามไปว่าตายยังไง เหรียญมันก็วิ่งไปมา สรุปได้ว่า ‘รถชน’ เเล้วจากนั้นเหรียญมันก็วิ่งวนไปวนมาวุ่นวายมาก ทำยังไงก็ไม่ยอมไปอยู่ที่จุดพัก หมุนอยู่อย่างนั้นจนเพื่อนที่เล่นด้วยเริ่มกลัว บางคนก็จะร้องไห้ พอถึงจุดที่เพื่อนทนไม่ไหว มันก็พูดว่า “เเก เค้าเฮี้ยน เชิญออกเถอะ” เเต่เราไม่ทำ ไม่เชิญออก เเถมยังไปถามเค้าต่ออีกว่ามาทำไม เหรียญมันก็วนไปมาเป็นคำว่า ‘มึง’ คราวนี้เป็นเราที่เหวอเอง เหวอสุด เราเลยเชิญออก เเต่ไม่ว่าจะเชิญกี่ครั้งเค้าก็ไม่ออก
2
เราเลยบอกเพื่อนไปว่า “ดึงนิ้วออกมั้ย” เพื่อนมันก็บอกว่า “อย่านะ เค้าว่ากันว่าผีจะเข้าตัว” ทีนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยตกลงกันว่าจะเอานิ้วพวกเรานี่เเหละลากไปที่จุดออกเเล้วค่อยยกนิ้วออกพร้อมกัน ตอนที่ดันเหรียญคือต้องใช้เเรงมหาศาลมาก สุดท้ายก็จบ ทุกคนกลัวเเละได้เเยกย้ายกันกลับบ้าน
ทุกคนจบ เเต่เรื่องของเรามันเพิ่งเริ่ม
เราก็กลับบ้านเเบบไม่ได้กลัวอะไร ก็มันจบเเล้วไง เเล้วเราก็คิดว่ามันเป็นเเค่เรื่องสนุกเท่านั้น เเต่คืนนั้นตอนจะนอน พอเราหลับตาเราก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเสียงดังมาก เราตกใจเลยรีบลืมตามาดู เเต่พอลืมตามาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร เราเลยหลับตาอีก คราวนี้ได้ยินหลายเสียงเลย เป็นเสียงร้องทรมาน ร้องเหมือนหาคนให้ช่วย เราก็นอนหลับตาสลับกับลืมตาเเบบกลัว ๆ อยู่นาน จนง่วงเเล้วก็หลับไป ตอนเช้าก็ตื่นไปเรียนเเบบโทรม ๆ
คืนต่อมาก็เหมือนเดิมเลย คราวนี้เราเริ่มกลัวมากขึ้น เพราะถ้าหลับตานานเเล้วยังนอนไม่หลับ เราจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนเเบบยาว ๆ เลย เลยต้องหลับตาสลับกับลืมตาจนมันหลับไปเอง
คืนต่อมาก็เอาอีก คราวนี้เสียงมันเริ่มดังขึ้น เราเริ่มถามกับตัวเองว่า “กูบ้าหรือเปล่า” เเล้วก็ตอบกลับกับตัวเองว่า “ไม่น่านะ เพราะยังคุยกับตัวเองรู้เรื่อง” เเต่ก็เริ่มจะบ้าจริง ๆ เเล้ว เพราะรอบนี้เเม้เเต่ตอนลืมตาก็ได้ยินเสียง ไม่ว่าจะเอามืออุดหูหรือเอากระดาษยัดหูก็ยังได้ยินอยู่ ตอนนั้นเราเริ่มร้องไห้ มันเเบบทนไม่ไหวเเล้ว มันเกินกว่าที่เด็กอายุ 9-10 ขวบ จะทนกับเสียงอะไรก็ไม่รู้ได้อ่ะ เเล้วตอนนั้นก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้คนที่บ้านรู้
เช้าวันต่อมา พอถึงโรงเรียนเราก็เริ่มคิดละว่าเสียงเเปลก ๆ ที่ได้ยินมันมาจากอะไร คิดไปคิดมาก็รู้ว่าเรื่องเเปลก ๆ เรื่องเดียวที่ทำคือเล่นผีเหรียญ เราเลยถามเพื่อนทีเล่นทีจริงไปว่า “เออ เล่นมานี่พวกมึงเจอไรเเปลก ๆ มั้ย เจอผีมั้ย” เเต่ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเจออะไร เราเลยคิดว่าตัวเองบ้า
พอกลับบ้าน ตกดึกเราจะกลัวมาก เราเข้าไปนอนกับเเม่เเล้วบอกเเม่ว่า “หนูไม่อยากหลับ หนูได้ยินเสียงเเปลก ๆ มา 3 คืน เเล้ว มันเสียงดังมาก” พอเเม่บอกเเม่ไม่ได้ยิน เราก็ร้องไห้เเล้วบอกเเม่ว่า “จะเป็นไปได้ไง เสียงดังขนาดนั้นหนูจะได้ยินคนเดียวได้ยังไง เสียงคนร้องโหยหวนตั้งเยอะเเยะ” เเต่เเม่ก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ยิน นั่นยิ่งทำให้เรายิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
ผ่านมาหลายวัน พ่อกับเเม่ก็มาคาดคั้นเราว่าไปทำอะไรมา พอบอกว่าเล่นผีเหรียญก็โดนดุไปนิดนึง เค้าดุอะไรเราก็ไม่ค่อยได้ยินหรอก เพราะตอนกลางคืนเราได้ยินเเต่เสียงกรีดร้อง เเล้วเเม่ก็บอกว่าจะพาไปบ้านยาย
พอมาบ้านยาย เเม่ก็เล่าให้ยายฟัง ยายเราถือได้ว่าเป็นอุบาสิกา เข้าวัดห่มขาวทุกวันพระ ใส่บาตรไม่เคยขาด พอยายรู้ยายก็บอกว่า “มาช่วยยายทำขนมนะลูก” เราก็ไปช่วย เเต่ก็คิดนะว่าเเล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสียงที่เราได้ยิน ทีนี้พอยายทำขนมเสร็จ เราก็จะหยิบกิน เเต่ยายบอกว่า “ไม่ได้ให้กินกันเอง จะทำใส่บาตรพระ ใส่เเล้วเดี๋ยวจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงอีก” เราที่ได้ยินก็ดีใจ เเล้วนั่นก็เป็นครั้งเเรกในชีวิตที่เราใส่บาตร
พอถึงตอนเช้าก็มีพระมาที่หน้าบ้าน เราก็งัวเงียลงมาใส่บาตร ก็ไม่รู้อะไรหรอก ก็สวดตามยาย เเล้วยายก็เล่าให้พระฟัง พระท่านก็พูดอะไรสักอย่างตามด้วยสวดมนต์ เเล้วพระท่านก็บอกว่า “จะไม่มีอะไรมากวนเเล้วนะ อย่าเล่นอีกนะหนู เค้าเเค่มาขอส่วนบุญ” เราก็รับคำเเล้วพูดว่า “หนูกลัวเเล้ว หนูจะตายเเล้ว หนูไม่เอาเเล้ว หนูไม่ได้บ้าใช่มั้ยคะ” ท่านก็บอกว่า “เปล่า หนูก็เเค่ได้ยิน”
พอตกกลางคืนเราก็ไม่ได้ยินเสียงอีก วันต่อ ๆ มาก็ไม่ได้ยิน เราดีใจมาก เเล้วก็ไม่คิดจะเล่นผีเหรียญอีกเลย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา