25 พ.ค. 2022 เวลา 05:00
Ep. 7 บทปฐมนิเทศ
อรุณสวัสดิ์... เปียงยาง
วันที่ 26 สิงหาคม 2528
7.00 น. คือเวลาอาหารเช้าของพวกเราที่พำนักอยู่ทางซีกตึกฝเก่งขวา ส่วนพวกฝั่งซ้ายคือเวลา 7.30 น. (ฟองน้ำก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสิร์ฟกันคนละเวลา) วันนี้ เขาจัดโต๊ะตามสภาพเดิมของห้องอันกว้างนี้ คือจัดโต๊ะกลมเพียง 4 โต๊ะ ตั้งไว้ห่างๆกัน ซึ่งถ้าตั้งห่างกันสบายๆ ก็น่าจะตั้งได้ถึง 8 โต๊ะ นอกจากโต๊ะเรา 8 คนแล้ว เขายังเตรียมอาหารไว้อีก 1 โต๊ะ สำหรับ 6 ที่
ฟองน้ำมาทราบทีหลังว่า เป็นโต๊ะพวกอาจารย์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวที่ได้รับเชิญมาเหมือนพวกเรา แต่พวกเขาถูกจัดให้มาทานเวลา 7.30 น. คือพอเราใกล้จะเสร็จเขาจึงมา ฟองน้ำเข้าใจว่า เจ้าภาพคงจงใจที่จะจัดเหลื่อมเวลากัน แต่ถึงอย่างไรเราทั้ง 2 กลุ่มก็ยังทันได้ทักทาย ถามสบายกันทุกวัน
เมนูอาหารเช้าเยอะทุกมื้อ เริ่มด้วยนมเปรี้ยวขวดโต ยำผักต่างๆ เปลี่ยนชนิดกันไป ข้าวกับซุปแกงจืดที่มีเสมอมิได้ขาด ตามด้วยอาหารประเภทไข่ ขนมปัง เนย และแยมแอปริคอท
รสอร่อยเป็นธรรมชาติ ไม่ใส่เยลลี่หรือสารกันบูดเลย (อันนี้การันตีจาก คุณสุ นักโภชนาการของเรา) ตบท้ายด้วยกาแฟรสสะอาด คือไม่ค่อยเข้มข้น ซึ่งจะมีเสิร์ฟวันหนึ่งเพียงครั้งเดียวในช่วงมื้อเช้าเท่านั้น
ขอบคุณภาพจาก https://commons.wikipedia.org,www.thespruceeats.com
อยู่นานหลายวันเข้า ฟองน้ำจึงได้เรียนรู้ว่า ทั้งกาแฟ ทั้งน้ำตาล ทั้งนม เป็นของที่เขาต้องสั่ง
จากต่างประเทศเข้ามาทั้งนั้น การที่เขาใจป้ำ เสิร์ฟนมเปรี้ยวและกาแฟทุกเช้า จึงเป็นสิ่งพิเศษที่น่าซึ้งใจมิใช่น้อย
1
ไอศกรีมอีกอย่างหนึ่งก็เป็นของพิเศษสำหรับคนเมืองนี้ แต่ฟองน้ำต้องขอสารภาพว่า ชิมไอศกรีมเกาหลีเหนือกี่ทีๆ ก็ไม่อร่อยหวานมันถึงใจสักที เขาคงทำด้วยนมผงหรือนมเทียมและประหยัดน้ำตาลเกินไป ตอนหลัง เห็นไอศกรีม (รสจืดและไม่มัน) ทีไร ฟองน้ำจึงขอสละสิทธิ์ทุกที
1
เป็นที่น่าเสียดาย ที่พวกเราบางคนรวมทั้งนายเป็นโรคแพ้นมเปรี้ยว จึงไม่ได้แตะต้อง “ของหายาก” นี้เลย สำหรับมื้อกลางวันและเย็นไม่มีนมเปรี้ยว แต่จะมีกิมจิแทน และของหวานมักเป็นผลไม้ปอกมาให้เรียบร้อยจัดมาอย่างสวยงาม ส่งท้ายด้วยชาโสมทั้ง 2 มื้อ
เมนูอาหารจะมี 7 อย่าง ไม่ค่อยจะซ้ำกันเสียด้วย และจัดอย่างถูกระบบโภชนาการ ทั้งอร่อยลิ้น ทั้งดูแล้วงามตาด้วย จนนักโภชนาการมืออาชีพของพวกเราต้องเอ่ยปากชมเปาะ ฟองน้ำเองก็ชักติดใจอาหารเกาหลีเพราะมีผักเยอะ ไม่เลี่ยน ทานแล้วสะอาดคอและสบายท้องดี เขาจัดอาหารปริมาณเยอะทุกมื้อ อย่างนี้แล้วจะไม่ให้น้ำหนักขึ้นอย่างไรไหว?
9.00 น. พวกเราเข้าไปในห้องรับรอง ซึ่งอยู่ในตึกเดียวกันกับห้องอาหาร เพื่อฟังการปฐมนิเทศอย่างเป็นทางการจากท่านชา ผู้ซึ่งสาธยายเรื่องลัทธิจูเช่ต่อจากเมื่อคืนอย่างแคล่วคล่องและชำนาญ...
ฟองน้ำบอกคุณแล้วหรือยังว่า ท่านชาผู้นี้ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของสถาบันจูเช่แห่งเกาหลีเหนือด้วย? (สถาบันนี้ ฟองน้ำขอเทียบให้เป็น ว.ป.อ. ภาคทฤษฎีของประเทศนี้น่าจะได้)
ท่านชาแจ้งเพิ่มเติมว่า ศาสตราจารย์หวาง จาง ยบ ประธานของสมาคมสังคมศาสตร์ที่เชิญเรามา ให้คนโทรศัพท์มาบอกท่านว่า ได้ฟังข่าวการมาถึงนครเปียงยางของพวกเราจากวิทยุเมื่อเช้านี้ ท่านฝากคำกล่าวต้อนรับมาด้วย และจะหาโอกาสพบกับพวกเราสักวัน ...
ศาสตราจารย์หวาง จาง ยบผู้นี้ เป็นคนโตคนหนี่งของพรรคคนงาน (หรือพรรคคอมมูนิสต์ซึ่งมีเพียงพรรคเดียวทั้งประเทศ) เลยทีเดียว กล่าวคือ ท่านคิม อิล ซุง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ท่านคิม จอง อิล ผู้บุตรชายเป็นรองเลขาธิการคนที่ 1 ส่วนท่านหวาง จาง ยบ เป็นรองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ …
(หมายเหตุผู้เรียบเรียง : จากแหล่งข่าวที่ไม่อ้างอิงแจ้งว่า ท่านผู้นี้ได้แอบลี้ภัยไปอยู่เกาหลีใต้ เมื่อปลายปีพ.ศ. 2544 และถึงแก่กรรมเมื่อปี 2553)
ในการบรรยายนี้ ท่านชาพยายามทำให้เราเข้าใจว่า ปัจจุบันนี้ เกาหลีเหนือแยกตัวเองออกจากอิทธิพลของโซเวียตแล้ว ทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง ท่านชาสรุปว่า เกาหลีเหนือเป็นมิตรกับโซเวียตและจีน ก็เพราะเราเป็นประเทศสังคมนิยมด้วยกันเท่านั้น แต่เกาหลีเหนือจะไม่ยอมให้ประเทศหนึ่งประเทศใดมาก้าวก่ายกิจการภายในอย่างเด็ดขาด เพราะทุกประเทศมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ท่านชาว่าอย่างนี้
“ในโลกนี้อาจมีประเทศเล็กหรือประเทศใหญ่ได้ แต่จะไม่มีประเทศที่เหนือกว่ากันหรือด้อยกว่ากัน (There are big or small countries, but no high or low countries)”
1
“เกาหลีวันนี้มีพลเมือง 20 ล้าน ในจำนวนนี้ เป็นนักศึกษาถึงเกือบ 9 ล้านคน เราสนับสนุนให้ทุกคนมีการศึกษา เพราะเรายังต้องการนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ...
“เรากำลังมีปัญหาเรื่องการรวมประเทศ (Reunification) เป็นปัญหาการเมืองที่ทำให้คนทางเหนือกับคนทางใต้ที่พูดภาษาดียวกัน เชื้อชาติเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน ต้องถูกแบ่งแยก ไปมาหาสู่กันไม่ได้ ... วันนี้พวกเกาหลีใต้ 84 คน โดยการประสานงานของกาชาดสากล จะมาถึงเปียงยางเพื่อเจรจาถึงปัญหานี้ และหาลู่ทางให้ครอบครัว 10 ล้านคนที่ต้องพลัดพรากจากกันเกือบ 40 ปี ได้มาเจอกันอีก ...”
ฟองน้ำว่ามันแปลกดีนะที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็บอกว่า อยากรวมกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมกันก่อน แถมยังระแวงกันอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายเหนือก็กล่าวหาว่าฝ่ายใต้ยอมตกอยู่ใต้อิทธิพลสหรัฐ และจะยังไม่ยอมเจรจา จนกว่าทางใต้จะดำเนินนโยบาย ‘ปลอดจากอิทธิพลต่างชาติ’ เสียก่อน ฝ่ายใต้เองก็ว่าฝ่ายเหนือต้องขจัดอิทธิพลโซเวียต ที่ซึมซาบอยู่ในระบบการปกครองและกลไกการเมืองเสียก่อน จึงจะเปิดการเจรจารอมชอมเพื่อการปรองดองกัน ฯลฯ
1
ฟองน้ำได้ยินแว่วๆ ว่า ที่โปรแกรมพาไปชมเส้นกั้นแบ่งเขตแดนที่ปันมุมจอม (Panmunjeom) ของคณะเราถูกยกเลิก ก็เพราะความ ‘หน้าตาชาวเอเชีย’ ของเรานี่แหละ ด้วยเกาหลีเหนือเขากลัวว่า เกาหลีใต้จะแปลกปลอมแฝงตัวเป็นสปายมาพร้อมกับคณะเราขากลับยังไงล่ ะ……..(นึกถึงฉากตอนที่เซรีถูกส่งกลับเกาหลีใต้เลยอ่ะ Crash Landing on You :วิกิกับพี่พิม)
เส้นขนานที่ 38 แบ่งแยกเกาหลีออกเป็นเหนือใต้
สรุปแล้ว เขาต้องการให้แขกรับเชิญต่างชาติทุกกลุ่มได้รู้จักและชื่นชมผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับลัทธิจูเช่ และสนับสนุนการรวมประเทศตามหลักการของฝ่ายเหนือนั่นเอง
ท่านชาออกตัวว่าภารกิจท่านมาก คงจะนำชมสถานที่ต่างๆ ด้วยตัวเองไม่ได้ จึงขอมอบหน้าที่ให้โปรเฟสเซอร์แบค (หรือคุณหลังของนาย) เป็นผู้ดูแลพวกเราแทน
เสร็จจากการตกลงเรื่องโปรแกรมดูงานกับท่านชาแล้ว พวกเราก็ออกมาเดินเล่น รอเวลาทานกลางวัน ถนนร่มรื่นด้วยเงาไม้สูง เพลินฟังเสียงนกร้องและเสียงสนส่าย ลมพัดเย็นสบายเมื่อเราไปจับกลุ่มคุยกันที่ศาลาริมน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่บรรดาแขกของบ้านพักมักมานั่งชมวิวกัน
ที่ท่าน้ำ มีเรือพายผูกไว้ 1 ลำ และเรือติดเครื่องอีก 1 ลำจอดอยู่ใกล้ๆ ข้างในเรือลำหลังมีเก้าอี้บุนวมสีเขียวเข้มอยู่ 6 ตัว เราหมายตากันว่า จะขอเขาขับพาไปท่องทะเลสาบกันสักครั้ง
ที่ศาลา มีหนุ่มเกาหลี 4 คนนั่ง (เหมือนกับรอเรา) อยู่ก่อนแล้ว ทุกคนติดเข็มรูปประธานาธิบดีใส่กรอบแบบต่างๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งฟองน้ำคิดว่าน่าจะมีความหมายเกี่ยวพันกับฐานะทางสังคมของผู้ติด พอเห็นพวกเรามานั่ง หนุ่มทั้งสี่คนก็กระจายกันเข้ามาคุยด้วย ภาษาอังกฤษของเขาใช้ได้ทีเดียว
เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระเบาๆ เมื่อเขาถามเรื่องการเมืองบ้านเรา เราก็พยายามเลี่ยงเสีย (นายว่ามาที่นี่ การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่ทัศนศึกษา) และหันมาชวนเขาคุยเรื่องดินฟ้าอากาศแทน กลุ่มของนายแสดงความสนใจซักถามเกี่ยวกับลัทธิจูเช่ เพียงเท่านี้ เราก็ได้นั่งฟังสบาย ๆ ไม่ต้องตอบคำถามอะไรอีกแล้ว เพราะหนุ่มทั้งสี่ต่างช่วยกันประชาสัมพันธ์สาระของจูเช่ไอเดียอย่างกระตือรือล้นและเลื่อมใสยิ่ง
ในบรรดาทั้งสี่คน คนหนึ่งเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ อีก 2 คนเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทของสถาบันจูเช่ ส่วนอีกคนเป็นนักศึกษาวิชาภาษาต่างประเทศปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยคิม อิล ซุง ขณะนี้เป็นช่วงปิดฤดูร้อน ทั้ง 4 คนจึงได้รับหน้าที่ให้มาเป็นล่ามภาษาอังกฤษ รัสเซีย และฝรั่งเศส ของแขกกลุ่มอื่นที่มาพักที่นี่ ซึ่งมีรวมทั้งหมดถึง 45 ชาติ ในบ้านรับรองทั้ง 3 แห่ง ...
ก็ฟองน้ำเคยเล่าให้คุณฟังแล้วไงว่า เป็นระยะที่เกาหลีเหนือกำลังรณรงค์เชิญเพื่อนฝูงจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยียนเขา ในวาระที่เขาเปิดประเทศเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง นั่งฟังหนุ่มๆเล่าเรื่องไปก็เพลินดีเหมือนกัน ยิ่งเป็นเรื่องที่ฟองน้ำไม่เคยรู้ ฟองน้ำยิ่งตั้งใจ….พอๆกับตั้งใจจดจ่อรออาหารกลางวันทีเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป……

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา